บทที่ 6 ไม่ลืม...แค่เหตุสุดวิสัย
ทางด้านคนที่ไลลารอคอย...หลังจากเขาถูกน้องสาวที่แสนดีลากขึ้นรถเพื่อไปส่งพ่อเลี้ยงที่สนามบินด้วยกันนั้น ในตอนนี้เขากำลังจิบเบียร์อยู่ในโรงเบียร์ขนาดใหญ่ การมาเที่ยวยังสถานที่นี้ก็เป็นไปตามความต้องการของแม่ล้วนๆ
ชายหนุ่มตั้งใจดื่มน้อยๆ แค่ให้พอหายเปรี้ยวปาก เพราะเขาต้องดูแลผู้หญิงอันเป็นที่รักสองคนที่กำลังสนุกไปกับบรรยากาศในร้านเบียร์
“สั่งขาหมูทอดให้แม่ด้วย”
แม่สั่งหลังจากจิบเบียร์อึกแรกเข้าไป หากน้องสาวก็ท้วงไว้
“คุณแม่สั่งพวกเราให้งดกินของทอดอยู่นี่คะ”
“แม่ให้งดกินที่บ้านก็เพราะพ่อของเรา แต่ตอนนี้พ่อไม่อยู่ เราก็กินได้ แม่ตรวจร่างกายแล้ว ไขมันและคอเลสเตอรอลอยู่ในเกณฑ์ปกติ ส่วนลูกสองคนก็ยังหนุ่มยังสาว ร่างกายแข็งแรง แม่ให้กินได้”
“โห! สงสารคุณพ่อเลย”
“ช่วยไม่ได้ พ่อชอบกินตามใจปาก แล้วพักหลังไม่ออกกำลังกายด้วย ก็ต้องเจออย่างนี้แหละ”
“คุณแม่ร้ายมาก ร้ายกาจจริงๆ”
ศวรรยาพึมพำพลางตีหน้ามุ่ย นึกสงสารพ่อที่ชวดกินของโปรดอย่างขาหมูทอดกับพวกเธอด้วย
คุณสินีเหล่มองลูกสาวคนสวยพลางยิ้มกริ่ม แล้วเบือนหน้าไปทางหน้าจอขนาดใหญ่ ซึ่งฉายภาพบนเวทีที่มีนักร้องเพลงป๊อปมีชื่อกำลังร้องเพลง
ตุลวัตมองทั้งสองคนแล้วยิ้มขัน แม่ชอบมีความลับเล็กๆ กับเขาและน้องสาวเสมอ ความลับที่ไม่ให้พ่อเลี้ยงหรือคนอื่นๆ ได้รู้ด้วย
คงเป็นเพราะเหตุนี้แหละ ทำให้ตั้งแต่สมัยเป็นเด็ก ชายหนุ่มถึงไม่รู้สึกว่าตนถูกแย่งแม่ไป เพราะแม่ยังเห็นความสำคัญของเขาเสมอ หลังจากที่เขาต้องอยู่ในการดูแลของพ่อเป็นหลัก...หากพ่อก็ไม่มีเวลาให้นัก คนที่เขาใกล้ชิดจึงกลายเป็นครอบครัวของน้องชายพ่อแทน
กระนั้นตุลวัตก็ไม่รู้สึกว่าตัวเองขาด เพราะเขามีทั้งครอบครัวใหม่ของแม่และครอบครัวของอาที่สามารถเข้าไปร่วมได้ตลอดเวลา แถมตัวเขายังเป็นที่ต้องการของทั้งสองบ้านอีกด้วย…และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ตุลวัตตัดสินใจเลือกอยู่เพนต์เฮาส์บนยอดตึกสูงตามลำพัง แทนการย้ายไปอยู่บ้านของใครคนใดคนหนึ่ง
เมื่อนึกถึงตรงนี้ ชายหนุ่มร่างสูงเพรียวที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่กับผู้หญิงสองคนที่กำลังโยกตัวไปกับเสียงเพลงก็ยืดกายตรงทันทีด้วยท่าทีตื่นตัว
ฉิบหาย! ปล่อยยายชืดเอาไว้ในห้อง ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ หวังว่ายังไม่โดดตึกหนีให้เดือดร้อนเรานะ
