ุ6.
ซันและฟู่ยืนมองตามหลังพิมพ์ใจและถิงถิงที่เดินจากไป ทันใดนั้นซันก็หยิบปากกาจากกระเป๋าเสื้อนักศึกษา เขียนลงในสมุดเลกเชอร์ด้วยท่าทางเคร่งขรึมว่า
“เจอกันที่สนามฟุตบอลเย็นนี้ครับ ... ซัน”
ฟู่หรี่ตามองแล้วหัวเราะเบา ๆ พลางตบไหล่เพื่อน
“อื้อ! ไม่ธรรมดาแล้วสิ ทำท่าเหมือนเขียนจดหมายรัก”
ซันไม่ได้ตอบ แต่รีบวิ่งตามไปส่งกระดาษที่พับครึ่งเรียบร้อยให้พิมพ์ใจ เธอทำตาโตเล็กน้อยด้วยความงุนงง แต่ก็ยื่นมือไปรับอย่างเงอะงะ หัวใจเต้นแรงโดยไม่รู้ตัว เมื่อเดินแยกออกมา พิมพ์ใจแอบเปิดดู ข้อความสั้น ๆ แต่ลายเส้นหนักแน่นจริงใจทำให้ริมฝีปากเธอยิ้ม ถิงถิงที่เหลือบเห็นก็หัวเราะ แอบผลักแขนเพื่อนเบา ๆ
“หน้าแดงเชียวนะพิมพ์ …เขียนสั้น ๆ แต่ทำไมตัวดูเหมือนอ่านกลอนรักยาวเป็นหน้า”
พิมพ์ใจรีบปิดสมุด แต่หัวใจยังสั่นระรัว
ในขณะเดียวกัน ฟู่ที่เดินตามลอบมองถิงถิงจากไกล ๆ ใจเขาอดคิดไม่ได้ว่าผู้หญิงคนนี้ แม้จะช่างแซวแต่ก็มีเสน่ห์เหลือเกิน
ในชั่วเวลาเพียงพริบตาที่ทั้งสองคุยกันเพลินๆนั้นไม่ทันสังเกตว่ามีชายหนุ่มรูปร่างสูง ผิวสีน้ำผึ้ง ใบหน้าคมเข้ม ท่าทางสมาร์ทเดินมาพอดีบัดนี้เขายืนยิ้มหน้าบานอยู่ตรงหน้าสองสาวแล้วและทักทายว่า
“โชคเข้าข้างอย่างที่สุดที่ได้พบกับน้องพิมพ์พอดี”
“ค่ะพี่กรมาทำอะไรแถวนี้ค่ะ” พิมพ์ใจพูดตอบ ส่วนถิงถิงไม่พูดอะไรนอกจากพยักหน้าเป็นการทักทายเพราะเธอเองกับนายตำรวจหนุ่มที่เธอค่อนข้างรู้จักกันเป็นอย่างดีด้วยเหตุที่น้องสาวของนายตำรวจหนุ่มเป็นคนที่เธอรู้จักตอนที่ไปเรียนลีลาศนั่นเอง
“คุณพ่อให้มารับน้องพิมพ์กลับบ้านครับ”
ถิงถิงตอบแทนพิมพ์ใจเพราะเห็นว่าเพื่อนมีท่าทีกระอักใจไม่อยากตอบ
“อ๋อ ! พอดีอาจารย์นัดเรียนเพิ่มค่ะขอตัวก่อนนะคะ”
“พิมพ์เห็นต้องขอตัวก่อน นะคะ กลัวจะเข้าเรียนไม่ทัน” พิมพ์ใจพูดจบก็ก้มศีรษะลงเล็กน้อยและเดินคียงคู่กับถิงถิงตรงไปยังตึกเรียนที่อยู่ตรงหน้า
ระหว่างที่นั่งรออาจารย์ถิงถิงก็ซักเพื่อนต่อว่า
“พิมพ์ ตัวยังไม่บอกเลยว่าพ่อหนุ่มหน้าตี๋คนนั้นเป็นลูกเต้าใครหรือ”
พิมพ์ใจขยับเข้ามาใกล้ๆกับถิงถิงแล้วพูดเบาๆว่า
“ตัว ตัวอย่าบอกใครนะ ว่าเขาคนนั้นเป็นเด็กวัดแถวบ้านเค้าเคยเห็นเดินตามหลวงลุงตอนมาบิณฑบาตนานโขแล้ว เห็นหน้ากันมาเป็นสิบปีเห็นจะได้ ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้พูดคุยแต่ไปดูมวยคืนนั้น”
“ต๊าย! ยายพิมพ์! คุณพ่อตัวทราบเรื่องไหม”
