ตอนที่7 แค่น้องสาว
ตอนที่7 แค่น้องสาว
.
.
.
# ณ ห้างเอสพลาซ่า
ตกเย็นทุกคนก็มารวมกันอยู่ร้านชาบูภายในห้างดัง บนโต๊ะยาวมีสมาชิกแปดคนเรียงราย นับสองนั่งอยู่ตรงกลางระหว่างเป็นหนึ่งและกันต์ ส่วนแดนดินกับขุนเขานั่งประจำหัวโต๊ะทั้งสองฝั่ง ตรงข้ามกับนับสองคือกลุ่มของกิมจิ ไฟ และเก้า เมื่อมาถึงพร้อมหน้า ทุกคนก็สั่งอาหารกันทันที
.
.
ขณะที่นับสองกำลังจะคีบลูกชิ้นเข้าปากอยู่นั้น ก็มีเสียงท้วงดังขึ้นพร้อมกัน
“ห้ามกิน (กันต์) / กินไม่ได้นะ (ไฟ) ”
ทุกคนบนโต๊ะต่างก็พากันชะงักการกิน แล้วหันไปมองทั้งสองคนเป็นตาเดียว
“....” นับสองถึงกับงง ทำไมสองคนนี้ถึงห้ามไม่ให้เธอกิน
“เอามานี่...เดี๋ยวพี่กินเอง” กันต์คว้ามือของนับสองแล้วนำลูกชิ้นชิ้นนั้นเข้าปากตัวเองไป
“....” นับสองยิ่งงงหนักขึ้น ได้แต่กระพริบตาปริบๆ มองเขาด้วยความไม่เข้าใจ
“ทำไมมึงสองคนต้องห้ามไม่ให้อาหมวยน้อยกินด้วยวะ” ขุนเขาเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“สองแพ้ปลา...แล้วอันที่สองจะกิน มันมีส่วนผสมของเนื้อปลา” กันต์ตอบพร้อมกับคีบหมูกินต่อ เหมือนไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก
ทางด้านไฟก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแค่นับสองไม่ได้กินลูกชิ้นนั้นเข้าไป เขาก็สบายใจแล้ว
“เป็นอะไร อิ่มแล้วหรอหมวย” เป็นหนึ่งที่เพิ่งเดินกลับเข้ามา หลังจากออกไปคุยงาน เห็นน้องสาวนั่งนิ่งจึงถามขึ้น
“อ้อ...เปล่าค่ะ พอดีเมื่อกี้น้องเกือบจะกินลูกชิ้นปลาเข้าไป ดีที่ไฟกับพี่กันต์ห้ามไว้ทัน...”
“หมวย...ทำไมไม่รู้จักระวัง” เป็นหนึ่งถึงกับหน้าตึงทันที รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองแพ้ปลาขั้นรุนแรงก็ยังไม่รู้จักระวังตัว “แล้วใครสั่งมา”
“น้องสั่งมาเองค่ะ...น้องคิดว่ามันเป็นลูกชิ้นหมู...น้องผิดเองที่ไม่ได้อ่านก่อน แค่เห็นรูปก็กดสั่งมาเลย” นับสองตอบเสียงแผ่วเบา ก้มหน้าลงอย่างคนรู้สึกผิด
“หม้อนี้กินไม่ได้แล้ว เดี๋ยวสั่งเด็กให้มาเปลี่ยนหม้อ”
แล้วกันต์ก็พูดขึ้นด้วยท่าทางปกติ ก่อนจะเรียกพนักงานมาให้ทำการเปลี่ยนหม้อชาบูใหม่ เพราะหม้อเดิมได้ต้มลูกชิ้นปลาไปแล้ว ไม่รู้ว่าจะเป็นอันตรายหรือเปล่าถ้าหากยังกินต่อ จึงเปลี่ยนหม้อเพื่อความสบายใจจะดีกว่า
นับสองที่เห็นว่าเขาทำเหมือนเป็นห่วงตัวเอง ก็แอบยิ้มคนเดียวก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเข้าแอปพลิเคชันไลน์
ไลน์
นับสอง : “เป็นห่วงเค้าหรอที่รัก (อิโมจิหัวใจ) ”
ติ๊ง!...