ตุลวัตตกใจ หลายชั่วโมงที่อยู่ร่วมกับครอบครัวแม่ เขาลืมไปเสียสนิทว่าได้จับผู้หญิงคนหนึ่งขังไว้ในเพนต์เฮาส์ของตัวเอง
“เป็นอะไรหรือพี่โต้ง จู่ๆ ก็ทำหน้าตื่น หรือว่าปวดฉี่จะเข้าห้องน้ำ โน่นแน่ะ แต้วเห็นป้ายอยู่ไกลๆ ด้านหลัง”
“เปล่า พี่แค่ลืมของไว้ที่ห้อง พอนึกได้เลยตกใจ”
“ลืมอะไรหรือ”
แม่เบือนหน้ามาถามพลางเลิกคิ้วน้อยๆ ท่าทางไม่ได้สนใจนัก หากตุลวัตแทบยกมือขึ้นปาดเหงื่อ
“เอ่อ...เรื่องงานน่ะครับ”
“ไม่เอาๆ ทิ้งงานไปก่อน นานๆ โต้งถึงได้มาเที่ยวกับแม่และน้อง อย่าทำตัวน่าเบื่อ แม่ไม่อยากเห็น”
คุณสินีโบกมือว่อน ดักลูกชายไว้ทุกทางแล้วสนุกสนานต่อ ก็นานๆ ครั้งจะมีโอกาสมาเที่ยวกับลูกๆ เธอต้องเก็บเกี่ยวความสนุกกลับไปให้เต็มอิ่ม เพราะถ้าหากสามีกลับมาแล้ว คิดหรือว่าเขาจะอนุญาตให้เธอกับลูกสาวเฉียดใกล้โรงเบียร์ใหญ่โตอลังการอย่างนี้ได้ นั่งรถผ่านก็หลายครั้ง สะกิดให้เขามองอยู่ก็หลายหน แต่สามีของเธอก็แค่กระแอมในลำคอแล้วจบเรื่องไป
ส่วนตุลวัตก็นั่งรออย่างเงียบๆ แม้การมาเที่ยวครั้งนี้จะมีคนขับรถมาด้วย แต่ชายหนุ่มก็ขอดูแลความปลอดภัยให้แม่กับน้องสาวเอง เพราะไม่วางใจคนอื่นนัก และเมื่อทั้งสองคนอยู่ในห้วงอารมณ์สนุก เขาก็ไม่อยากขัดจังหวะ เพราะรู้ว่านานๆ ครั้งพวกเธอถึงมีโอกาสได้มากินดื่มในสถานที่เช่นนี้
กลับช้าหน่อยคงไม่เป็นไร ในห้องก็มีครบทุกอย่าง ปล่อยให้รอข้ามวันก็ยังได้
แม้แม่ยืนกรานให้คนขับรถไปส่งเขาที่เพนต์เฮาส์ก่อนกลับบ้าน เพราะเส้นทางอยู่ใกล้จากโรงเบียร์มากกว่า แต่ตุลวัตก็ค้านสุดแรง เขาต้องการติดรถไปส่งแม่และน้องสาวด้วยตัวเอง กระนั้นเมื่อส่งทั้งสองคนถึงบ้านแล้ว พอจะขับรถสปอร์ตที่จอดทิ้งไว้กลับมายังเพนต์เฮาส์บ้าง เขากลับถูกแม่ห้ามไว้อีก
‘โต้งกินเบียร์ไปหลายแก้ว คืนนี้แม่จะให้คนรถไปส่ง ส่วนรถของโต้งก็จอดไว้ที่นี่ พรุ่งนี้แม่จะให้คนรถขับไปส่งให้ พอโต้งตื่นมา รับรองว่าเห็นรถจอดอยู่แล้ว ยังไงคืนนี้แม่ก็ขอห้ามโต้งขับรถอย่างเด็ดขาด’
ตุลวัตกลับมาถึงเพนต์เฮาส์ในเวลาใกล้เที่ยงคืนด้วยการมาส่งของคนรถตามคำสั่งแม่ เขาสะบัดศีรษะไล่ความมึนงงอยู่หลายหนจนเข้ามาในพักของตัวเองได้สำเร็จ คงด้วยฤทธิ์เบียร์ผสมกับความง่วงนอน จึงทำให้หนังตาของเขาหนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆ จนพานจะปิดอยู่รอมร่อ
“สงสัยจะจิบเพลินไปหน่อย”
