BAD ENG' : 01
[ ? เคยไหม...? รู้สึกอยากเอาชนะใครบางคนจนแทบเป็นบ้า]
----------------------
BAD ENG' : 01
[-พาร์ทอดีต-]
สองปีก่อน...
ฮึ้มมมม…! ฮึ้ม!!!
เฟอร์รารี่สีดำทมิฬเครื่องวีหกเทอร์โบส่งเสียงทรงพลัง ราวเสือร้ายคำรามร้องขู่เมื่อเจอคู่ต่อสู้สมน้ำสมเนื้อ อยู่กลางสนามแข่งอันเลื่องชื่อใจกลางเมืองเชียงใหม่ซึ่งสร้างมาแล้วหลากหลายตำนานจากรุ่นสู่รุ่น และออดี้เทาเข้มแต่งเต็มลูกสูบที่เพิ่งเคลื่อนเข้ามาจอดขนาบข้างก็โต้ตอบกลับไปแบบไม่มีใครยอมใคร
“ไอ้กระจอก!” ตะวัน หนุ่มวิศวะปากร้ายพ่นคำดูแคลนผ่านกระจกที่เปิดไว้ไปยังคนในรถอีกคัน ตามด้วยส่งนิ้วกลางทักทาย พร้อมใช้ลิ้นดุนดันกระพุ้งแก้มแล้วกระตุกคิ้วเข้มด้วยท่าทางยียวนกวนบาทาเบื้องล่างขั้นสุด
ทว่าฝ่ายตรงข้ามไม่มีท่าทีบันดาลโทสะหรืออยากยั่วยุอารมณ์เขาเฉกเช่นแต่ก่อน เหมือนเด็กอาชีวะต่างสถาบันผู้นั้นจะจมอยู่กับอาการมึนงงหนัก อาจเพราะแรกเริ่มเดิมทีคู่ดวลในแมตช์นี้ไม่ใช่ตะวันก็เป็นได้ ดังนั้นความมั่นใจเกินร้อยที่จะคว้าเงินเดิมพันในตอนแรกลดฮวบเกือบถึงขีดต่ำสุด
ก่อนจะพากันเบนไปสนใจเรซคิงกิตติมศักดิ์ในค่ำคืนนี้
หู้วววว…หู้วว์
“เอาละ…เอาละ” เจ้าของน้ำเสียงทุ้มต่ำยกสองมือขึ้นเหนือศีรษะเพื่อหยุดกองเชียร์ เขาคือ พายุ เดือนเด่นของศิลปกรรมศาสตร์ “วินาทีสำคัญมาถึงแล้ว จับตาดูความเซอร์ไพรส์ในแมตช์นี้ให้ดีนะฮะ พลาดแล้วพลาดเลย ไม่มีก๊อกสองนะ ถือว่าเตือนแล้ว”
คนขี้เล่นเดินไปรอบๆ เพื่ออวดท่าทางแสนทะเล้นตามสไตล์ แล้วจบลงด้านหน้าระหว่างรถสองคัน ปืนลูกโม่ที่เหน็บข้างถูกควักออกมาชูขึ้นฟ้าจนสุดแขนหลังได้รับสัญญาณบ่งบอกถึงเวลาสนุกเป็นการตบไฟขึ้นลงจากผู้ลงแข่ง
“พร้อมนะ สาม สอง...”
ปัง!!
ฟิ้ววว์~ ฟิ้ววว~
เกิดแบคไฟร์พุ่งออกท่อไอเสียแทบจะพร้อมกัน ล้อเคลื่อนตัวด้วยความเร็วอัดเต็มที่ตั้งแต่เริ่มสตาร์ท กระชากดึงแผ่นหลังกว้างแนบชิดไปกับเบาะหนังหรูหราโดยอัตโนมัติ ดวงตาเฉี่ยวคมเป็นเอกลักษณ์หลุบมองเข็มบนหน้าปัดไมล์วูบหนึ่ง แล้วกดน้ำหนักปลายเท้าลงไปอีกชนิดที่ว่าหากมีหนูสักตัววิ่งตัดเข้ามาก็คงแบนแต๊ดแต๋ติดถนน
“หึ! คิดจะสู้กับกูเหรอ ไปตายแล้วกลับมาเกิดใหม่อีกสามรอบก่อนเหอะ ไอ้สัส”
จังหวะนั้นหัวเกียร์เหล็กทรงกลมถูกตบสลับเปลี่ยน ฝ่ามือหนึ่งปัดพวงมาลัยหมุนซ้ายอย่างคล่องแคล่ว ส่วนอีกข้างเอื้อมดึงเบรกมือขึ้นโดยไม่ลังเล จนเกิดเป็นท่วงท่าพาวเวอร์สไลดิ้งขณะเข้าโค้ง ซึ่งผู้เป็นเจ้าของคอนโทรลตัวรถไปตามเส้นทางได้สวยงามราวกับจับวางเสมือนนักแข่งระดับเซียนเลยทีเดียว สร้างปรากฏการณ์ครั้งใหม่ในรอบหลายสิบปีที่คนเป็นพ่อเคยทำไว้ แต่ก็ไม่เพอร์เฟกต์เท่านี้...
