ตอนที่ 11 พี่สาวใจร้าย 1
พลอยมองตามหลังสองพี่น้องด้วยสองตาพร่าเลือน
แม้จะเป็นแค่การทะเลาะวิวาทตบตีแย่งผู้ชาย แต่ถ้าเธอไปหาหมอเพื่อขอใบรับรองแพทย์เป็นหลักฐานแล้วเข้าแจ้งความถ้าเธอได้ให้การก่อน ทำไมจะไม่ได้เปรียบล่ะ
คิดได้แล้วก็เริ่มกะพริบตาเพื่อมองหาพยานสักปากแล้วจ้างให้ใส่ไฟยายสองพี่น้องนั่น
พลอยคิดขณะยันกายลุกขึ้น แต่แล้วก็ต้องผงะ เมื่อมองเห็นกลุ่มผู้ชายตัวโตเหมือนยักษ์กำลังพากันมองมาด้วยสายตาคุกคาม นี่ไม่ใช่แบลคของสองพี่น้องนั่นเหรอ พลอยหน้าเหวอ เบิกตาค้าง คนหนึ่งคล้ายหัวหน้าแก๊งย่อตัวลง
“อย่าเลยน้อง เชื่อพี่ เจ็บแค่นี้เสียเวลาเจ้าหน้าที่เปล่าๆ” คีรินพูดเตือนด้วยหวังดี แต่เขาหน้านิ่งมาก เสียงขรึมดุดันข่มขวัญ ทั้งยังหันไปสั่งตำรวจได้ แววตาพลอยเลิ่กลั่ก
ตำรวจสองคนนี้มาเมื่อไหร่ไม่รู้ พวกเขาเข้ามาแยกเธอกับเต้ออกจากกัน จากนั้นคุณตำรวจก็ถามทาง พาเธอมาส่งบ้าน
พอพ่อแม่ถาม ตำรวจก็บอกตามความจริงว่าพลอยเร่มก่อน จึงจับแยกแล้วพามาส่ง ไม่งั้นหากอีกคนเอาผิด เรื่องจะบานปลาย พ่อแม่ขอบคุณตำรวจกันใหญ่ เธอไม่ได้สิทธิ์พูดเลยสักคำ
ดรัลดาพาเกวลินเดินมาปากตรอก
ระหว่างยืนรอเรียกรถเท็กซี่ที่ปากซอยแล้วจอดรับสักคัน ดรัลดาก็หันมาเอื้อมมือกระชากคอเสื้อเกวลิน เธอเปิดปกเสื้อ เห็นรอยจ้ำๆ ตรงคอขาวๆ แม้ไม่เคยมีแฟนไม่เคยมีเซ็กส์ก็พอรู้ว่าเป็นรอยอะไร
หญิงสาวผลักไหล่น้องจนเซ “บอกที่บ้านว่าไปเรียนพิเศษแต่กลับไปเอากับผู้ชายเนี่ยนะ น่ารังเกียจว่ะ”
เกวลินเม้มปากก้มหน้า มือกำแน่นที่กระเป๋าเป้ของตัวเอง
ดรัลดาสูดลมหายใจ นึกเกลียดทั้งตัวเองทั้งยายน้องโง่เง่า “ได้กันหลายครั้งแล้วก็เลยเลิกไม่ได้ว่างั้น?”
เห็นเกวลินยังคงก้มหน้า ดรัลดาก็แทบอยากตบให้คว่ำแต่เธอก็ไม่ทำ แม้คันมือเต็มทีก็ตาม หญิงสาวสูดลมหายใจอีกครั้ง แค่นเสียงถาม “ถุงยางที่ให้ไปใช้หรือเปล่า ยาคุมฉุกเฉินล่ะกินรึยัง”
คราวนี้เกวลินพยักหน้าถี่ๆ ยอมรับอย่างไม่บิดพลิ้ว
“เต้เขามีถุงยาง แต่ยาคุม ลิน...เอ่อ...”
ดรัลดาลอบกรอกตาเหนื่อยใจ
อย่างน้อยก็รอบคอบล่ะนะ แต่ก็ไม่ทั้งหมดป่าวล่ะ
เธอล้วงกระเป๋าตัวเอง หยิบยาคุมฉุกเฉินส่งให้อีกฝ่ายพร้อมน้ำขวดเล็กๆ ที่ชอบพกพา
“กินซะ แค่ถุงยางอย่างเดียวมันไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์หรอกนะจะบอกให้ เผื่อมันรั่ว”
เกวลินรับไปกินอย่างว่าง่าย
“แกมันทำตัวน่าเบื่อรู้ตัวไหมลิน”
เกวลินเบะปากทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
“หยุด! ห้ามร้อง!”