ชายหนุ่มสรุปให้กับตัวเอง ร่างกายของเขาต้องการการนอนหลับพักผ่อนอย่างที่สุด สังขารไม่พร้อมทำอะไรมากกว่านี้แล้ว เมื่อครู่แค่จะเดินเข้ามาข้างใน เขาก็เกือบชนเข้ากับขอบโต๊ะ ยังดีที่ยั้งตัวเองไว้ทัน พลันก็นึกขอบคุณแม่ครามครันที่ห้ามเขาขับรถกลับมาเอง เพราะนอกจากเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุให้ตัวเองบาดเจ็บแล้ว ก็อาจทำให้คนใช้ถนนร่วมกันเดือดร้อนตามไปด้วย
พอเขาจะเข้าไปในห้องนอน สมองที่แสนมึนตื้อก็ผุดความจำหนึ่งขึ้นมา ทำให้ต้องขมวดคิ้วมุ่นทีเดียว
“ผู้หญิงคนนั้น...ยายชืด เราขังยายชืดไว้ในห้อง ต้องไปปล่อยเธอก่อน”
เจ้าของร่างสูงสูดลมหายใจลึก แล้วพยายามเดินอย่างมั่นคงตรงไปยังประตูห้องด้านใน ความตั้งใจจดจ่ออยู่กับการย่างเท้าก้าวต่อก้าว แล้วริมฝีปากได้รูปก็แย้มยิ้มเมื่อรู้สึกว่าตนทำได้สำเร็จ
“ยังไม่เมา...เราแค่มึนและง่วงหนักไปหน่อย”
เขาพึมพำบอกตัวเอง ขณะที่เปิดประตูห้องนั้นออกอย่างไม่ยากนัก นั่นก็ยิ่งเพิ่มความมั่นใจให้ชายหนุ่มมากโข
ห้องทั้งห้องมืดสนิท พลันก็นึกเอะใจว่าผู้หญิงคนนั้นยังอยู่หรือเปล่า เพราะผิดวิสัยของหญิงสาวที่ต้องอยู่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย หล่อนควรจะกลัวจนไม่กล้าปิดไฟ
ตุลวัตกดเปิดสวิตช์ไฟที่อยู่ใกล้ประตูจนรอบตัวห้องสว่างโร่ ภายในห้องเย็นฉ่ำด้วยเครื่องปรับอากาศ ทำให้เรียวปากหยักแย้มขึ้นอีกรอบ เขามั่นใจว่าเจ้าหล่อนยังอยู่ในนี้
ดวงตาคมกวาดมองรอบตัวไปอย่างช้าๆ ตามประสิทธิภาพการสั่งงานของสมอง จนสายตาเพ่งไปยังโซฟาตัวยาว คาดว่าจะเห็นหล่อนนอนหลับอยู่ตรงนั้น...แต่มันกลับว่างเปล่า
ตุลวัตหรี่ตาอย่างใช้ความคิด พยายามนึกว่าหญิงสาวจะอยู่ที่ไหนได้อีก
แล้วท่อนขายาวๆ ก็ก้าวไปด้านในของห้องนั้น เปิดประตูอีกชั้นเข้าไป มือแข็งแรงที่ยื่นไปหาสวิตช์ไฟก็ชะงักค้าง เมื่อแสงจากด้านนอกที่สาดเข้ามาทำให้พอมองเห็นภาพในห้อง...บนเตียงกว้างมีร่างของผู้หญิงคนนั้นนอนหลับอยู่
ชายหนุ่มยืนนิ่งงัน ค้างอยู่อย่างนั้น เหมือนว่าสมองไม่สามารถสั่งการได้อีกแล้ว เขายืนจ้องมองหล่อนอยู่ตรงบานประตูนานนับนาที แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าเจ้าหล่อนจะรู้สึกตื่นขึ้นมา
แล้วร่างสูงใหญ่ก็ขยับตัว สืบเท้าเข้าไปข้างในช้าๆ จุดหมายอยู่ที่เตียงนอนนุ่ม ร่างกายกำลังร้องหาความอบอุ่นและสบาย โดยที่เขาไม่อาจฝืนมันได้อีก