1| การเปลี่ยนแปลง
ชีวิตของเธอนับจากนี้จะเปลี่ยนไปตลอดกาล ดาวประดับหิ้วกระเป๋าออกจากบ้านหลังใหญ่เพื่อมาทำหน้าที่ภรรยาให้เจ้าของไร่ภูผาหมอกและว่าที่สามีก็ลงทุนขับรถมารับเธอถึงกรุงเทพด้วยตัวเอง
ตะวัน เจ้าของร่างสูงผิวสีแทนคล้ำแดดคือเจ้าของไร่ภูผาหมอก เขาทำหน้าที่ขับรถด้วยความใจเย็น แวะปั๊มทุก ๆ สองชั่วโมงเพื่อให้คนข้างๆ เข้าห้องน้ำ แม้เธอไม่เอ่ยปากเขาก็เข้าใจ ไม่มีใครอดทนนั่งรถนาน ๆ ได้หรอก หรือไม่อาจมี ดาวประดับคนนี้ไง โตเป็นสาวดูขาวขึ้นเยอะ ปากนิดจมูกหน่อย เสียดายไม่ช่างพูดช่างเจรจาเหมือนเมื่อก่อน คงเป็นเพราะเหตุการณ์เมื่อหลายปีก่อน
“อยากแวะซื้อของก่อนไหม พี่จะพาแวะห้างในเมือง”
“ไม่เป็นไรค่ะ” เจ้าของไร่พยักหน้าแล้วเร่งความเร็วเพราะใช้เวลาทำธุระที่อำเภอเสียนานดีที่ยังไม่ค่ำมืดเสียก่อน
ทางเข้าไร่ก็เพิ่งจะลงคอนกรีตเสร็จข้างเดียวขืนชักช้าเกรงว่าฝนหลงฤดูจะเทลงมาทำให้การเดินทางล่าช้ามากกว่าเดิม
ยังไม่ทันไรฝนห่าใหญ่ก็เทลงมา ท้องฟ้าถูกปกคลุมด้วยเมฆฝน ตะวันต้องใช้สมาธิและฝีมือการขับรถค่อนข้างมาก อาศัยความชำนาญพารถเจ็ดที่นั่งเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง ระหว่างนั้นก็สังเกตคนข้าง ๆ อยู่ตลอด
ดาวประดับกำลังกลัว เธอไม่เคยพบเจอกับสถานการณ์แบบนี้ สภาวะแวดล้อมรอบข้างที่เคยอยู่อาศัยมีแต่ความสะดวกสบาย ถนนหนทางก็แสนทันสมัยไม่ใช่ลูกรังดินโคลนแบบนี้
“กลัวเหรอ”
“ทำไมไม่ทำทางให้ดี ๆ”
“กำลังทำเห็นไหมได้ครึ่งหนึ่งแล้ว” ตะวันชี้แจง เดิมทีควรเสร็จได้ตั้งนานเพราะฝนหลงฤดูนี่แหละทำให้งานล่าช้า
“ฝนตกแบบนี้ทั้งปีเลยเหรอ” อย่างน้อย ๆ บรรยากาศภายในรถก็ผ่อนคลายกว่าข้างนอก
“ประมาณนั้น” ไร่ภูผาหมอกตั้งอยู่บนเขา อากาศแปรปรวนตลอดทั้งปี หนาว ร้อน ฝน สลับกันแทบปรับตัวไม่ทัน
“อยู่ไกลจากเมืองมากไหมคะ”
“ทำไม” ตะวันรู้ว่าคุณหนูอย่างดาวประดับเคยชินกับความสะดวกสบาย คงต้องปรับตัวอีกมากกับการเข้ามาเป็นนายหญิงของไร่ภูผาหมอก เธอจะต้องเรียนรู้งานและต้องปรับพฤติกรรมการอยู่อาศัยอีกเยอะ อาหารกินของที่นี่ก็มีไปตามฤดู นาน ๆ ครั้งจะออกเมือง หวังว่าเมียของเขาจะเรียนรู้และเข้าใจได้เร็ว
