บท
ตั้งค่า

6.คัมภีร์ราคะ

ทว่าไม่ทันที่มือใหญ่จะใช้ขวานสับร่างของลั่วฟางเซียน ดวงตากลมโตพลันลืมตื่น จากนั้นนางก็ใช้ปิ่นไม้ปักผม เป็นอาวุธหวังจัดการเขา

ลั่วฟางเซียนแม้จะมึนงงจากยากล่อมประสาท และพิษลึกลับที่ผสมอยู่ในน้ำลายของฉิงไท่ แต่นางไม่อยากกลายเป็นศพให้สัตว์เดรัจฉานกัดกินและแทะกระดูก อีกทั้งนางมาที่คฤหาสน์สัตตบงกชเพื่อจัดการถานป๋อ ฉะนั้นแค่คนรับใช้โง่ๆ เหตุใดนางจะต้องเสียท่าให้เขาด้วย

ปิ่นไม้ในมือคืออาวุธที่นางกำลังใช้จัดการเขา ลั่วฟางเซียนสลัดข้อมือไปมา ชั่วพริบตาเสื้อผ้าของฉิงไท่พลันขาดวิ่น แต่เขากลับไม่ได้รับบาดแผลใดๆ

นางตื่นตะลึงทีเดียว ชายผู้นี้อดีตเป็นเพียงบัณฑิตจริงๆ หรือ เมื่อครู่การหลบทั้งการเคลื่อนไหวของเขา พิศอย่างไรก็ไม่เหมือนคนพิการ!

“ซินเอ๋อร์...ไม่รักพี่แล้วหรือไร”

ลั่วฟางเซียนยิ้มเหยาะ นางเอ่ยกับเขาเสียงเหี้ยมว่า

“เกรงว่าที่นี่คงไม่มีทั้งฉิงไท่และเหยียนเข่อซิน!”

สีหน้าที่อมยิ้มของฉิงไท่เปลี่ยนเป็นเข้มขรึม ดวงตาคมกริบมีประกายวามวาวราวกับสัตวป่า

“เจ้ากล่าวเหลวไหลอันใดคนดี!”

หญิงสาวมองเข้าไปในดวงตาเขา พริบตานั้น นางแจ้งใจในสิ่งที่สงสัยตั้งแต่คราแรก

สิ่งที่นางคิดออกตอนนี้คือ คนตัวโตรูปร่างสูงใหญ่ คงสวมรอยเป็นผู้อื่น ไม่ต่างจากนาง!

“ข้าพูดความจริง ถอยออกไป เจ้ามันแค่บ่าวชั้นต่ำของถานป๋อ คิดข่มเหงข้ารึ”

ฉิงไท่ส่ายหน้าช้าๆ ก่อนเป่าปากเสียงดังคล้ายเป็นคำสั่งให้หมาป่าสามตัวเตรียมกระโจนเข้าใส่ลั่วฟางเซียน

“พี่พึ่งรู้ว่า ซินเอ๋อร์ไม่ชอบอุ่นเตียงกับมุนษย์ เช่นนั้นก่อนตกเป็นอาหารของพี่น้องเหล่านี้ เจ้าควรสมสู่กับพวกมันเสียก่อนดีหรือไม่”

คำพูดเขาต่ำทรามและลั่วฟางเซียนเชื่ออย่างสนิทใจว่า นางกำลังถูกชายเบื้องหน้าเล่นละครหลอกลวง ที่นี่ไม่มีฉิงไท่ฉันใด เหยียนเข่อซินก็ไม่มีตัวตนในคฤหาสน์สัตตบงกชฉันนั้น

“ซินเอ๋อร์ อย่าขาดใจตายก่อนจะได้ขึ้นสวรรค์ก็แล้วกัน ร้องให้ดัง ครวญครางอย่างสุขสม กลีบของเจ้าจะถูกพวกมันรุมถึ้งราวกับหมาร่านสวาทตัวเมีย!”

