1
Chapter 1
Happy birthday to you, Happy birthday to you
Happy birthday Happy birthday
Happy birthday to you.
Happy birthday to you, Happy birthday to you
Happy birthday Happy birthday
Happy birthday to you.
“อธิษฐานเลยลูก” เสียงของบิดาและเสียงปรบมือดังขึ้น พิมพ์ดาว กริชแก้ว เด็กสาววัยสิบเจ็ดอมยิ้ม ก่อนจะอธิฐานและเป่าเค้กอย่างมีความสุข
“ขอบคุณคุณพ่อ คุณน้า แล้วก็อาเพลิงมากนะคะ” พิมพ์ดาวยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทุกคนอย่างอ่อนน้อม
กมุทกอดลูกสาวเอาไว้ ขยี้ศีรษะเล็กๆ นั้นด้วยความรักใคร่
“หนูดาว นี่ของขวัญจากพ่อนะลูก” กมุทยื่นกล่องของขวัญเล็กๆ ให้บุตรสาว
“ขอบคุณค่ะ” เธอไหว้บิดา รับของขวัญมากอดเอาไว้ด้วยดวงตาเป็นประกาย ปกติงานวันเกิดของเธอทุกปีมีเพียงการทำบุญ ตักบาตรและเลี้ยงฉลองเล็กๆ น้อยๆ เธอไม่อยากให้บิดาสิ้นเปลืองจัดงานใหญ่โตเหมือนเพื่อนๆ ที่ชอบจัดงานเลี้ยงฉลองวันเกิดและชวนเพื่อนฝูงไปในงานเยอะๆ เธอชอบความเป็นส่วนตัวมากกว่าความวุ่นวายพวกนั้น
“นี่ของน้าจ้ะ” กรรณิกายื่นกล่องของขวัญให้ลูกเลี้ยง
พิมพ์ดาวไหว้มารดาเลี้ยง กล่าวขอบคุณอย่างซาบซึ้งใจ
“นี่ของอา” เพลิงตะวัน สุริยะเมฆา หนุ่มนักธุรกิจวัยสามสิบห้าปี เพื่อนรุ่นน้องที่สนิทมากที่สุดของครอบครัวกริชแก้ว เขามักมาร่วมงานวันเกิดของครอบครัวเล็กๆ นี้เสมอ ด้วยความผูกพันในอดีตที่มีมาอย่างแน่นแฟ้น
“ขอบคุณค่ะอาเพลิง แล้วก็ขอบคุณสำหรับเค้กช็อกโกแลตแสนอร่อยด้วยนะคะ” พิมพ์ดาวไหว้อาหนุ่ม แล้วกล่าวขอบคุณ
หากเพลิงตะวันมาเยี่ยมเยียน เขาไม่เคยพลาดเค้กช็อกโกแลตหรือช็อกโกแลตแสนอร่อยมาฝาก ไม่ว่าจะเป็นขนมอะไรที่ทำจากช็อกโกแลตหรือทุกอย่างที่เกี่ยวกับช็อกโกแลตแสนอร่อย ล้วนแล้วแต่เป็นขนมสุดโปรดของเธอแทบทั้งสิ้น
งานวันเกิดเล็กๆ เต็มไปด้วยความอบอุ่น อาหารที่กมุทสั่งจากร้านประจำนั้นแสนอร่อยเป็นที่ถูกปากของทุกคน ครอบครัวกริชแก้วอาศัยอยู่เขตปริมณฑล บ้านหลังสวยเป็นบ้านเดี่ยวสองชั้น รอบข้างมีพื้นที่ไว้ปลูกพืชผัก อากาศบริสุทธิ์และเป็นธรรมชาติ ในละแวกเดียวกันก็มีบ้านอยู่กระจัดกระจายกันไป คล้ายหมู่บ้านเล็กๆ หมู่บ้านหนึ่ง แต่เจริญกว่าในชนบทมาก
เพลิงตะวันมีบ้านหลายหลังเพราะเขาเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ต้องเดินทางอยู่บ่อยครั้ง โชคดีที่เขามีคนสนิทอย่างประพันธ์และกิรนา เลขาคู่ใจ ทั้งสองทำงานได้อย่างคล่องแคล่วฉับไว รับผิดชอบ ละเอียดรอบคอบแทบจะไม่เคยทำงานพลาดเลยสักครั้งเดียว
