ไร่ตรงข้ามมีคุณครามจอมเก๊ก

63.0K · จบแล้ว
Ocean Books
33
บท
1.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

คำโปรย ใต้ร่มเงาของไร่ส้มฟ้าอุ่นกับไร่องุ่นมั่นรัก นันท์นรี หญิงสาวผู้เปี่ยมด้วยความหวังและความฝันกำลังเติบโตขึ้นพร้อมกับสายตาที่มองหาความรักในวัยเยาว์ คุณานนท์ ชายหนุ่มข้างบ้านที่เธอเคยเล่นด้วยกันจนสนิทสนม ตอนนี้กลายเป็นผู้ใหญ่ที่เต็มไปด้วยความลึกลับและเสน่ห์ที่ยากจะต้านทาน เมื่อวันวารผ่านไป ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอยิ่งเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจและความรู้สึกที่ซับซ้อนมากขึ้น เงาของอดีตที่ยังคงหวนคืนและความลับที่ค่อยๆ เปิดเผยออกมา ทำให้หัวใจสองดวงต้องตัดสินใจว่าจะก้าวต่อไปด้วยกันหรือแยกทางกัน ‘ไร่ตรงข้ามมีคุณครามจอมเก๊ก’ เป็นนิยายที่จะพาคุณไปพบกับความรักที่งดงามหากเจ็บปวด ความผูกพันที่ลึกซึ้ง และการต่อสู้เพื่อหาทางกลับมาพบกันอีกครั้ง ณ ท้องทุ่งอันกว้างใหญ่แต่อบอุ่นของไร่องุ่นและสวนส้มที่เต็มไปด้วยความทรงจำและความหวังจากวันวาน

นิยายรักโรแมนติกโรแมนติกปลูกผักนิยายปัจจุบันโตมาด้วยนิยายรัก

ตอนที่ 1 อยากโตเร็วๆ

ดื่มนมจะได้ตัวสูงๆ กินอาหารให้ครบห้าหมู่จะได้โตเร็วๆ ออกกำลังกาย ตั้งใจเรียน เป็นเด็กดีไม่ดื้อไม่ซน ไม่สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น ฮึบๆ เราก็ทำตามทุกขั้นตอนแล้วนี่น่า คราวนี้แหละฉันจะได้สารภาพความในใจกับคนที่แอบชอบสักที

“หนูนา ไปเล่นกระโดดยางกัน”

“ไม่เล่น หนูนาโตแล้ว”

เพื่อนที่มาชวนไปเล่นกระโดนยางอมลมแก้มป่อง ทำหน้าฉงนพลางยกมือขึ้นเทียบศีรษะตนเองกับคนที่บอกว่าโตแล้ว ส่วนสูงที่ไล่เลี่ยกันทำให้เกิดข้อสงสัย ก็ไม่ได้ต่างกันขนาดนั้น ทำไมจู่ๆ เพื่อนกลายเป็นผู้ใหญ่ไปเสียได้ “แม่เราบอกว่าหกขวบยังไม่โตนะ ไปเล่นกันเถอะ” เพื่อนหญิงยังคะยั้นคะยอคนที่บอกว่าโตแล้วอีกครั้ง

เด็กหญิงนันท์นรีส่ายศีรษะน้อยๆ ผมเปียสองข้างแกว่งไปมาช่างน่ารักน่าเอ็นดู ยืนกรานเสียงแข็งว่า “เราโตแล้ว”

“ก็ได้ ถ้าเปลี่ยนใจก็ตามมานะ” เด็กหญิงอีกคนเห็นว่าคำชวนคงไม่ได้ผลจึงได้เอ่ยฝากทิ้งท้ายก่อนจะวิ่งไปเล่นกระโดดยางกับกลุ่มเพื่อนคนอื่น

นันท์นรีพยักหน้าอืมๆ ให้เพื่อน จากนั้นนั่งแกว่งขาสั้นป้อมขึ้นลงรอใครบางคนอยู่บนม้านั่ง ดวงตาของเด็กน้อยกลมใส แพขนตาหนายาวดำขลับยกเครื่องหน้าให้จิ้มลิ้มอ่อนหวาน พอเจ้าตัวเล็กเหม่อมองไปยังถนนทางเข้าโรงเรียนซ้ำๆ ผู้ปกครองที่ทยอยมารับลูกหลานขณะนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะสงสาร ต่างก็พากันถามไถ่คุณครู เผื่อจะอาสาไปส่งเด็กน้อยกลับบ้าน

คุณครูเวรประจำวันกล่าวยิ้มๆ “น้องหนูนารอพี่ชายมารับค่ะ”

“พี่ชาย? พ่อกำนันเล็กกับแม่หวานมีลูกสาวคนเดียวไม่ใช่เหรอครู พี่ชายมาจากไหน” ผู้ปกครองที่อาสาไปส่งเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย

“ลูกชายเสี่ยสินคำไงจ้ะ เรียนอยู่โรงเรียนมัธยมสามโชคนี่เอง หลังเลิกเรียนก็จะแวะมารับหนูนากลับด้วยเป็นประจำค่ะ”

ชาวบ้านผู้หวังดีทำหน้าตกใจ “คุณครูหมายถึงไอ้เจ้าคราม ตายแล้ว! นี่คุณครูไม่ได้ข่าวเหรอ วันนี้มันไปมีเรื่องชกต่อยกับคนต่างหมู่บ้าน เสี่ยสินคำยังไปโรงพักเพื่อประกันตัวอยู่เลย เอาอย่างนี้เถอะ เดี๋ยวฉันไปส่งเด็กเอง บ่ายสามครึ่งแล้ว รอไปก็เสียเวลาเปล่า”

คุณครูสาวเองก็ค่อนข้างเห็นด้วย ผู้ปกครองคนนี้มีบ้านอยู่ใกล้ไร้ส้มฟ้าอุ่นของพ่อกำนันเล็ก บิดาผู้เป็นที่นับหน้าถือตาของเด็กนักเรียนน้อยหนูนาพอดี ฝากไปก็น่าจะไม่เป็นไร แต่ตนก็ไม่วางใจเท่าไร เพราะหากเกิดอะไรขึ้นมาระหว่างทางจะแย่เอา จึงตอบว่าจะไปส่งเอง คุณครูสาวเดินไปหานันท์นรี กล่าวด้วยเสียงอันเป็นมิตร

“หนูนาคะ วันนี้พี่ชายคงมารับไม่ได้แล้ว เดี๋ยวคุณครูไปส่งหนูนะ”

นันท์นรีเงยหน้าขึ้น ตอบว่า “แต่พี่ครามเขากำลังมารับหนูนานะคะ”

เธอรอจนเพื่อนกลับกันไปหมดก็ยังไม่เห็นเงาของคุณานนท์ ใจดวงน้อยกระจ้อยร่อยพลันห่อเหี่ยว เอาแต่คิดว่ารออีกหน่อยคนก็คงมา ทว่ายิ่งผ่านไปนานยิ่งไม่แน่ใจ ดวงตากลมหวานจึงเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำสีใส คุณครูเห็นเด็กหญิงตัวน้อยน่ารักจะร้องไห้อยู่รอมร่อแล้วก็ลูบหลังปลอบเบาๆ

“โอ๋ๆ ไม่ร้องนะคะ ไม่ร้อง พี่ครามของหนูนาอาจจะมีเรื่องด่วนต้องไปทำก็ได้ ไว้กลับถึงบ้านค่อยไปถามดีไหม ตอนนี้ให้คุณครูไปส่งก่อนนะ” คุณครูสาวตะล่อมกล่อมอย่างเป็นงาน หนูนาไม่ใช่เด็กพูดยาก ออกจะโตเกินวัยสักเล็กน้อย ขอแค่มีเหตุผลมาพูดให้น่าเชื่อถือ แค่นี้ก็ว่าง่าย ช่วยขจัดความหงอยซึมบนใบหน้าจิ้มลิ้มได้

นันท์นรีครุ่นคิดก่อนจะยินยอมลุกขึ้นสะพายกระเป๋าเป้เจ้าหญิงบาร์บี้สีชมพูไว้ด้านหลัง คนตัวน้อยให้คุณครูจูงมือเดินไป น้ำตาที่เอ่อคลอถูกฮึบเก็บเอาไว้สุดพลัง ขณะนั้นด้านหน้าพลันมีเสียงเรียกปนหอบเล็กน้อยลอยมา

