บทที่ 1
อากาศที่อบอุ่นด้วยแสงแดด พัดผ่านเข้ามาทางหน้าต่างรถปิคอัพ ได้พาเอากลิ่นหอมอ่อนๆของยางสนเข้ามาด้วย แต่ขณะนี้ชาร์ลี คอลลินส์ กำลังหมกมุ่นอยู่กับความคิดของตนเอง จนเกินกว่าจะสนใจในกลิ่นหอมละมุนที่อวลอยู่ในสายลมอ่อนนั้น แววแห่งความเคร่งขรึมนั้นเห็นได้ชัดจากเรียวปากที่ไร้รอยยิ้ม ริมฝีปากบางๆคู่นั้นเม้มเข้าหากันอย่างตั้งมั่นอยู่กับสมาธิ รอยย่นบางปรากฏอยู่เหนือหน้าผาก และดวงตาคู่กลมโตสีเขียวขาบคือที่รวมแห่งความคิดมากมายหลายอย่างในใจ
ความสนใจทั้งมวลของเธอ ดูจะตั้งมั่นอยู่กับเส้นทางหลวงที่เธอขับรถผ่านไป น้อยครั้งนักที่เธอจะละสายตาจากถนนคอนกรีตที่ทอดเข้าสู่เทือกเขาไอดาโฮ เธอขับรถบรรทุกเล็กคันนี้อย่างชำนิชำนาญ ซึ่งความชำนาญดังกล่าวเกิดจากการที่เธอเรียนขับรถมาตั้งแต่ก่อนที่เท้าทั้งสองข้างจะหยั่งถึงคลัทช์เสียด้วยซ้ำ ซึ่งก็เช่นเดียวกับความสามารถในการขี่ม้า ที่เธอเรียนวิธีการขี่ม้าอย่างถูกต้องก่อนที่เท้าจะสอดเข้าในโกลนได้
เส้นทางที่ทอดตัวคดเคี้ยวไปเรื่อยๆและขนาบข้างด้วยแนวป่าสนนั้นยังจะเลยไปอีกไกลมากนัก แต่ทว่า จุดหมายปลายทางของเธออยู่ที่ตัวอาคารข้างทาง ซึ่งมีลักษณะเหมือนบ้านที่ผนวกอยู่ด้วยร้านขายเครื่องดื่มและของชำด้านหน้า โดยมีส่วนที่อยู่อาศัยอยู่ทางด้านหลัง ชาร์ลีค่อยชะลอความเร็วของรถและเลี้ยวลงจากเส้นทางหลวง ผ่านปั๊มน้ำมัน เข้าไปหยุดอยู่เบื้องหน้าอาคารไม้หลังนั้น
เมื่อจอดรถลงเรียบร้อยแล้ว เธอก็ดับเครื่องยนต์ลงเอื้อมไปเปิดประตูออก รองเท้าขี้ม้าแบบตะวันตกจิกลงไปในพื้นดินปนกรวดขณะที่เธอก้าวลงจากรถ กางเกงยีนส์รัดแนบอยู่กับเรือนร่าง เนื้อผ้าค่อนข้างนุ่มเนื่องจากใช้มานาน มันแนบอยู่กับช่วงตะโพกและช่วงขาเพรียวงาม เสื้อเชิ้ตลายทางที่สวมอยู่ถูกพับแขนขึ้น เผยให้เห็นผิวเนื้อสีน้ำตาลอ่อนนวล
มันมีความงามสง่าปรากฏอยู่ ขณะที่เธอเดินตรงเข้าไปยังประตูทางเข้าของสำนักงานที่เป็นร้านขายเครื่องดื่มอยู่ในตัวดังกล่าว เรือนผมสีทรายนั้นถูกรวบไว้เป็นพวงและเหน็บด้วยกิ๊ปกระ มันพลิ้วไหวอยู่ในทุกจังหวะของการก้าวเดิน
เสียงกระดิ่งที่ติดอยู่เหนือประตูดังขึ้น ขณะที่เธอเปิดประตูเดินเข้าไปภายใน และได้รับการต้อนรับด้วยกลิ่นหอมของโฮมเมท โดนัท กับกลิ่นหอมของกาแฟที่อวลอบมาจากเคาน์เตอร์ที่ทำเป็นรูปเกือกม้า
ขณะที่เธอหยุดฝีเท้าเพื่อปิดประตูลงนั้น สายตาของชาร์ลีก็ปะทะเข้ากับสิ่งของของใครคนหนึ่ง ที่กองอยู่ข้างฝาผนัง ซึ่งสิ่งเหล่านั้นมีทั้งถุงเครื่องหลัง อานม้าชนิดดีที่บอกว่าเคยผ่านการใช้มาแล้ว ผ้าขนสัตว์ที่ใช้ปูหลังอานและสัมภาระอื่นๆมีตราอันเป็นเครื่องหมายแห่งคุณภาพ ซึ่งอุปกรณ์ทั้งหลายเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เล่าขานถึงเรื่องราวความเป็นมาของโคบาลคนหนึ่งทั้งสิ้น ถ้าเป็นในยามปกติแล้วความสงสัยใคร่รู้จะต้องทำให้ชาร์ลีซักถามเกี่ยวกับตัวผู้เป็นเจ้าของ แต่ทว่าในขณะนี้ เธอกำลังหมกมุ่นอยู่กับความคิดในใจของตนเองดังที่ได้กล่าวมาแล้ว
เมื่อเธอมองไปยังเคาน์เตอร์ ก็สังเกตเห็นโคบาลคนหนึ่งนั่งทอดหุ่ยอยู่บนเก้าอี้กลมหน้าเคาน์เตอร์ ด้วยท่าทางเกียจคร้าน เนื่องจากเขาเป็นลูกค้าคนเดียวของร้าน เพราะฉะนั้น เขาก็น่าจะเป็นเจ้าของสัมภาระทั้งหลายที่กองอยู่ข้างฝานั่น ทันใด เสียงที่ดังออกมาจากห้องครัวก็เรียกความสนใจของชาร์ลี เธอจึงหันไปมองทางนั้น และแล้วรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้น เมื่อเธอเห็นร่างล่ำสันของเจ้าของร้าน ซึ่งผูกผ้ากันเปื้อนสีขาวไว้โผล่ออกมา
“เฮลโล แฟรงค์” เธอสาวเท้าเข้าไปยังเคาน์เตอร์ “เป็นไง สบายดีหรือเปล่า”
“อ๊ะ...ก็เห็นอยู่แล้วนี่ว่าผมยังมีชีวิตอยู่ ยังหายใจได้นะ ชาร์ลี คอลลินส์” เขาเดินออกมาจับมือกับเธอด้วยท่าทางดีอกดีใจ ใบหน้าที่ยับย่นมีรอยยิ้มกกระจายอยู่ เรือนผมสีน้ำตาลนั้นกำลังจะเปลี่ยนเป็นสีเทาเงินทั้งศีรษะแล้ว “โอ้โฮ...ตั้งแต่ฤดูสปริง ไม่ได้เห็นเงาเลยนะ ชาร์ลี”
“โอย...ฉันยุ่งจะตายอยู่แล้วละแฟรงค์” ซึ่งคำบอกเล่าดังกล่าวนั้น มีความหมายที่แฝงเป็นนัยซึ่งจะรู้ๆกันอยู่ ซึ่งทำให้สีหน้าของบุรุษผู้เป็นเจ้าของร้านขรึมลงด้วยความเห็นใจ
“แกรี่เป็นยังไงบ้างล่ะ ใครๆที่นี่รู้ข่าวเรื่องอุบัติเหตุเข้าก็เสียใจกันทุกคนนะ” เขาชี้ไปยังเก้าอี้กลมตัวที่เธอยืนอยู่ใกล้ “นั่งก่อนสิ ชาร์ลี เดี๋ยวผมจะรินกาแฟให้กินสักถ้วยนะ”