“จุ๊ จุ๊ ตัว เบาๆซิ แล้วกันซิ เล่าให้ฟังก็ตกใจไม่น่าเล่าเลย”
“อ้าว! ถ้าเช่นนั้นตัวอย่าไปพูดด้วยเลย” ถิงถิงกล่าวเตือนเพื่อนทั้งที่ตอนแรกเธอยังนึกในใจว่าพ่อหนุ่มหน้าตี๋ท่าทางดี สุภาพ แต่พอมารู้เรื่องนี้เธอเองก็ไม่อยากจะให้เพื่อนพูดคุยด้วย ถิงถิงคิดว่า
‘เรื่องเช่นนี้ไม่ต้องให้ถึงหูคุณลุงกับคุณย่าเดี๋ยวเธอจะจัดการเอง’
หลังจากเรียนเสร็จแล้วพิมพ์ใจเก็บหนังสือและสมุดเลกเชอร์เรียบร้อยแล้วก็ลุกขึ้นเลื่อนเก้าอี้ออกมายืนรอถิงถิงที่กำลังเก็บของ ส่วนเพื่อนในคลาสคนอื่นต่างทยอยเดินออกจากห้องเลกเชอร์เพื่อไปที่สนามฟุตบอลเพราะมีรุ่นพี่มาเชิญชวนและเดินไปด้วยกัน ถิงถิงสังเกตเห็นสีหน้าแจ่มใส เบิกบานของพิมพ์ใจก็อดจะพูดไม่ได้ว่า
“ตัว หน้าบานเป็นจานเชิงเลยนะ”
“ตัวมัวแต่พูดอยู่นั้นหละรีบไปเถอะรุ่นพี่รออยู่”
ทั้งพิมพ์ใจและถิงถิงเดินออกจากห้องเรียนและรีบตรงไปที่อัฒจันทร์ข้างสนามฟุตบอลบริเวณข้างตึกที่เรียน ระหว่างทางที่เดินไปก็ได้ยินเสียงตีกลองร้องเพลงเชียร์เสียงบูมคณะฯกระหึ่มมาเป็นพักๆ ทั้งคู่เดินมาถึงอัฒจันทร์ด้านหน้าเพื่อนๆที่นั่งอยู่ก่อนก็ขยับพอให้ทั้งสองนั่งได้ ไม่นานนักฟุตบอลก็เริ่มแข่งขันขึ้นโดยไม่มีพิธีรีตองอะไรเพราะเป็นกิจกรรมของนักศึกษาจัดขึ้นมาเองไม่ใช่ฟุตบอลประเพณีของทางมหาวิทยาลัย แต่ก็มีการแข่งขันแบบปีระหว่างคณะวิศวะฯและคณะคุรุฯมานานแล้ว ทันทีที่พิมพ์ใจนั่งลงสายตาของเธอก็มองหานคินทร จนถิงถิงพูดขึ้นว่า
“นั่นกระมั่ง เป็นกองหน้า ตัวคงเห็นแล้ว”
พิมพ์ใจไม่ตอบได้แต่พยักหน้าแล้วยิ้มส่วนถิงถิงถึงกับส่ายหน้ากลัวว่าพิมพ์ใจจะสนใจหนุ่มหน้าตี๋คนนี้จริงจังเพราะเธอไม่เคยเห็นว่าเพื่อนรักจะมีอาการเช่นนี้มาก่อน ทั้งพิมพ์ใจและถิงถิงต่างช่วยกันร้องเพลงเชียร์ของคณะฯ พอเวลาพักครึ่งแรกสกอต์เสมอ 0 : 0 ขณะที่พักนั้นพิมพ์ใจกับถิงถิงคุยกันอยู่นั้นพอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นหนุ่มหน้าตี๋ทั้งสองมายืนอยู่ข้างๆอัฒจันทร์ที่เธอทั้งสองนั่งอยู่ ซันพูดขึ้นด้วยเสียงดังแข่งกับเสียงกลองและเพลงเชียร์ว่า
“ขอบคุณครับที่มาเชียร์”
พิมพ์ใจได้แต่ยิ้มเขินแต่ถิงถิงพูดตอบกลับไปว่า
“รุ่นพี่บังคับให้มาทุกคนไม่ได้มาเชียร์คุณ คุณคงเข้าใจผิดกระมั่ง”
พิมพ์ใจแอบหยิกแขนเพื่อนสาวที่พูดไปแบบนั้น ขณะนั้นเองท่านชายภีรเชษฐ์ก็เดินตรงมาหาหนุ่มหน้าตี๋ทั้งสองที่เป็นรุ่นน้องแล้วทักขึ้นว่า
“ชะช้า!”
