2
Chapter 2
“เรื่องบ้านน่ะเหรอ” เพลิงตะวันผายมือให้เด็กสาว พิมพ์ดาวในวัยสิบแปดไม่ได้แตกต่างจากสาวน้อยวัยสิบเจ็ดนัก เธอเป็นเด็กสาวรูปร่างเล็กบอบบาง ผิวขาวจัดเหมือนบิดามารดา ปากจิ้มลิ้มแดงเรื่อ ผมนั้นตัดสั้นไว้ผมหน้าม้าทำให้เธอดูเด็กลงไปอีก คิ้วเรียวสวยเป็นคันศร แก้มมีเลือดฝาดแดงเรื่อ ยิ่งขนตานั้นงอนงามหาที่ติไม่ได้ ชายหนุ่มกวาดตามองอย่างเผลอไผล เธอโตขึ้นมากกว่าปีที่แล้ว แต่ความสวยน่ารักไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปจากความรู้สึกของเขา
“หนูต้องหาเงินเท่าไหร่มาใช้หนี้อาเพลิง ถึงจะได้บ้านและที่ดินคืนคะ” เธอถามตรงประเด็น น้ำเสียงมีแววของความเศร้าสร้อยชัดเจน
“หนี้สินทั้งหมดสิบล้าน ไม่รวมดอกเบี้ย” เพลิงตะวันตอบเสียงเรียบเรื่อย เหมือนไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร ในเมื่อเธอถามมา เขาก็ตอบไป จริงๆ ไม่เคยคิดจะให้เธอมาใช้หนี้สินหรือไถ่ถอนคืน เขาไม่ได้ดูถูกเธอ แต่คิดว่ามันยากเกินความสามารถของเด็กสาววัยสิบแปดที่เพิ่งผ่านพ้นการเรียนมัธยมปลายมาหมาดๆ เช่นนี้
พิมพ์ดาวถึงกับเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น ดวงตาไหววูบเพราะเงินจำนวนนั้นมันมากเหลือเกิน บ้านเดี่ยวสองชั้นหลังนี้และที่ดินอีกนิดหน่อย ไม่น่าจะแพงขนาดนี้
“หนูทำงานใช้หนี้ให้อาเพลิงได้ไหมคะ”
“แล้วหนูดาวทำอะไรได้บ้างครับ” เพลิงตะวันเอ่ยถาม เขาไม่ได้แปลกใจเลยสักนิดที่บุตรสาวของเพื่อนรุ่นพี่จะเอ่ยออกมาแบบนี้ จริงๆ เรื่องราวมันค่อนข้างจะซับซ้อนอยู่บ้าง กรรณิกาไม่ใช่คนดีเด่อะไร และพิมพ์ดาวยังเด็กมากนักที่จะทันเล่ห์เหลี่ยมของคนที่มีประสบการณ์มากกว่า
เขาไม่เคยคิดจะให้พิมพ์ดาวมาทำงานชดใช้ มันไม่ได้อยู่ในสมอง แต่เมื่อเธอเสนอ เขาจึงต้องถามต้อนเธอกลับไป อยากรู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ จริงๆ แล้วเขากับเธอควรพูดเรื่องการสอบเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยเสียมากกว่าพูดเรื่องหนี้สินมากมายพวกนั้น ตอนเธอเรียนใกล้จะจบมัธยมศึกษาปีที่หก เขาเคยถามเด็กสาวหลายครั้ง เธอมักบ่ายเบี่ยงว่ายังเลือกคณะไม่ได้ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เขาเพิ่งรู้ว่าเธอไม่คิดจะเรียนต่อ