ความสัมพันธ์ของเพลิงตะวันกับครอบครัวกริชแก้ว เป็นความสัมพันธ์ที่เหนียวแน่นและสนิทชิดเชื้อมานาน แถมยังค่อนข้างเป็นส่วนตัว เขาไม่ชอบให้ใครมาก้าวก่าย มารับรู้การพบปะกับคนพิเศษที่เขายกเอาไว้ว่าเหมือนคนในครอบครัว ดังนั้นเพื่อนของเขาจึงไม่เคยเข้ามาเกี่ยวข้องหรือยุ่งเกี่ยวกับโลกส่วนตัวของเขาที่มีความสัมพันธ์กับครอบครัวเล็กๆ ที่เขาคอยช่วยเหลืออยู่ตลอดอย่างครอบครัวนี้ ชายหนุ่มมีเหตุผลหลายอย่างที่จะไม่เอ่ยเรื่องครอบครัวกริชแก้วให้ใครได้รับรู้ และมันเป็นเหตุผลสำคัญที่ไม่อยากรื้อฟื้นเรื่องราวแต่หนหลังที่มันผ่านมานานหลายปีแล้ว
มีคนเคยบอกว่าความแน่นอนคือความไม่แน่นอน นั่นคงเป็นความจริง กมุทประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิตคาที่หลังจากที่พิมพ์ดาวกลับไปอยู่โรงเรียนประจำได้ไม่กี่วัน
เด็กสาววัยสิบเจ็ดเสียใจมาก เธอกลับมาร่วมงานศพด้วยความโศกเศร้า เสาหลักของครอบครัวสูญสิ้นไปแล้ว เธอไม่รู้ว่าชีวิตจะเป็นเช่นไร
“หนูดาวอย่าเสียใจไปเลย พี่กมุทไปสวรรค์แล้ว ไปอยู่กับแม่ของหนูไงครับ”
“อาเพลิงขา... หนูจะทำยังไงดี ฮึกๆ ฮือๆๆ” พิมพ์ดาวกอดรัดอาหนุ่มเอาไว้แน่น ร้องไห้สะอึกสะอื้นเหมือนจะขาดใจ
หลังจากที่เผาศพบิดาแล้วก็ไม่อยากกลับไปเรียนอีก เธอเกรงใจกรรณิกาที่ต้องหาเงินมาส่งเสียเธอแทนบิดา
“หนูดาวกลับไปเรียนนะครับ”
“แต่หนูเกรงใจน้ากรรณนี่คะ ต้องเรียนอีกหลายปีกว่าจะจบปริญญาตรี” เธอพอจะรู้ว่ากรรณิกามีพ่อแม่ป่วยอยู่ต่างจังหวัดที่ต้องดูแลเหมือนกัน การที่จะต้องมารับภาระดูแลเธออีกคนดูเป็นเรื่องหนักหนานักในความรู้สึก
“เรื่องเรียนต่อปริญญาตรีค่อยว่ากัน ตอนนี้เหลืออีกปีเดียวก็จะจบม. หก แล้ว กลับไปเรียนเถอะ เชื่ออาสิ นั่นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่หนูดาวต้องทำในตอนนี้”
“ค่ะอาเพลิง หนูดาวจะกลับไปเรียนให้จบ” พิมพ์ดาวรับคำเสียงแผ่ว แม้กรรณิกาจะไม่ได้มีท่าทีรังเกียจที่จะรับภาระดูแลเธอ แต่เธอก็เริ่มคิดถึงอนาคตอันมืดมนของตัวเอง แม้เงินที่บิดาทิ้งไว้จะพอเพียงให้เธอใช้จ่ายได้เป็นปีๆ แต่อีกหลายปีกว่าจะเรียนจบ เธอจะหันหน้าไปพึ่งใคร ญาติพี่น้องที่ไหนก็ไม่มี ความรู้สึกกังวลและหมองเศร้าในหัวใจทำให้เธอไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรเลย
“ตั้งใจเรียนนะหนูดาว อย่างน้อยก็ให้พ่อกับแม่ของเราบนสวรรค์ได้ภูมิใจไง” คำพูดของเพลิงตะวันทำให้พิมพ์ดาวกลับไปตั้งใจเรียนอีกครั้ง เธอคิดว่าอย่างน้อยก็เรียนจบ มัธยมศึกษาปีที่หก ดีกว่าเลิกเรียนเสียกลางคัน
พิมพ์ดาว กริชแก้ว สาวน้อยวัยสิบแปด มองบ้านหลังสวยที่เธอเคยอาศัยมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยอย่างปวดใจ ปัจจุบันบ้านหลังนี้ไม่ใช่ของเธออีกต่อไป มารดาเลี้ยงแจ้งให้เธอรับรู้ก่อนเรียนจบว่าบิดามีหนี้สินมากมายก่อนตาย ทำให้นางต้องตัดสินใจขายบ้านและที่ดินเพื่อเอาเงินมาใช้หนี้ นางเองก็มีภาระต้องกลับไปเลี้ยงดูบิดามารดาที่ป่วยหนัก