ขนาดพวกรุ่นเก๋าที่จับตามองอยู่ด้านบนยังแสดงสีหน้าเหลือเชื่อกันเป็นแถวๆ
เสียงฮือฮาจากผู้ชมรอบด้านเป็นเครื่องการันตีว่านี่คือเซอร์ไพรส์ที่น่าตื่นเต้นมากแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็นภาพนิ่งหรือเคลื่อนไหวต่างก็ถูกเซฟลงเครื่องมือสื่อสารนับร้อยและเผยแพร่สู่โลกออนไลน์ในเวลาอันรวดเร็ว
สำคัญกว่านั้นคือไม่บ่อยมากนักหรอกนะที่จะได้เห็นทายาทมาเฟียเลือดร้อนรุ่นที่สามวาดลวดลายเต็มสปริงขนาดนี้
ด้านคู่แข่งก็ใช่ย่อย บีม พาซูเปอร์คาร์คันหรูของรุ่นพี่ในกลุ่มตีขึ้นมาสูสีได้อย่างน่าทึ่ง สองหนุ่มเหลียวมองฟาดฟันกันดุเดือด สายตาเชือดเฉือนราวคมมีดสู้รบตบมือในจินตนาการเทียบเท่ากับศึกภายนอก
ตะวันเดาะลิ้นไม่สบอารมณ์ ก่อนจะกดคันเร่งจมตีนในเสี้ยวนาทีสุดท้าย
เฮ้!!! ยู้...ฮู้ววว์
เอี๊ยดดดดดด....
เอี๊ยดดด...!
เสียงเบรกสะบัดดังกังวานไล่เลี่ยหลังพุ่งผ่านเส้นชัยมาหมาดๆ ซึ่งคลาดกันเพียงช่วงล้อหน้าเท่านั้นเอง
ถือว่าสมศักดิ์ศรี!
“มันต้องแบบนี้ดิวะ!” ผู้ชนะตบพวงมาลัยพึงพอใจ แล้วเปิดประตูก้าวขาลงมายืนข้างรถอย่างสง่าผ่าเผย ไม่วายปรายตาเย้ยหยันผู้พ่ายแพ้เล็กน้อย ขณะที่เสียงกรี๊ดกร๊าดยังเล็ดลอดเข้าโซนประสาทจนหูแทบดับ มือหนึ่งยกขึ้นรอรับแท็กทีมจากไอ้เด็กศิลป์ที่เดินนำเข้ามาเป็นคนแรก
แปะ!
“แม่ง! โคตรสุด” ไฟ หนุ่มแว่นแห่งนิติศาสตร์อดไม่ได้ที่ยกนิ้วหัวแม่มือยอมรับความทำถึงของเพื่อนซี้ ส่วน ม่านหมอก ไปหยุดทิ้งสะโพกพิงกระโปรงหน้าแล้วยกแขนวางพาดบนไหล่เจ้าของรถ และอีกคนรั้งท้ายตลอดทุกงานก็คือ สายลม แน่นอนว่าเขาไม่ได้ให้ความสนใจสิ่งมีชีวิตตนใดบนโลกแม้กระทั่งเพื่อนสนิททั้งสี่ แต่ปรี่ไปสำรวจยานพาหนะแทน
“มันแน่นอนอยู่แล้ว” คนถูกชื่นชมยืดตัวพองขนไหวไหล่ขึ้นอย่างชิลเหมือนกับการแสดงเมื่อครู่มันง่ายเพียงดีดนิ้วป๊อกเดียว จากนั้นก็หันไปจูบบริเวณขอบประตูด้านบนแล้วลูบเบาๆ อย่างทะนุถนอมแฝงความภาคภูมิใจ ไม่เคยผิดหวังที่ทุ่มสุดตัวในการตั้งใจเรียนเพื่อใช้เกรดท็อปวันแลกมันมาเมื่อปีที่แล้ว...
“มึงนี่มันเหี้ยมากนะ ไอ้ตะวัน!”