“หนูทำงานบ้านได้ทุกอย่าง หรือถ้าอาเพลิง จะเอ่อ... เอ่อ...” พิมพ์ดาวอึกอัก ใบหน้าแดงเรื่อไม่กล้าสบตา มือนิ่มกำชายกระโปรงเอาไว้แน่น เธออายเกินกว่าจะพูดมันออกมา และไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วมันเป็นสิ่งที่สมควรพูดหรือไม่ การแอบชอบผู้ชายอายุมากกว่า มันจะดูเหมือนเธอเป็นเด็กแก่แดดขนาดไหน และเขาจะคิดยังไงถ้าเธอจะยอมเอาตัวเข้าแลกใช้หนี้ แต่เธอแอบรักเขามานานแล้ว มันอึดอัดอยู่ในใจที่พูดออกมาไม่ได้
“ทำไมพูดไม่จบล่ะ” เพลิงตะวันหรี่ตามองเด็กสาวตรงหน้าที่ไม่กล้าสบตาเขาอีก เขายอมรับกับตัวเองเลยว่าเดาอารมณ์ของพิมพ์ดาวไม่ออก ไม่เข้าใจว่าเธอต้องการอะไรกันแน่
“หนูหมายถึง หนูทำได้ทุกอย่าง แล้วแต่อาเพลิงต้องการ” เธอเงยหน้าขึ้นสบตาเขาอีกครั้ง นึกหาทางออกให้ตัวเองได้อย่างยอดเยี่ยม ทุกอย่างที่เขาต้องการ ดีกว่าบอกว่ายอมนอนกับเขาเมื่อเขาต้องการ เธอไม่รู้หรอกว่าผู้ชายคิดยังไงกับเรื่องนี้ แต่สำหรับเธอมันคือความผูกพันและมอบให้ใครไม่ได้อีก
“จบแค่ม.ปลาย ถ้าคิดค่าแรงก็น้อยนิด เงินตั้งสิบล้าน ยังไม่รวมดอกเบี้ย กี่ปีจะใช้หมดกัน” เขากอดอกมองเด็กสาวตรงหน้า เหมือนผู้ใหญ่กำลังตำหนิในความคิดของเด็กที่ยังไม่โต
ชีวิตของคนเรานั้นไม่มีอะไรแน่นอน จงอย่าประมาท กมุทเองก็เช่นกัน จู่ๆ มาตายไปโดยที่ยังไม่ทันได้สั่งเสีย ทรัพย์สินที่มีอยู่พอจะให้บุตรสาวคนเดียวเรียนจบปริญญาตรีได้ กลับตกไปเป็นของคนอื่นเอาไปผลาญเล่น กรรณิกาไม่ใช่คนปากร้าย หรือแสดงความไม่ดีออกมาให้เห็นกันจะๆ แต่ร้ายลึก ภายใต้ใบหน้านิ่งๆ เฉยๆ นั้นกลับร้ายกาจยิ่งกว่าคนชอบโวยวายเสียอีก เพียงไม่นานทรัพย์สินทั้งบ้านและที่ดิน อีกทั้งเงินฝากในธนาคารก็ถูกเธอฮุบเอาไปจนหมด แต่จะให้เขามานั่งสาธยายความชั่วของมารดาเลี้ยงให้พิมพ์ดาวฟัง ดูจะไม่ใช่จังหวะที่เหมาะสมในเวลานี้ เพราะพิมพ์ดาวเชื่อเหมือนบิดาว่ากรรณิกาคือคนดีคนหนึ่ง
“แล้วอาเพลิงจะเอายังไง” เธอถามอย่างท้อแท้
“อาต่างหากต้องถามว่าหนูดาวจะเอายังไง จะมาเป็นคนใช้บ้านอาไปตลอดชีวิตหรือไง” เขาพยามชี้ทางให้เธอ
“ถ้าอาเพลิงไม่อยากให้หนูอยู่ด้วย หนูไปก็ได้” เธอพูดอย่างน้อยใจ
“จะไปไหน” เพลิงตะวันขวางเอาไว้ ยิ่งพูดยิ่งไปกันใหญ่ คำถามของเขาทำให้เธอประชดออกไปในทันที
“ไปไหนก็ได้ บางทีอาจจะขายตัว เค้าบอกว่าได้เงินดี เผื่อมีเงินมาใช้หนี้อาเพลิง จะได้ไถ่บ้านกับที่ดินกลับคืนมา ว้าย!!!”
“พิมพ์ดาว” เพลิงตะวันกระชากร่างเล็กมาหา เขารู้สึกโมโหที่ได้ยินเธอพูดเช่นนั้น
“ก็อาเพลิงไม่รับหนูอยู่ด้วย ถ้าไม่รับก็ปล่อย” คนจนตรอกอย่างเธอพยายามคิดหาทางเอาตัวรอด
..เพลิงตะวันไม่ใช่ญาติ ไม่มีอะไรเกี่ยวพันกันทางสายเลือด กรรณิกาก็ไม่ใช่ญาติเหมือนกัน แล้วจะให้เธอบากหน้าไปพึ่งใครที่ไหน ตอนนี้เธอนึกออกแค่สองคนนี้เท่านั้น
“ใครสั่งใครสอนแบบนี้ คิดบ้าอะไรจะไปขายตัว”
“หนูอยากได้บ้านคืน แล้วจะให้ทำยังไง” เธอเสียงดังใส่เขา พยายามดึงดันออกจากมือหนาที่รั้งเธอเอาไว้
“คิดอะไรต่ำๆ น่าสังเวช” เพลิงตะวันบดกรามจนเป็นสันนูน เขายอมรับว่าโมโหแทบหักคอสวยๆ ของคนตรงหน้าเมื่อได้ยินเธอพูดเช่นนี้
“ปล่อยนะ น่าสังเวชก็ไม่ต้องมายุ่งกับหนู” เมื่อโดนตำหนิก็อยากจะหนีหน้า ไม่รู้ตัวว่าพูดอะไรออกไปบ้าง แต่อับอายเมื่อโดนต่อว่า
“บอกให้พอยังไงเล่าพิมพ์ดาว ทำไมดื้อแบบนี้” เพลิงตะวันพยายามดึงรั้งเอาไว้ แต่เด็กสาวกลับดิ้นหนีอย่างเอาเป็นเอาตาย
“ปล่อยสิ ปล่อยหนู อย่ามายุ่ง”
“ถ้าอยากขายก็ขายให้อา อาจะซื้อเอง” เขาตะโกนลั่น เขย่าร่างเธอจนหัวสั่นหัวคลอน
“อาเพลิง!!!” พิมพ์ดาวครางอย่างคาดไม่ถึง แต่ยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไร ริมฝีปากร้อนแรงก็บดขยี้ลงมาบนกลีบปากจิ้มลิ้มเสียก่อน
เขาทำเพียงเพื่อลงทัณฑ์คนปากดี แม้จะคิดแค่นั้นจริงๆ แต่ความหวานละมุนก็ทำให้ชายหนุ่มหัวหมุน แทบไม่อยากผละห่าง
“อื้อ... อ่อยนะ”
“ต้องการแบบนี้ไม่ใช่เหรอ ไม่ต้องไปขายตัวให้ผู้ชายหน้าไหนหรอก ขายให้อาแล้วกัน” เพลิงตะวันตวัดอุ้มร่างเล็กขึ้นพาดบ่า เธอดิ้นรนไปจนสุดทางจนหอบแฮกๆ เมื่อเขาโยนเธอไปที่เตียงกว้าง
“ปล่อยหนูนะ ปล่อยสิ”
“ยัยเด็กดื้อ” เพลิงตะวันหวดมือกับสะโพกกลมกลึงด้วยความโมโห เขาไม่เคยเห็นพิมพ์ดาวดื้อแบบนี้มาก่อน
กรี๊ดด!!! เสียงกรีดร้องของพิมพ์ดาวมาพร้อมกับเรือนกายแข็งแกร่งที่ทาบทับลงมาจนเธอหนีไปไหนไม่ได้ เขากักเธอเอาไว้ใต้ร่าง เสียงลมหายใจหอบรุนแรงด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธ
“ปล่อยหนูนะ หนูไม่ขายตัวให้อาเพลิงหรอก หนูจะขายให้คนอื่น จะเอาเงินมาใช้หนี้” เด็กสาวพูดด้วยอารมณ์ล้วนๆ อย่างไรเธอก็คือเด็กสิบแปดที่ยังคิดอะไรไม่เป็น
“หุบปากเดี๋ยวนี้นะพิมพ์ดาว!!!” เพลิงตะวันตวาดลั่น เขาแทบระงับอารมณ์ไม่อยู่ อยากจะบีบคอสวยๆ ของเธอให้หักคาเตียง
“ไม่หยุด หนูไม่ อื้อ...” เสียงพูดกลายเป็นเสียงอื้ออึงในลำคอ
เพลิงตะวันหน้ามืดด้วยความโมโห เขากระชากเสื้อผ้ายัยเด็กเหลือขอออกจนขาดวิ่นไม่เหลือชิ้นดี ผิวเนื้ออ่อนนุ่มใต้ร่มผ้าปรากฏแก่สายตาโดยพลัน
“อาจะทำให้เรารู้ว่าขายตัวมันเป็นยังไง ต่อไปจะได้คล่อง”
“ว้าย! กรี๊ดด...” พิมพ์ดาวกรีดร้องเสียงหลงเมื่อเขาซุกใบหน้าลงมายังซอกคอหอมกรุ่น เขาไม่ได้ทำรุนแรง แต่บดเบียดหนักหน่วง กักเธอเอาไว้ไม่ให้ไปไหน “อื้อ...” เธอเบี่ยงหน้าหลบเขาก็ตามไปซุกไซ้ใบหน้าอีกด้าน จนร่างน้อยอ่อนแรง