พิมพ์ดาวไม่อยากเป็นภาระจึงตัดสินใจไม่รบกวนกรรณิกาอีก คนที่เธอคิดหวังจะพึ่งได้คงจะมีแค่เพลิงตะวัน ความรู้แค่ มัธยมศึกษาปีที่หก ของเธอคงออกไปหางานได้ยาก ไม่เหมือนคนที่เรียนสายอาชีพที่ถึงแม้จะจบ ประกาศนียบัตรวิชาชีพ แต่ก็ยังมีงานให้ทำ แตกต่างจากการเรียนสายสามัญเช่นเธอ
..การอยู่กับเพลิงตะวันเพื่อทำงาน อาจจะทำให้เธอเก็บเงินไว้ใช้หนี้ได้บ้าง
เด็กสาวคิดอะไรตามประสาเด็ก เพราะความที่อยากได้บ้านและที่ดินของบิดากลับคืนมา
“รออานานหรือเปล่าหนูดาว” น้ำเสียงทุ้มนั้นทำให้พิมพ์ดาวสะดุ้ง หลุดจากภวังค์ความคิด คนที่ไปรับเธอกลับมาจากโรงเรียนเป็นประพันธ์ คนสนิทของเพลิงตะวัน ปกติพิมพ์ดาวไม่เคยรู้จักมักจี่กับคนของเขาเลยแม้แต่คนเดียว อาจเพราะอาหนุ่มมีโลกอีกด้านที่ปิดกั้นเอาไว้ ไม่อยากให้ครอบครัวของเธอไปยุ่งเกี่ยว เธอเคยคิดแบบนั้นมานานมาแล้ว และไม่เคยเซ้าซี้อยากจะรู้จักญาติพี่น้องหรือเพื่อนสนิทอะไรของเขาเลย
“ขอโทษนะที่ให้ประพันธ์ไปรับ พอดีอาติดธุระด่วน” เพราะหลังจากที่เขาไปร่วมแสดงความยินดีกับเธอหลังจบการศึกษาโดยไร้วี่แววของกรรณิกา เขาก็สั่งเอาไว้ว่าจะให้คนมารับ ในระหว่างนั้นเขาก็ต้องเดินทางกลับไปหาน้องสาวที่เชียงใหม่ พราวตะวันยังเป็นน้องสาวที่น่ารักของเขา ไม่เคยคิดสงสัยระแคะระคายเรื่องที่เขากลับมาพัวพันกับครอบครัวกริชแก้ว และประพันธ์เป็นคนสนิทที่ไว้ใจได้ อีกฝ่ายทำงานตามคำสั่ง ไม่เคยปริปากหรือก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ส่วนพิมพ์ดาวนั้นไม่ได้นึกโกรธหรือน้อยใจกรรณิกาเพราะคิดว่าอีกฝ่ายมีภาระหนักต้องดูแลบิดามารดา แค่นางโทรมาอวยพรที่เธอจบการศึกษา เธอก็ดีใจมากแล้ว
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ หนูเองเพิ่งมาถึง ไม่ได้รอนานอะไร คือเอ่อ... หนูมีเรื่องสำคัญจะคุยกับอาเพลิงค่ะ” พิมพ์ดาวรวบรวมจิตใจพูดออกไป
แม้เพลิงตะวันจะเป็นคนที่ไปมาหาสู่ครอบครัวเธอในขณะที่บิดามีชีวิตอยู่ แต่ความสนิทชิดเชื้อนั้นไม่ได้มากเกินกว่าจะขอร้องหรือรบกวนถึงขนาดนี้ ที่สำคัญเขากับเธอไม่ใช่ญาติกัน ไม่มีความผูกพันกันทางสายเลือดเลยแม้แต่น้อย
เพลิงตะวัน ในสายตาของเด็กสาว เขาคือชายหนุ่มที่หล่อเหลาหาตัวจับยาก ผิวของเขาขาวจัด ซึ่งคงได้รับการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมจากบิดามารดามาอย่างเต็มเปี่ยม ดวงตาคู่นั้นมีเสน่ห์ชวนหลงใหล เส้นผมสีดำสนิทไม่แตกต่างจากคิ้วหนาเป็นปื้นและขนตาดกหนาไม่ต่างกัน ริมฝีปากของเขาหยักลึกสีแดงจัด ใบหน้าของเพลิงตะวันได้รูป ติดจะเป็นคนหน้าเรียว จมูกเป็นสัน หน้าผากนั้นกว้างบ่งบอกถึงความฉลาดเฉลียว