“ไม่ละ แฟรงค์ ขอบใจ คือ...” เธอพยายามจะทักท้วง แต่เขาก็วางถ้วยกาแฟให้ตรงหน้าแล้ว ดังนั้น ชาร์ลีจึงเยงแต่เลื่อนตะโพกขึ้นไปไว้บนม้ากลม ขาข้างหนึ่งยันอยู่กับพื้น ส่วนอีกข้างหนึ่งวางอยู่บนรางทองเหลืองรอบเคาน์เตอร์ “เวลานี้อาการของแกรี่ดีขึ้นมากแล้วละ แต่ยังต้องพักผ่อนอยู่”
“นั่นสิ ผมก็พอจะมองเห็นภาพอยู่เหมือนกันละนะ” แฟรงค์ ดอยเยิล เปล่งเสียงหัวเราะเบาๆ และแลเวเสียงหัวเราะก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่บอกความเห็นใจ “เมื่อแกรี่ไม่สามารถจะช่วยทำอะไรได้เลย คุณก็ต้องรับภาระหนักหน่อยสินะ”
“ก็เพราะเหตุนี้แหละที่ทำให้ฉันถึงต้องมาที่นี่ไงล่ะ” ชาร์ลีคว้าโอกาสที่เขาเปิดให้เป็นครั้งแรกไว้ “แกรี่จะต้องอยู่ในสภาพเข้าเฝือกไปอีก 6 อาทิตย์ ฉันก็เลยคิดว่าอยากจะจ้างลอนนี่ให้ไปช่วยทำงานในไร่ตอนช่วงฤดูร้อน ที่ยังเหลืออยู่นี่” ลอนนี่ ดอยเยิล ก็คือลูกชายวัยรุ่นของแฟรงค์นั่นเอง และเคยรับจ้างทำงานในไร่ให้กับเธอมาแล้ว เมื่อขาดคนงานลง ชาร์ลีมองเห็นว่าลอนนี่เป็นคนทำงานดี และไว้ใจได้คนหนึ่งทีเดียว
“โอ...เสียใจจริง ฤดูร้อนปีนี้ลลอนนี่มันไปรับจ้างทำงานเป็นกรรมกรสร้างถนน ซึ่งก็เป็นงานเต็มเวลาเสียแล้วนี่ เอาเฉพาะวันหยุดได้ไหมล่ะ ผมจะบอกมันให้”
ชาร์ลีถอนหายใจออกมาดังๆ รอยยิ้มขรึมๆปรากฏขึ้นบนเรียวปาก
“ตอนนี้ เรากำลังต้องการใครสักคนหนึ่งที่จะทำงานให้เราได้เต็มเวลาเลย เวลานี้ฉันต้องทั้งดูแลแกรี่ แล้วก็ยังต้องทำงานไร่ด้วย แทบจะไม่มีเวลาว่างเลย แล้วงานมันก็มากเสียจนฉันทำงานคนเดียวไม่ไหวจริงๆ” เธอพูดอย่างยอมรับ “ก็เลยคิดว่าจะหาคนที่เขารับจ้างทำงานชั่วคราวหรือกนอกเวลาได้ก็ยังดี แต่ตอนนี้ ไม่ว่าจะถามใครก็รู้สึกว่าเขาจะมีงานทำกันแล้วทั้งนั้น”
“เออ...แอนดี้ ฮอลลิสเตอร์ ล่ะ เป็นไง” แฟรงค์แนะนำขึ้น
“ก็เมาเหมือนเดิมอีกนั่นแหละ ฉันไว้ใจเขาไม่ได้เลยนะแฟรงค์” ชาร์ลีส่ายศีรษะอย่างอ่อนอกอ่อนใจ
ขณะที่เอื้อมมือไปจะหยิบถ้วยกาแฟขึ้นดื่ม ก็มีเสียงที่สามสอดขึ้นเกี่ยวกับเรื่องที่กำลังสนทนากันอยู่ เป้นเสียงทุ้มๆที่บอกถึงความสนใจในเรื่องที่พูดกันอยู่