น้ำเสียงกระโชกโฮกฮากจากคนพาลเรียกให้ทุกสายตาหันไปจับจ้องโดยพร้อมเพรียง บีมกระแทกเท้าเข้ามาหยุดในระยะประชิด พร้อมยกมือขึ้นชี้หน้าตะวันด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว
“แล้วกูเคยพูดว่าเป็นคนดีเหรอ” สองมือถูกส่งเข้าไปเก็บในกระเป๋าเสื้อแจ็คเก็ตราคาแพง ขณะหย่อนก้นลงข้างๆ ม่านหมอก
“มึงก็รวยอยู่แล้ว จะมาลงแข่งทำเหี้ยอะไรวะ”
“เรื่องของกู” เดิมพันไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะเน้นความสะใจเป็นหลัก
“ไอ้สัส!”
“กูให้เวลามึงแค่อาทิตย์เดียว เงินเดิมพันในคืนนี้ต้องถึงมือกูครบทุกบาททุกสตางค์” ตะวันยื่นขอเสนอที่รู้อยู่แก่ใจว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะถ้ามันมีคงไม่มาลงแข่งเพื่อแลกกับเงินหลักหมื่นในครั้งนี้
“...” คนฟังสูดลมหายใจเข้าไปส่วนหนึ่งพลางกำมือที่ทิ้งข้างลำตัวแน่น
“แต่ถ้ามันยากไป...” ประโยคของผู้เหนือกว่าหยุดไว้แค่นั้น เพื่อรอคนสำคัญที่วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาจากทางด้านหลังคู่สนทนาและเมื่อฝีเท้าเล็กหยุดลงข้างพี่ชายตัวเองในอาการเหนื่อยหอบ แววตาที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม แลดูชั่วร้ายราวกับปีศาจที่จ้องจับเหยื่อก็เลื่อนไปมองเหยื่อผู้นั้น “เอาน้องมึงมาแทนไหม เดี๋ยวกูจ่ายเพิ่มให้อีกเท่าหนึ่งเลย”
เพียะ!
ครืด! ครืด!
หมัดของบีมยังชะงักอยู่กลางอากาศ เพราะใบหน้าหล่อเหลาสะบัดไปตามแรงฟาดฝ่ามือยัยน้องซะก่อน หากแต่ไม่ทันมีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นต่อจากนั้น ไอโฟนในกระเป๋ากางเกงยีนส์ตัวสวยก็สั่นเตือน หญิงสาวละทิ้งคำด่าทอไปชั่วขณะ แล้วล้วงมันออกมาเลื่อนสไลด์รับสาย
“ชู่ว์...” ปลายนิ้วเรียวยกจ่อปากพร้อมส่งเสียงให้เงียบเมื่อเห็นว่าคนถูกตบลุกพรวดขึ้นยืนเต็มความสูงอย่างเอาเรื่อง ก่อนเธอจะกรอกเสียงสุภาพลงไป “สวัสดีค่ะ”
แล้วกูต้องเม้มปากตามคำสั่งเธอทำห่าอะไร!
“อะไรวะ...” ความคิดที่ทักท้วงอยู่ในใจหลุดออกมาแผ่วเบา ตัวตึงวิศวะหันมองหน้าบุคคลในแก๊งไปมา คล้ายจะขอความคิดเห็นและได้รับเป็นการทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้กลับมา
ส่วนบีมก็เริ่มร้อนรนอยู่ไม่สุขเมื่อเห็นว่าคนคุยโทรศัพท์นิ่งเงียบไปเกือบนาที แถมสีหน้าน้องก็ไม่สู้ดีนัก
“พี่บีม เราต้องรีบไปแล้ว” น้ำเสียงตื่นตระหนกร้องบอกคนเป็นพี่หลังวางหู จากนั้นทั้งคู่ก็พากันสับเท้าไปตามทาง โดยไม่แยแสคนหัวร้อนดั่งดวงอาทิตย์ที่ตะโกนว๊ากเลยสักนิด
“เห่ย!...” มือที่ยกขึ้นหวังจะโบกเรียกจำต้องเปลี่ยนมาชี้เข้าหาตัวพลางเลิกคิ้วอย่างนึกสงสัย “นี่คือกูโดนตบฟรี?”
“แล้วมึงได้ตังค์ไหมล่ะ” ม่านหมอกตอบกลับเป็นคำถามแบบนิ่งๆ
“ไอ้เวร...”
“มึงด่าผู้หญิง?”
“ด่ามึง! นั่นแหละ...ไอ้เหี้ย!”