ก้อนสะอื้นถูกกลืนกลับไป เหลือเพียงดวงตาพราวน้ำใส
ระหว่างสำแดงฤทธิ์ใส่น้องสาวต่างมารดา รถคันหนึ่งก็แล่นมาจอดเทียบข้างฟุตบาท กระจกเลื่อนลงเผยให้เห็นหน้าคนขับ
“ขึ้นรถสิ!”
ดรัลดาขมวดคิ้วมองเจ้าของรถหรู พอเห็นหน้าชัดว่าใคร ดรัลดาก็เปิดประตูรถแล้วดึงเกวลินให้เข้าไปนั่งด้านในหลังคนขับ เธอเข้าไปนั่งประกบน้องอีกที
โกมินทร์เลิกคิ้วมอง เขาบุ้ยใบ้ให้ดรัลดามานั่งด้านหน้าคู่กัน
หล่อนนึกว่าเขาเป็นแท็กซี่แน่ๆ ขึ้นนั่งโดยไม่คิดอะไร แถมยังนั่งเหมือนผู้โดยสารขนาดนั้น
“พี่ช่วยจอดห่างประตูบ้านนิดนึงนะ จอดตรงมืดๆ มองไม่รู้ว่าใครอ่ะ ขี้เกียจตอบคำถามว่าพวกเรารู้จักกันได้ยังไงตอนไหน”
นอกจากไม่ทำตามยังสั่งอีกต่างหาก โกมินทร์นิ่วหน้า “พี่ไม่ใช่คนขับรถนะครับ มานั่งนี่”
ดรัลดาถอนหายใจหน่าย “เรียกให้ขึ้นก็ขึ้นแล้วไง คนเขาอุตส่าห์มีน้ำใจไม่ตัดรอน เห็นว่าบ้านใกล้กันหรอกนะถึงขึ้นมาเนี่ย”
โกมินทร์คิ้วกระตุก ตรรกะอะไร ใครมีน้ำใจกันแน่
ชายหนุ่มไม่อยากเถียงกับยายเด็กร้ายกาจอีกจึงตีไฟขวา หมุนพวงมาลัย ออกรถไปตามทาง
เกวลินยังคงก้มหน้าก้มตากัดปากกลั้นสะอื้นจึงมองไม่เห็น กอปรกับไฟถนนไม่ได้สว่างอะไรมาก เธอจึงไม่รู้ว่าขึ้นรถใครมาแต่แค่ได้ขึ้นกับดรัลดาก็พอแล้วล่ะ เพราะกัดปากกลั้นร้องไห้เอาไว้ เกวลินจึงสูดปากเจ็บแผล
ครั้นได้ยินเสียงของเกวลิน ดรัลดาก็อยากทึ้งหัวตัวเอง ทำไมเธอต้องสนใจยายนี่ด้วยนะ
ขณะคิดก็ล้วงกระเป๋าตัวเองหยิบทิชชูเปียกยื่นให้อีกฝ่าย
“เช็ดซะ! นึกว่ามากับซอมบี้เหอะ” ตามด้วยผ้าเช็ดหน้า “กดแผลตรงปากไว้”
คราบฝุ่นดินถูกเช็ดออกไปด้วยทิชชูเปียก ส่วนแผลรอยเล็บรอยข่วนที่มีเลือดถูกมือเล็กสั่นเทาใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดเอาไว้ตามคำ
เกวลินมองดรัลดาผ่านความมืดสลัวราง เธอเชื่อฟังมาก นึกอยากมีโมเม้นท์ที่ได้ใกล้ชิดพี่สาวแบบนี้บ่อยๆ ถูกตบวันนี้ถือว่าคุ้มค่าเหลือเกิน อย่างน้อยวันนี้ก็ได้คุยกับพี่สาวตั้งหลายคำ
“ขอบคุณค่ะพี่รัน”
“ย่ะ” ดรัลดาถอนหายใจเบื่อ สีหน้าระอา “ถ้าซาบซึ้งจริง แกก็เลิกกับไอ้เต้ให้เด็ดขาดซะที เลิกก่อนที่จะท้องไม่มีพ่อและก่อนที่พ่อกับแม่แกจะรู้”
เกวลินพยักหน้าหนักแน่น “อื้ม...”