“ขอโทษครับคุณ แต่ผมได้ยินคุณพูดว่าอยากจะหาใครสักคนหนึ่งไปช่วยทำงานในไร่ปศุสัตว์ใช่ไหมครับ”
ชาร์ลีเบือนหน้าไปทางโคบาลที่นั่งอยู่ตรงด้านหัวของเคาน์เตอร์ เลิกคิ้วคล้ายจะตรวจสอบอะไรบางอย่างจากเขาอยู่ หมวกปีกกว้างสีน้ำตาลที่เขาสวมอยู่ถูกปัดให้เลยไปทางข้างหลัง เผยให้เห็นเรือนผมดกดำ ผิวหน้าของเขาเป็นสีน้ำตาลคล้ำด้วยตากแดดเกรียมลมมาเป็นเวลานาน เมื่อประสมประสานกันเข้ากับสีดำสนิทของเรือนผม มันก็ตัดกับสีฟ้าของดวงตาคู่ที่กำลังประสานกับเธออยู่ เขานั่งอยู่ในท่าสบายๆเหมือนไม่ใส่ใจในอะไรทั้งสิ้น มือทั้งสองข้างประคองถ้วยกาแฟไว้ นิ้วแข็งแรงสีน้ำตาลนั้นบอกให้รู้ว่าเขาผ่านงานหนักมาอย่างโชกโชน รอยยิ้มปรากฏอยู่ทั้งในสีหน้าและแววตา ซึ่งบอกให้รู้เป็นนัยว่า เขาไม่ใช่คนที่ใครจะมาหลอกเขาได้ง่ายๆในวัยประมาณ 30 เศษนี้ ความเป็นชายชาตรีปรากฏอยู่ในทุกอิริยาบถ ใบหน้าที่คมสันค่อนข้างกระด้างนั้น เป็นลักษณะผู้ชายตะวันตกทั่วไป
มันออกจะเป็นการยากที่จะประมาณในส่วนสูงของคนผู้นี้ แต่เธอพอจะสังเกตเห็นความแข็งแรงได้จากมัดกล้ามที่ซ่อนอยู่ใต้กางเกงยีนส์ซีดๆ กับเสื้อเชิ้ตลายทางที่เขาสวมอยู่ คุณสมบัติประการหนึ่งของผู้ชายคนนี้เท่าที่ชาร์ลีพอจะสังเกตเห็นก็คือ เขาชอบที่จะพเนจรร่อนเร่ไปเรื่อยๆ เธอเคยพบคนที่มีลักษณะเช่นนี้มาก่อน
หลังจากที่เธอใช้สายตาสำรวจเขาจนเป็นที่พอใจแล้ว ชาร์ลีจึงได้ตอบคำถามที่เขาตั้งขึ้น
“ใช่ เรากำลังมองหาคนที่จะช่วยทำงานในไร่อยู่”
“คุณสามารถใช้ผมให้เป็นประโยชน์ได้นะ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงไม่เร่งร้อนเช่นเดิม แต่ทว่าท่าทางที่มองดูจะไม่ยินดียินร้ายนั้นดูจะเป็นเพียงกลลวงเท่านั้น เพราะสายตาของเขาที่จับจ้องมองหน้าเธออยู่เป็นประกายพราว และกวาดไปทั่วเรือนร่างของเธอ ในลักษณะเดียวกันกับที่ชาร์ลีมองเขา
ซึ่งชาร์ลีก็พอจะอ่านแววในดวงตาของเขาออก เพราะดูเหมือนเขาเองก็ไม่ได้คิดจะปิดบังอะไร มันเป็นการแสดงออกถึงความชื่นชมของผู้ชายคนหนึ่งที่มีต่อเพศตรงข้ามเท่านั้น แต่มันก็สร้างความรบกวนใจให้เกิดขึ้น ตามประสาของผู้หญิงที่ไวต่อความรู้สึกทุกประเภท