ทั้งซันและฟู่ ต่างพูดพร้อมกันว่า
“คร๊าบ! ท่านชาย”
“ดอดมาหาสาวๆในทันใดเร็วกว่ากามนิตเสียอีกนะ”
ทั้งซันและฟู่ถือโอกาสหลบฉากเพราะท่านชายภีต่างรู้ทันพวกเขา เขาทั้งคู่จึงขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้า หลังจากหนุ่มหน้าตี๋ทั้งสองไปแล้ว ถิงถิงก็ขยับให้ท่านชายภีนั่งถิงถิงรู้ว่าต้องทำตัวเช่นไรในเหตุการณ์แบบนี้เธอทำหน้าที่เป็นเพื่อนที่ดีเปิดโอกาสให้พิมพ์ใจและท่านชายภีได้สนทนากันโดยไม่ขัด
หลังจากการแข่งขันฟุตบอลจบลงด้วยสกอร์เสมอกัน หนึ่งต่อหนึ่ง พิมพ์ใจและถิงถิงก็เดินออกมาพร้อมกันส่วนท่านชายภีขอตัวกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ระหว่างทางเดินมาบริเวณที่จอดรถพิมพ์ใจกับถิงถิงก็ได้พบกับซันและฟู่ก็พูดขึ้นว่า
“โชคช่างเข้าข้างอย่างที่สุดครับ” ฟู่พูดขึ้นส่วนซันยิ้มให้กับพิมพ์ใจและเดินเข้ามายืนข้างๆพิมพ์ใจแล้วเขาพูดขึ้นว่า
“ให้ผมช่วยถือหนังสือนะครับ” พูดจบนคินทรกำลังจะยื่นมือรับหนังสือที่พิมพ์ใจหอบมาสองสามเล่มเป็นจังหวะที่ถิงถิงเห็นพอดีเธอจึงเข้ามาแทรกตรงกลางระหว่างพิมพ์ใจและซันในทันทีและพูดขึ้นมาแก้เก้อว่า
“พิมพ์ เค้าขอยืมสมุดเลกเชอร์หน่อยซิ”
“ได้ซิ”
ถิงถิงรับสมุดเลกเชอร์จากพิมพ์ใจมาแล้วก็พูดขึ้นว่า
“คุณสองคนมีธุระอะไรหรือ”
ฟู่เห็นเหตุการณ์ก็เข้าใจว่าถิงถิงตั้งใจและพยายามกันไม่ให้ซันได้มีโอกาสพูดกับพิมพ์ใจ เขาจึงพูดขึ้น
ว่า
“คุณจะกันท่าเพื่อนคุณไปถึงไน
ถิงถิงชะงักไปนิด ก่อนจะทำเสียงดุใส่
“ไม่ใช่เรื่องของคุณหรอก”
“แต่ผมอยากให้เป็นเรื่องของผมนะ” ฟู่พูดแผ่ว ๆ แต่จริงใจ คำพูดนั้นทำให้ถิงถิงนิ่งงัน ใบหน้าร้อนผ่าวจนต้องหันไปมองทางอื่น แล้วฟู่ก็พูดต่อว่า
“ผมกับซันจะมาขอแลกตุ้งติ้งครับเพราะกิจกรรมเมื่อครู่พวกเราเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่”
ถิงถิงรีบตอบขึ้นว่า