“ไอ้ตัวเล็ก ทำหน้าบูดเป็นอาหารค้างคืนเชียว พี่มาช้า ขอโทษด้วย”

ทันทีที่ได้ยินเสียงอันคุ้นเคย หนูนาปล่อยมือของคุณครูแล้ววิ่งแจ้นเข้าไปหาเด็กหนุ่มที่สูงกว่าเธอสามเท่า ปกติเขาจะหล่อมากๆ มองมุมไหนก็เรียกได้ว่าเกิดมามีรูปโฉมสะดุดตาโดดเด่น ทว่าวันนี้กลับมีรอยเขียวที่ซีกแก้ม เบ้าตาปูดโปน ริมฝีปากแตกเป็นริ้วเลือดน่ากลัว คุณครูที่มาส่งเริ่มไม่สบายใจ กลัวว่าคุณานนท์จะพานันท์นรีไปเสี่ยงอันตรายจึงสอบถาม

พอเด็กหนุ่มยืนยันว่าไม่มีเรื่องแล้ว ถึงยอมให้เขาพาเด็กหญิงกลับบ้าน คุณานนท์ก้มลงไปอุ้มคนตัวเล็กขึ้นมา พลันนิ่วหน้า

“หนักขึ้นหรือเปล่าเนี่ยเรา?”

นันท์นรีก้มหน้างุด พวงแก้มเริ่มแดง “หนูนาโตแล้ว น้ำหนักก็จะเพิ่มขึ้นค่ะ ถ้าพี่ครามหนัก ปล่อยให้หนูนาเดินเองก็ได้”

“ฮาฮ่า โตแล้วที่ไหนกัน เธอยังเป็นน้องน้อยของพี่เหมือนเดิมนั่นแหละ แค่นี้จะไปหนักอะไร ต่อให้กินจนพุงปลิ้นพี่ก็อุ้มได้” เห็นว่านันท์นรีกำลังจดจ้องมาที่ใบหน้าของเขาไม่เลิก คุณานนท์กระแอมสั้นๆ สองสามที

“ที่มารับช้าเพราะพี่หกล้ม ดูสิ หมดหล่อเลย เราอย่าโกรธพี่ได้ไหม”

นิ้วเล็กอวบขาวจิ้มบริเวณใกล้กับบาดแผล เด็กหญิงมีสีหน้าเป็นกังวล เธออายุยังน้อยย่อมแยกไม่ออกว่าบาดแผลที่เกิดจากการชกต่อยกับหกล้มต่างกันยังไง ครั้นพอโดนคุณานนท์หลอก ก็เชื่อสนิทใจทั้งยังผุดความสงสารเขา

“เจ็บมากไหมคะ แม่ของหนูนาทำแผลเก่ง พี่ครามไปให้แม่ช่วยนะ”

“ครับๆ รับทราบแล้วครับเจ้าหญิงน้อย งั้นกลับบ้านกัน ไม่งอนพี่ก็พอ”

นันท์นรีใสซื่อราวกับผ้าขาว ไม่ถือโทษโกรธกับเรื่องแค่หยิบมือนี้แน่นอน พอเด็กหนุ่มหยอกล้อเธอหน่อยก็ลืมความเหงาหงอยก่อนหน้า เปลี่ยนมานั่งซ้อนหลังมอเตอร์ไซค์คันโปรดของเขา วงแขนเล็กกระจ้อยกอดเอวคุณานนท์แน่น

พี่น้องสองคนนี้ไม่ได้เกิดจากพ่อแม่คนเดียวกัน ไม่มีส่วนเชื่อมโยงทางสายเลือด แต่กลับกลมเกลียวรักใคร่ราวกับคลานตามก้นกันออกมา เหตุเพราะว่าบิดาของนันท์นรีกับบิดาของคุณานนท์เป็นเพื่อนรักกัน ไร่ส้มฟ้าอุ่นของเด็กหญิงอยู่ข้างไร่องุ่นมั่นรักของเด็กหนุ่มแค่รั้วกั้น สองครอบครัวยังร่วมมือกันขยับขยายพัฒนาผลผลิตทางการเกษตร คุณานนท์ที่เห็นเธอมาแต่อ้อนแต่ออกจึงรักใคร่เอ็นดูนันท์นรีดุจน้องสาวในไส้ก็ไม่ปาน

นันท์นรีก็รักพี่ชายคนนี้มากๆ เหมือนกัน แต่กลับไม่ใช่ความรักที่ใสซื่อเช่นหน้าตาเจี๋ยมเจี้ยมของเธอ จุดเปลี่ยนคือครั้งหนึ่งคุณานนท์มารับเธอที่โรงเรียน แต่เขาไม่ได้พาตรงกลับไปส่งที่บ้านทันที เลือกที่จะขับไปโรงเรียนมัธยมอีกโรงเรียนซึ่งอยู่คนละอำเภอ แล้วซื้อดอกไม้ช่องามบอกให้เธอเอาไปส่งสาวสวยให้ หนูนาก็อยากได้ดอกไม้ช่อนี้ แต่ในเมื่อเด็กหนุ่มไหว้วาน ไม่ทำก็จะไม่น่ารัก จึงได้เป็นสื่อกลางให้พวกเขา เอาคำพูดไปบอกว่า “พี่ครามฝากมาให้ค่ะ”

เด็กสาวคนนั้นรับไปพร้อมกับลูบศีรษะเอ็นดูในความน่ารักของเธอ แต่พอมองไปเห็นคุณานนท์นั่งยักคิ้วหลิ่วตาอยู่บนมอเตอร์ไซค์ก็ทำเสียงเฮอะ! คล้ายไม่พอใจ หนูนาไม่ทราบว่าคนทั้งสองทะเลาะอะไรกัน แต่หากเธอเป็นเด็กสาวที่ได้รับดอกไม้ช่อนี้จะต้องมีความสุขจนหน้าบานแน่

"เอ่อ...พี่ครามคะ ทำไมพี่ถึงให้ดอกไม้กับพี่สาวคนนั้นคะ ทั้งๆ ที่เหมือนพี่สาวจะไม่ค่อยชอบเลย" หนูนาถามพี่ชายไร่ข้างกันด้วยสีหน้าสงสัย

พี่ชายไร่ข้างกันหันมายิ้มให้เธอ ลูบหัวเบาๆ แล้วตอบ "ก็เพราะพี่ชอบเค้าไงจ้ะ บางทีคนที่เรารักเนี่ย เราก็อยากให้ของขวัญเขา ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ชอบเราก็เถอะ"

"หนูว่ามันแปลกนะคะ ทำไมต้องให้ของคนที่ไม่ชอบเราด้วย" หนูนาทำหน้างุนงง

"ไว้โตกว่านี้หนูจะเข้าใจเอง" พี่ชายไร่ข้างกันตอบพลางหัวเราะ "ความรักมันซับซ้อนกว่าที่เด็กอย่างหนูจะเข้าใจน่ะ"

เธอไม่คลายสงสัยจึงได้ถามอีก “พี่ครามชอบพี่สาวคนนั้น ชอบที่แปลว่าจะแต่งงานกัน เหมือนที่พ่อกับแม่แต่งงานกันเหรอคะ”

คุณานนท์ถูจมูกลำบากใจ เด็กน้อยก็คือเด็กน้อย เขาควรอธิบายกับเธอยังไงดี “ชอบแล้วก็ต้องเป็นแฟน พอรักกันก็อาจจะแต่งงานก็ได้ แต่พี่ยังไม่คิดถึงขั้นนั้นหรอก แค่ชอบเพราะว่าเขาสวย”

“งั้นถ้าหนูนาโตขึ้นแล้วก็สวย พี่ครามจะชอบหนูนา เป็นแฟนกับหนูนา แล้วก็แต่งงานกับหนูนาไหมคะ”

“แน่นอนสิ ไว้โตก่อนนะไอ้ตัวแสบ ตอนนี้พี่ก็ชอบหนูนาอยู่แล้ว ยิ่งโตยิ่งจะชอบเรามากขึ้นเรื่อยๆ”

ลมปากเลื่อนลอยที่มีจุดประสงค์แค่หยอกเย้า นันท์นรีจำได้มาจนถึงทุกวันนี้ เธอจึงอยากโตเร็วๆ อยากสวยด้วย พี่ชายคนดีจะได้ชอบจนคบกันเป็นแฟน จากนั้นก็แต่งงานเหมือนกับคุณพ่อคุณแม่

ทว่ามันกลับไม่ได้สวยงามอย่างที่คิดน่ะสิ