ไม่นานเสียงแจ้งเตือนข้อความจากโทรศัพท์เครื่องหรูของกันต์ก็ดังขึ้น เขาจึงยกขึ้นมาดู ก็เห็นว่าเป็นคนที่นั่งข้างๆ ส่งมา กันต์ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะวางโทรศัพท์ลงโดยไม่ได้ตอบอะไรกลับไป
นับสอง : “เงียบ...แสดงว่าเป็นห่วงจริงๆ สินะ รักเค้าเข้าแล้วล่ะสิ บอกมาเถอะน่า...เรื่องที่ผ่านมา ที่พี่ชอบดุด่าว่าเค้า เค้าให้อภัยพี่ก็ได้...ถ้าพี่ยอมรับ ว่าชอบเค้าเหมือนกัน”
แล้วเสียงข้อความจากเครื่องของกันต์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง กันต์จึงหยิบขึ้นมาอ่าน พออ่านจบก็ถอนหายใจออกมาแต่ก็ไม่ได้ตอบกลับเหมือนเดิม
“เป็นอะไรของมึง กูเห็นสองรอบละ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูแล้วก็ถอนหายใจ” ขุนเขาที่นั่งข้างๆ กันต์ เอ่ยถามเพื่อนด้วยความสงสัย
“เปล่า ไม่มีอะไร” กันต์ตอบเสียงราบเรียบ
“งั้นเดี๋ยวกูกลับก่อน เฮียซันเรียกตัวด่วน” ก่อนจะลุกขึ้นแล้วบอกลาทุกคน
นับสองได้แต่มองตามหลังเพื่อนพี่ชายที่ตนหลงรักไปด้วยสายตาเศร้าสร้อย จากที่ดีใจหลงคิดว่าเขาเป็นห่วงเพราะเริ่มชอบตัวเองแล้ว กลับกลายเป็นหน้าแตกยับไม่มีชิ้นดี จิตใจห่อเหี่ยวลงราวกับลูกโป่งที่ถูกเข็มจิ้มแตกแฟ่บลงภายในพริบตาเดียว แต่มันก็ยังคาใจเธออยู่ดี
‘เพราะงั้นเธอจะต้องไปถามเขาให้รู้เรื่องให้ได้’ คิดได้แบบนั้นจึงบอกพี่ชายและเพื่อนๆ ว่าขอตัวไปเข้าห้องน้ำซักครู่ เดี๋ยวกลับมา
.
.
“พี่กันต์ เดี๋ยวก่อน...”
นับสองวิ่งตามกันต์ จนมาถึงที่จอดรถวีไอพีสำหรับรถหรู ก่อนจะวิ่งไปดักหน้า กางแขนไม่ให้เขาเดินหนีเธอได้
“มีอะไรสอง ตามพี่มาทำไม พี่มีธุระต้องไปทำต่อ”
เขารีบตอบด้วยท่าทางลุกลี้ลุกรน แต่หญิงสาวก็ไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติอะไร
“ตอนนั้นพี่โกหกใช่ไหม ว่าพี่มีแฟน?”
“ตอนไหน?”
“ก็ตอนที่สองอยู่ ม.5 แล้วไปบอกชอบพี่วันวาเลนไทน์ไง”
“เปล่า...โกหก” กันต์ตอบติดๆ ขัดๆ ไม่เต็มเสียงแล้วก็เบือนหน้าหนีไปมองอีกทาง
ขนาดตอนพูดเขายังไม่มองหน้าสบตาเธอเลย ยังไงเธอก็ไม่เชื่อว่าคนรักอิสระอย่างเขาจะมีแฟน ที่เธอถอยห่างจากเขาตอนนั้นเพราะเธอตั้งใจว่าจะรอให้จบมัธยมปลายก่อนแล้วค่อยตามจีบเขาต่ออีกครั้ง
ส่วนเขาก็ยังคงทำตัวปกติ แต่แค่ไม่ได้สนิทสนมกันเหมือนเมื่อก่อน เขาเว้นระยะห่างกับเธอแบบชัดเจน และไม่เรียกเธอว่าอาหมวยน้อยเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
“แล้วทำไมที่ผ่านมา สองไม่เคยเห็นแฟนพี่เลย เฮียโนอาร์ก็ไม่รู้ว่าพี่มีแฟน...”
“เพราะอะไร ทำไมพี่เอาแต่ปฏิเสธสอง เป็นเพราะสองเป็นน้องสาวของเพื่อนรักพี่ หรือมันเป็นเพราะอะไรกันแน่...ถ้าพี่กันต์กลัวว่าเฮียจะว่า เดี๋ยวสองไปคุยกับเฮียโนอาร์เอง เฮียจะต้องเข้าใจเราสองคนแน่ๆ ....”
นับสองพยายามคิดและหาเหตุผลต่างๆ นาๆ มาพูดถามเขา เธอไม่เข้าใจว่าเขามีเหตุผลอะไรที่ต้องปฏิเสธเธอด้วย ทั้งที่ผ่านมาบางครั้งเขาก็เหมือนมีใจ คอยเป็นห่วง และดูแลเธอเป็นอย่างดี บางทียังดูแลเอาใจใส่เธอดีกว่าพี่ชายแท้ๆ ของเธอเสียอีก
“พี่ขอย้ำคำเดิมนะสอง ว่าพี่คิดกับเรา...แค่น้องสาว” เขาพูดด้วยสีหน้าท่าทางปกติ แววตาว่างเปล่าไร้ซึ่งความรู้สึก
“น้องสาว...งั้นหรอ ละ แล้วที่ผ่านมาคืออะไร ที่พี่คอยเป็นห่วงเป็นใย คอยกันท่าผู้ชายที่เข้ามาจีบสอง...แล้วก็ที่เราจูบกันวันนั้น...”
นับสองพูดด้วยเสียงอันสั่นเทา พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล เธอไม่อยากอ่อนแอเลย และใช่เราเคยจูบกัน และมันไม่ใช่ครั้งแรกที่เราจูบกันด้วย เธอจำได้ดีว่าครั้งแรกที่จูบกับเขาคือตอนที่เธออายุ17
และครั้งที่สอง ก็เมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่เอง หลังรับน้องของคณะเสร็จ เธอยังจำมันได้ดี....
.
.
.
เบื่อพ่อคนปากแข็ง
ตอนน้องยังไม่ 18 ก็อ้างว่าน้องยังเด็ก
พอมาตอนนี้น้องเข้ามหาลัยแล้วมันจะอ้างอะไรอีก