“เราสองคนแลกกับคนอื่นแล้วคงไม่แลกอีก”
ฟู่ไม่ยอมถิงถิงเช่นกันก็พูดขึ้นว่า
“ที่คุณใส่ยังเป็นของคณะคุรุฯอยู่เลยครับ”
เมื่อถิงถิงได้ยินที่ฟู่พูดก็ทำหน้ากระเง้ากระงอดในทันใด พิมพ์ใจจึงพูดขึ้นว่า
“แลกก็ได้ค่ะ” หลังจากพูดจบพิมพ์ใจก็ยื่นหนังสือให้ซันช่วยถือ แล้วเธอก็แกะตุ้งติ้งที่ติดอยู่ปกเสื้อด้านซ้ายออกมายื่นให้ซัน ส่วนเขาก็แกะของตัวเองที่ติดอยู่ที่เนคไทส่งให้เธอ ทั้งคู่ต่างสบตากัน
ฟู่กระแอมขึ้นแล้วพูดกับถิงถิงว่า
“คุณคงไม่แลกกับผมกระมั่ง”
ถิงถิงถอดหายใจอย่างระอาใจ พลางยื่นมือออกไป แลกอย่างเสียไม่ได้ แต่หัวใจกลับเต้นแรงราวกับถูกดึงเข้าใกล้ชายหนุ่มที่เธอพยายามผลักไส
เสียงรอบสนามค่อย ๆ เบาลงเมื่อผู้คนทยอยออกไป เหลือเพียงแสงไฟสลัวและเสียงลมพัดแผ่ว ๆ
ซันเอื้อมมือไปเก็บกระเป๋าของพิมพ์ใจที่เธอลืมวางไว้ เขาเดินมาคู่ข้างเธอพลางยื่นให้
“ของพิมพ์ครับ”
พิมพ์ใจยิ้มอาย ๆ รับมา
“ขอบใจนะซัน”
ทั้งคู่เดินเคียงกันบนทางเดินเล็ก ๆ ข้างสนาม สนามที่เมื่อครู่เต็มไปด้วยเสียงเชียร์ บัดนี้เหลือเพียง
ความเงียบสงบ ซันเหลือบมองตุ้งติ้งที่แกว่งเบา ๆ บนกระเป๋าของเธอ ก่อนพูดเสียงทุ้ม
“ดีใจนะ…ที่เธอยอมรับมันไว้”
พิมพ์ใจเม้มปาก ก้มหน้าซ่อนรอยยิ้ม ลมหายใจที่ออกมาคล้ายมีไออุ่นปน
“ฉันเองก็ดีใจ…ที่มันมาจากนาย”
ซันหัวเราะเบา ๆ พลางก้าวเข้าไปใกล้กว่าเดิม สายตาคมอบอุ่นเหมือนจะพูดแทนคำทั้งหมดที่ไม่กล้าเอ่ย
ฟู่เดินข้างถิงถิงที่ยังถือหนังสือไว้แนบอก รอยแดงระเรื่อบนแก้มเธอยังไม่จาง เขาเอื้อมมือไปดึงชายแขนเสื้อเธอเบา ๆ
“อะไร”
ฟู่ส่ายหน้า แต่สายตากลับอ่อนโยน ถิงถิงชะงักก้าว หัวใจเต้นแรงจนเธอต้องหันหน้าไปอีกทาง ฟู่
หัวเราะเบา ๆ มือใหญ่เผลอแตะผมที่ปลิวมาเกะกะบนแก้มเธอ
“ยิ้มแบบนี้ ผมชอบที่สุด”
เสียงหัวใจของทั้งสองดังประสานกันท่ามกลางความเงียบหลังสนาม