“ฮึๆ ๆ ข้าก็เช่นกัน เสียงเจ้าตอนร้องขอความเมตตาก่อนตาย มันคงลื่นหูข้าที่สุด”

นางตอบโต้เขาแล้ว จึงหาหาทางป้องกันตนจากสุนัขพวกนั้น ทว่าอาวุธในมือนางมีเพียงปิ่นไม้อันหนึ่ง แต่สุนัขที่จ้องนางราวกับเป็นชิ้นเนื้ออันโอชะกำลังคำรามฮึ่มๆ

หญิงสาวแม้จะขวัญกล้าเทียมฟ้าเพียงใด แต่ประเมินจากสถานการณ์ตรงหน้า นางก็เพลี่ยงพล้ำทุกทาง

เมื่อเห็นว่านางยังรีรอ ไม่ทำสิ่งใด ฉิงไท่จึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด “ซินเอ๋อร์ เจ้าช่างเชื่องช้า พี่คงไม่อาจเสียเวลารอดูได้อีก พี่ต้องรีบไปเตรียมทำมื้อดึกให้นายท่าน ฝากเจ้าป้อนอาหารพี่น้องของพี่ด้วยก็แล้วกัน”

ฉิงไท่กล่าวจบจึงเดินหายไปในแนวรั้วต้นไม้สูงปล่อยให้ลั่วฟางเซียน รับมือกับสัตว์เดรัจฉาน

สุนัขตัวหนึ่งกระโจนเข้าใส่ลั่วฟางเซียน และนางเบี่ยงตัวหลบได้ทัน ทว่ามันไม่ได้มีเพียงหนึ่ง ยามนี้คำว่า ‘หมาหมู่’ คงอธิบายได้ดีกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

ลั่วฟางเซียนถีบตัวลอยเหนือพื้น ตั้งใจอยู่บนที่สูงเพื่อให้ตนได้เปรียบ ใจนางไม่อยากทำร้ายสัตว์พวกนี้ ทว่าทั้งที่ยืนอยู่บนกำแพง แต่หมาป่ามีพลังมหาศาล มันกระโดดตามนางขึ้นไป ก่อนที่ตัวหนึ่งจะอ้าปากกว้างเตรียมกัดเข้าที่ขานาง แต่นางว่องไวใช้เท้าอีกข้างถีบมันสุดแรง จนทั้งคนทั้งสุนัขพลัดตกลงไปกองบนพื้น

เสียงขู่คำรามดังขร่ม นางรีบดีดตัวลุกยืน เตรียมรับมือหมาป่าอีกตัวที่กระโจนมาจากด้านหลัง คราวนี้มือใหญ่ๆ ของมันตบเข้าที่หัวไหล่ลั่วฟางเซียน

แรงดังกล่าวทำให้นางเซเสียหลัง ใบหน้าเกือบฟาดฟื้น และไม่ทันได้ยืนทรงตัวให้ดี เขี้ยวคมๆ ของสุนัขลอบกันอีกตัวก็ฝังเข้าที่ฝ่ามือข้างหนึ่งของลั่วฟางเซียน

หญิงสาวหวีดร้องเสียงดัง ความปวดหนึบๆ ส่งผลต่อร่างกางกายทันที นอกจากฝังเขี้ยว มันยังพยายามสะบัดมือเรียวสวยด้วยความแหลมคมของฟันซี่ใหญ่

ลั่วฟางเซียนไม่ได้ต้องการทำร้ายพวกมัน แต่ยามนี้เลือดเข้าตา ปิ่นไม้ในมือจึงแทงใส่หลังต้นคอของหมาป่า

ดวงตามันจ้องนางเขม็ง และลั่วฟางเซียนขู่คำรามตอบโต้ จากนั้นก็ส่งแรงกดปลายแหลมของปิ่นฝังผ่านขนหนาๆ ของมัน

กรร กรร กรร...

นางสู้ยิบตากับมัน พอริมฝีปากกว้างปล่อยมือข้างนั้นของนาง ลั่วฟางเซียนรีบสกัดจุดห้ามพิษและห้ามเลือด ก่อนถีบพื้นทะยานตนขึ้นไปบนยังหลังคาเรือนดรรชนี แต่มิใช่ว่านางจะสลัดหมาป่าอีกสองตัวได้ง่ายๆ

ตัวหนึ่งเห่าเสียงดังขร่มอยู่บนพื้น อีกตัวพยายามหาทางปืนขึ้นมาให้ได้ เสียงเห่าดังขร่มและการถูกกัดจนมีแผลพลอยให้เสียแรง ซึ่งหากยังปล่อยให้เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ นางคงหนีไปได้ไม่ไกล และเสียงดังกล่าวคงเรียกบ่าวรับใช้มาจับตัวนาง นอกจากนั้นเจ้าสาวที่หลบหนีออกจากห้องหอ ย่อมมีโทษสถานหนัก

ลั่วฟางเซียน คิดได้ดังนั้น จึงหาทางกลับคืนห้องหอในเรือนวิวาห์ ทว่าใช้วิชาตัวเบาเหาะเหินได้เพียงไม่กี่อึดใจ พิษจากหมาป่าส่งผลให้นางเห็นภาพต่างๆ เบื้องหน้าพร่ามัวไปหมด

