2.ดอกไม้งาม
ดอกไม้งามต้องชุ่มชื่น
ณ ลานดอกท้อ
ลมหนาวพัดผ่านกายสาว ลั่วฟางเซียนไม่ใช่คนผิวบาง กระนั้นก็ครั่นเนื้อครั่นตัวจากการเดินทางไกลมิน้อย แต่สิ่งที่ได้ยินตอนนี้คือคำสั่งอันบัดซบของสตรีตาบอดข้างหนึ่ง นางเป็นแม่บ้านคุมกฏและถือกุญแจเรือนต่างๆ
“ยืนนิ่งเป็นท่อนไม้เช่นนั้น ข้าจะเห็นหรือไม่ว่าท่านมีของเน่าเหม็นในร่างกายที่ใดบ้าง แก้ผ้าออกให้หมด อนุเหยียน” ริมปากของซิวอี๋หนาและเป็นสีคล้ำ มันดูน่าตบยังไม่พอ นางยังพ่นวาจาต่ำๆ ออกมาอีก
“แก้ผ้าออก!” ซิวอี๋ตวาดเสียงดัง
ลั่วฟางเซียน ไม่ได้หูหนวก นางได้ยินสั่งชัดแจ้ง แต่ที่ไม่กระทำตาม ด้วยรู้สึกเสื่อมเสียเกียรติ เหตุใดนางต้องเปิดเผยเนื้อตัวต่อผู้อื่น ทว่ายาที่นางถูกบังคับให้กลืนลงคอไปก่อนหน้า ออกฤทธิ์รุนแรง แน่นอนนางไม่ได้โง่ แต่ฤทธิ์ยากล่อมประสาทส่งผลให้ร่างกายเชื่องช้าลงหลายส่วน
มือเรียวสวยจับเสื้อผ้าของตน และมันคงไม่ทันใจซิวอี๋ นางจึงบอกคนงานมือหยาบกร้านมากระชากเสื้อผ้าของลั่วฟางเซียนออกจากร่าง
ยามนั้นสายตาหลายคู่จับจ้องมายังนาง หญิงสาวสะเทิ้นอาย และรู้สึกโกรธแค้น แต่เพื่อต้องทำตามแผนที่วางไว้ นางย่อมอดทนให้ถึงที่สุด ชีวิตคนที่นางรักอยู่ในเงื้อมือพวกมัน!
“อืม ถันของเจ้าอวบอิ่ม และใหญ่เกินงามอยู่สักหน่อย แต่มันแต่งตึงดี ผิดแต่...”
ซิวอี๋ก้าวมาใกล้ นางใช้กัวซาหัวเห็ดที่บานใหญ่เขี่ยยอดถันสีชมพูของลั่วฟางเซียน
“ดูเหมือนเจ้าจะดื้อยาเล็กน้อย คงต้องถูกกระตุ้นสักหน่อย หัวนมขี้เซานี้ถึงจะชี้ชัน!”
กัวซาในมือของลั่วฟางเซียนเลื่อนไปมาบริเวณยอดถันของลั่วฟางเซียน แต่มันคงไม่ทันใจซิวอี๋ เพราะสิ่งที่ควรชูชันกลับไม่สนองตอบ
“ท่านแม่ทัพ ไม่ชอบสตรีดื้อด้าน เจ้าต้องหลั่งน้ำหวานให้มาก ครางเสียงเหมือนหมาตัวเมีย สองเต้านี้ควรพร้อมให้ดูดและขบกัด”
ดวงตากลมโตถลึงใส่ซิวอี๋ ก่อนที่จะสาดคำพูดเผ็ดร้อนออกไป “แม่ทัพผู้นั้น เป็นสุนัขหรืออย่างไร ถึงได้ชอบดูดเลีย และหากไม่ได้ดั่งใจ ก็คิดกัดผู้อื่นราวกับเดรัจฉาน”
แม่บ้านวัยกลางคนตกใจคำพูดของลั่วฟางเซียน นางยกมือเงื้อง่าตั้งใจตบลงบนใบหน้างามล้ำ ทว่ากลับมีก้อนหินก้อนหนึ่งลอยหวือมา มันโดนที่หลังมือนาง แล้วสร้างบาดแผลทันที
ซิวอี๋หวีดร้องเสียงหลง ก่อนลนลานลงไปนั่งหมอบกับพื้น ตัวนางสั่น ท่าทางแจ้งให้รู้ว่าหวาดกลัวคนที่มองไม่เห็น
“บะ บ่าวไม่สมควร บ่าวไม่สมควรแตะต้องอนุที่แต่งเข้าสกุลถาน”
“ฝึก...และเตรียมพร้อมนาง หน้าที่ทรมานกับลงโทษอนุที่เกียจคร้าน เป็นของข้าเพียงผู้เดียว”
เสียงดังกล่าวดังมาจากทิศเหนือ ลั่วฟางเซียนเพียงแค่ฟังก็แจ้งใจว่า อีกฝ่ายมีวรยุทธ์ เช่นนี้นับว่านางจะได้ออกแรงอย่างสนุกแน่นอน คงเพราะคนพวกนั้นรู้เรื่องนี้ จึงส่งนางมาทำเรื่องชั่วช้าในคฤหาสน์อันกว้างใหญ่
แต่ก่อนจะได้ทำเรื่องดังกล่าว ด่านแรกที่นางต้องเผชิญมันช่างน่าอดสู กระนั้นซิวอี๋ไม่ได้ ทำสิ่งใดรุนแรงต่อลั่วฟางเซียนอีก ทว่าการเตรียมตัวเพื่อเข้าห้องหอรับใช้ถานป๋อช่างเป็นเรื่องชวนขนลุก
“เจ้าต้องชโลมขี้ผึ้งให้ชุ่มฉ่ำ กลีบสวาทนี้ต้องมีกลิ่นหอมหวาน ยามถูกกระตุ้นด้วยลิ้น มือ อย่าได้ติดขัด เมื่อท่อนเนื้อแทรกเข้าไปข้างข้างใน เจ้าต้องสร้างความสุขต่อท่านแม่ทัพอย่างที่สุด”
“ข้ารู้ แม่บ้านไม่ต้องเสียเวลาอบรมอันใด”
“ฮึๆ ๆ อนุเหยียนเกิดจากหอคณิกาหรืออย่างไร ถึงรู้แจ้งเรื่องอุ่นเตียงนัก”
ลั่วฟางเซียนได้ยินคำพูดจี้ใจดำ ใบหน้างามล้ำก็กระตุก ดวงตานางแดงจัด ซิวอี๋ตั้งตนเป็นศัตรูผิดคนแล้ว!
“โกรธแค้นอันใดข้า สกุลของเจ้าต่างหาก ที่ส่งตัวมาเพื่อการนี้ และข้าคือแม่บ้านผู้คุมกุฎถือกุญแจเรือนต่างๆ ข้าเพียงแต่ทำหน้าที่ของตน”
“ใช่ พวกเจ้ามันแค่บ่าวชั้นต่ำ ทำได้เพียงแต่คอยกดขี่ห่มเหงคนที่อ่อนแอกว่า”
“ถ้าอนุเหยียนไม่อยากให้บ่าวต่ำต้อยและข้าทำเช่นนั้นกับท่าน จงมีชีวิตให้รอดในคืนนี้เถิด ใช้กลีบงามๆ อันบริสุทธิ์ให้เกิดประโยชน์ อ่อ...ข้าเตือนไว้อย่าง การเข้าหอของแม่ทัพเพื่อตักตวงความสุข ไม่ได้มีแค่ทางเดียว ทั้งกลีบหวาน ริมฝีปากเจ้า และข้างหลัง...มันควรถูกเตรียมให้พร้อม!”
เรื่องสัปดนเช่นนั้น เหตุใดสตรีที่ช่วงชีวิตหนึ่งเคยเกี่ยวข้องกับสำนักโคมเขียวอย่างลั่วฟางเซียนจะไม่เข้าใจ