“เผื่ออยากซื้อของ” เธอตอบเสียงเบา ไม่นึกว่าหนทางจะไกลจากความเจริญขนาดนี้ ทอดถอนหายใจจนเหนื่อยก็ยังไม่ถึงสักที
“อยากได้อะไรก็บอก แต่จะให้พาเข้าเมืองพร่ำเพื่อคงไม่ได้” เขาบอกตามตรงไม่อ้อมค้อม ที่นี่จะมีแม่บ้านและแม่ครัวเธอจะอยู่อย่างสบายและไม่อดตายแน่นอน ที่ไร่จะมีรถออกไปซื้อของอาทิตย์ละครั้งหากมีความจำเป็นจริง ๆ ย่อมได้ ไม่ได้หักห้ามแต่อย่างใด
ยังดีที่วันอาทิตย์มีตลาดนัดเล็ก ๆ ให้คนในไร่ได้เดินซื้อของ ตะวันเริ่มเป็นห่วงภรรยาหมาดๆ ของตน ถ้าเธออยู่ไม่ได้ขึ้นมาจะทำอย่างไร
“ดาวแค่อยากรู้ค่ะ แต่คงไม่มีของจำเป็นอะไรที่ดาวอยากได้แล้ว”
“อยู่ในไร่ดาวต้องช่วยพี่ทำงาน ดาวเป็นเมียพี่แล้ว ช่วยทำหน้าที่ให้คุ้มกับค่าน้ำมันพี่ด้วยนะ” ตะวันพูดติดตลกแต่คนฟังไม่ตลกด้วย ความหมายที่เธอเข้าใจคือให้คุ้มกับเงินที่เขาจ่ายไปให้กับครอบครัวของเธอต่างหาก
ดาวประดับยอมเอาตัวเข้าแลกเพื่อให้ครอบครัวได้ทุกอย่างกลับคืนมา
ยอมเก็บเสื้อผ้าขึ้นรถมากับผู้ชายที่ยื่นมือเข้ามาดึงครอบครัวเธอให้หลุดพ้นจากการล้มละลาย ยอมจดทะเบียนสมรสเป็นเมียที่ถูกต้องตามกฎหมายโดยไม่อิดออด ยังไม่รู้เลยว่าวันข้างหน้าความสัมพันธ์ของเขาและเธอจะเป็นเช่นไร
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ดาวยินดีชดใช้ทุกบาททุกสตางค์ให้พี่ตะวันอยู่แล้ว”
“ดาว”
“พี่ตะวันไม่ต้องพูดดีกับดาวก็ได้ค่ะ พ่อดาวเคยทำไม่ดีกับพี่ขนาดนั้น ถึงเวลาที่พี่ต้องแก้แค้นแล้วใช่ไหม ดาวไม่กลัวหรอกนะความลำบาก” บางสิ่งบางอย่างถูกเก็บซ่อนไว้ภายใน ดาวประดับรู้เรื่องราวระหว่างบิดาและตะวันก่อนขึ้นรถมา เธอรู้มาว่าตะวันไม่ได้ช่วยเพราะอยากช่วย
แต่ช่วยเพราะต้องการแก้แค้น เรื่องในอดีตทำให้เธอนั่งเงียบมาตลอดทาง และเป็นเหตุทำให้เธอมองพี่ชายที่แสนดีคนนี้ผิดไป ความเข้าใจผิดเกาะกินใจไม่อยากไว้ใจใครทั้งนั้น แม้แต่เขา
“ดูละครมากไปหรือเปล่า”
“พี่ช่วยพวกเราทำไม”
“ทางข้างหน้าอาจลำบากหน่อย นั่งดี ๆ “ตะวันไม่อยากพูดเรื่องนี้ต่อ ตั้งใจขับรถเพื่อฝ่าดงฝนให้ถึงบ้านเร็วที่สุด ไม่สนคนข้างๆ ที่มีอาการฟึดฟัดแต่อย่างใด
เมื่อรถจอดคนแรกที่วิ่งมาเปิดประตูคือลูกน้องข้างกาย
“สวัสดีจ๊ะเมียนาย” คนงานในไร่ร่ำลือกันว่าวันนี้นายตะวันจะพาเมียกลับมาด้วย เป็นจริงที่ว่า