นางเคยได้ยินว่าพิษร้ายแรงในโลกนี้ล้วนมาจากสัตว์เดรัจฉาน

“ขะ ข้าจะตายไม่ได้”

นางบอกตัวเอง พร้อมบ่ายหน้ากัดฟัน กลับคืนห้องหอ อย่างไรเสีย นางยังเป็นอนุเหยียนของชายสกุลถาน

สองขาของหญิงสาวอ่อนเปลี้ยลง ยามนั้นเกือบเป็นการคลานบนพื้นมากกว่าเดิน ทว่านางไม่ยอมให้ตนต้องสลบอยู่ที่นี่

ลั่วฟางเซียนพุ่งตัวต่อไป และหูได้ยินเสียงสุนัขเห่ามาจากด้านหลัง รู้สึกตัวอีกทีชายกระโปรงถูกสะบัดอย่างแรง

เมื่อหันหลับกลับ นางต้องหวีดร้องด้วยความตกใจ สุนัขสองตัวตามนางมาติดๆ หนึ่งในสองกัดกระชากกระโปรงนาง อีกตัวที่ดวงตาแดงก่ำ แยกเขี้ยวขาววาบวับ มันหมายเข้ามากัดลั่วฟางเซียนเต็มที่

หญิงสาวไม่เหลือทางเลือก หากล้มลง นางคงสิ้นลมหายใจเป็นแน่ จากนั้นคงกลายเป็นอาหารของพวกมัน สมกับคำพูดของฉิงไท่

ในช่วงเวลาระหว่างความเป็นความตาย ลั่วฟางเซียนจึงตัดสินใจรวบรวมแรงของตนเท่าที่เหลือ นางดิ้นแรงๆ จนสลัดหมาป่าที่กัดกระโปรงได้ อีกตัวที่ทะยานเข้ามา นางจิ้มลูกตาของมัน ตามด้วยการบีบลำคออย่างบ้าคลั่ง

เสียงร้องของคนและสุนัขดังผสานกันอย่างน่าขนลุก ภาพต่อมาคือร่างของลั่วฟางเซียนเซเสียหลักตกลงไปในสระบัว นางเย็นเยียบทั้งสรรพางค์กาย หากยังฮึดสู้ตะเกียดตะกายเอาตัวรอด

ชั่วขณะนั้น หูนางดับด้วยมีน้ำเข้าไปอยู่ข้างใน ส่วนการหายใจติดขัดไปหมด กระทั่งมือข้างหนึ่งคว้าสิ่งแข็งๆ ไว้ได้ นางจึงพาร่างของตนขึ้นไปนอนหายใจรวยรินด้านบนนั้น

อึดใจต่อมา ดวงตาของหญิงสาวกระพริบช้าๆ ก่อนกวาดมองไปโดยรอบ

เรือ กลางสระบัว

ไม่ใช่สิ ดูเหมือนเป็นเรือนไม้หลังงามโออ่า และบริเวณนี้เป็นโถงเปิดโล่ง

ลั่วฟางเซียน พยายามยันตัวลุกขึ้นนั่ง แต่นางอ่อนแรง อีกทั้งแผลที่ฝ่ามือน่ากลัวเหลือเกิน รอยเขี้ยวของหมาป่าสร้างบาดเหวอะหวะ ยามนี้เลือดไม่ได้ไหลเนื่องจากนางสกัดจุดเอาไว้ ทว่าสภาพคล้ายแผลถูกพิษมีให้เห็น ฝ่ามือนางอาจเน่า หากไม่รีบรักษาอาจถึงขั้นต้องมือตัดทิ้ง

กระทั่งการหายใจเริ่มเป็นปกติ นางจึงได้กลิ่นหอมรัญจวนใจ และสิ่งที่เห็นต่อมา จู่โจมหัวใจหญิงสาวอย่างรุนแรง

บนตั่งไม้กว้างในเรือนแบบเปิดโล่งกลางสระบัวขนาดใหญ่ บุรุษผู้หนึ่งนอนหลับตาพริ้มด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ร่างกายเขาสง่างามและกล้ามเนื้อหน้าอกแน่น หน้าท้องแกร่งแบนราบ ส่วนที่เป็นเส้นเลือดเห็นชัดเจนชวนหวามใจ

ทว่าเหนืออื่นใดในยามนี้คือ แก่นกายเขาตั้งลำสวย ปลายหัวหยักเป็นสีแดงเข้มมันวามวาว และมันผงกหัวน้อยๆ ราวกับคุณชายผู้นี้อยู่ในนิทราอันหวานซึ้ง!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel