บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 6 มีคู่หมั้น

“แต่คุณคะ ไม่ว่าจะมีหลักฐานหรือไม่ ฉันก็ไม่ยอมอยู่ร่วมบ้านกับคนเหล่านั้นอีกแล้ว ตอนที่สูญเสียแฝดของหนิงเซียนตอนนั้นฉันก็ทนมาพอแล้ว ถ้าคุณไม่จัดการ ฉันจะพาลูกกลับไปอยู่บ้านแม่” ซูเหม่ยเอ่ยออกมาเสียงดังฟังชัดราวกับถ้าถูกปฏิเสธการจัดการอย่างที่เธอต้องการ เธอจะพาลูกไปแน่ ๆ

เสียงนี้ดังจนทำให้หยวนเจียวเมิ่งตื่นจากพวังความคิด ‘สูญเสียแฝดของหนิงเซียน’ หรือว่าเราเชื่อมโยงกันแบบนี้เองหรอ....

“พ่อต้องคุยกับปู่ย่านะครับ ไม่อย่างนั้นต่อให้ผิดธรรมเนียม แต่ผมก็จะตามแม่กลับไปอยู่บ้านยาย”

หยวนเจียวเมิ่งในร่างของเด็กหญิงหันมองคนนั้นทีคนนี้ทีคล้ายกำลังจะร้องไห้ เพราะซาบซึ้งที่รับรู้ได้ว่าคนในครอบครัวกังวลเรื่องของเธอมากแค่ไหน ความห่วงใยและอบอุ่นแบบนี้ทำให้เธอไม่อยากกลับไปสู้รบกับความวุ่นวายและโดดเดี่ยวในบริษัทและโรงงานเลย

“เป็นอะไรหรือเปล่าหนิงเซียน” แฝดพี่อย่างหยวนหนิงอวี่ค่อนข้างเงียบ อารมณ์จึงนิ่งกว่าคนอื่น ๆ จนรับรู้ถึงสายตาของน้องสาวได้ก่อนใคร สิ้นคำพูดของเขาสายตาของทุกคนในครอบครัวพลันหยุดอยู่ที่แก้วตาดวงใจของบ้าน

“เปล่าค่ะพี่ ฉันแค่ง่วงน่ะค่ะ”

“จริงด้วย หนิงเซียนต้องพักผ่อนมาก ๆ งั้นพวกเราแยกย้ายกันไปทำงานเถอะ เดี๋ยววันนี้แม่อยู่กับน้องเอง”

“แม่คะ แม่ไปทำงานเถอะค่ะ หนูอยู่คนเดียวได้ วันนี้ดีขึ้นมาแล้ว ไม่อย่างนั้นปู่ย่าจะไม่พอใจที่ได้แต้มน้อยที่หยุดงานบ่อย ๆ ในช่วงนี้นะคะ”

“แต่ว่าลูก...”

“หนูอยู่ได้จริง ๆ แม่เตรียมน้ำไว้ให้หนูดื่มก็พอค่ะ”

ในที่สุดทุกคนในครอบครัวก็ออกไปทำงานเพื่อสะสมคะแนนตามที่ตนได้รับมอบหมาย ผู้หญิงจะทำงานที่เบากว่าอย่างพวกตัดหญ้า ถอนหญ้า พวกผู้ชายทำงานพวกขุดดินหรือใช้แรงมากกว่า

หยวนเจียวเมิ่งในร่างของหยวนหนิงเซียนวางแผนให้ทุกคนไปทำงาน เพราะเธอจะอาศัยช่วงเวลานี้เข้าไปในมิติ น้ำจิตวิญญาณในนั้นสามารถรักษาอาการบาดเจ็บของเธอได้แน่นอน แล้วไหนจะต้องเข้าไปดูทั้งพืชผักและสัตว์เลี้ยงในนั้นด้วย ไม่มีใครรดน้ำหรือให้อาหารหลายวัน ไม่รู้ว่าเป็นยังไงกันบ้าง

ทว่าก็ไม่เป็นไปตามที่เธอคิด เพราะไม่นานพี่ชายทั้งสองก็กลับมาที่บ้านด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มดีใจที่ได้กลับมาเฝ้าน้องสาว

“ต่อไปพี่ไม่นับหนิงอันนั่นเป็นญาติเราแล้ว” เสียงกระแอมน้อย ๆ ของพี่ชายฝาแฝดหยวนหนิงอวี่ทำให้หยวนหนิงหลินหยุดพูดเพียงครู่หนึ่งก่อนจะเล่าต่อ

“เห็นพ่อบอกว่าป้าสะใภ้ใหญ่ก็ยังบอกว่าลูกตัวเองไม่ได้ทำ หนิงอันเด็กนั่นถึงกับกลัวจนพูดเพ้อออกมาเองว่าไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ตาย แค่อยากให้บาดเจ็บ ป้าสะใภ้นั่นก็ยังมีหน้ามาพูดว่าไม่ได้ทำได้ยังไง”

“อย่างไรเขาก็เป็นภรรยาของลุงใหญ่ของพวกเรา” หยวนหนิงเซียนฟังคำของพี่ชายทั้งสองที่อุตส่าห์กลับมาเฝ้าเธอ เพราะเป็นห่วงจนไม่มีจิตใจไปทำงานที่คอมมูนกันเลย ทุกคนต่างลงความเห็นว่าให้ผลัดกันกลับมาเฝ้า เพราะกลัวว่าอาการจะแย่ลงหรือมีไข้จนไม่มีใครรู้

ปกติแล้วทั้งครอบครัวจะออกไปทำงานเพื่อสะสมแต้มตามที่รัฐควบคุม แต่เพราะหยวนหนิงเซียนเป็นเด็กผู้หญิงยอดดวงใจของบ้าน เธอจึงได้อภิสิทธิ์ไม่ต้องออกไปทำงานเหมือนลูก ๆ บ้านอื่นเพื่อสะสมแต้มการทำงานเอาไว้แลกตั๋วแลกอาหาร จึงทำให้เธอผิวพรรณดูดีกว่าเด็กผู้หญิงคนอื่น ๆ ในหมู่บ้าน และยังเป็นที่อิจฉาของลูกสาวบ้านอื่นที่พ่อแม่มักจะบังคับให้ออกไปทำงานด้วย

หญิงสาวพยายามคิดถ้ายังมีคูปองและตั๋วต่าง ๆ ที่สร้างขึ้นมาเพื่อจำกัดปริมาณการซื้อหาอาหารของยุคสมัยที่แสนแร้นแค้นนี้ หยวนหนิงเซียนรู้สึกราวกับถูกลอตเตอรี่ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ซื้อ หากฟังไม่ผิดช่วงนี้น่าจะเป็นช่วงปีก่อนปฏิวัติวัฒนธรรม เช่นนั้นแล้วของในมิติที่เธอยังไม่ได้ตรวจดูให้ดีนั้นก็มีค่ามากมายเลยน่ะสิ

นั่นก็เพราะยุคนี้เกิดปัญหาขาดแคลนอาหารอย่างหนัก แต่ของที่อยู่ในมิติของเธอนั้นล้วนเป็นอาหารทั้งสิ้น เพียงแต่เธอจะเอามันมาใช้ประโยชน์ได้อย่างไรก็เท่านั้น คงต้องใช้เวลาทำความเข้าใจสถานการณ์ที่นี่ให้ดีเสียก่อน

“ไม่ต้องห่วงนะหนิงเซียน พวกเราไม่มีใครยอมให้เกิดอะไรขึ้นกับน้องสาวอีกแล้ว นี่ยังดีนะที่หลินอีไม่รู้” คำพูดของพี่ชายทำให้หยวนหนิงเซียนสงสัย

“หลินอี” เสียงเอ่ยเบา ๆ เรียกชื่อชายหนุ่มอีกคนที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้ทำให้พี่ชายทั้งสองยิ้มหยอกล้อ “ก็คู่หมั้นของเราไง เขาไปเป็นทหารตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน ก็น่าจะตั้งแต่สูญเสียทุกคนในครอบครัวไปนั่นแหละ ถ้าความทรงจำของเรากลับมาก่อนที่พี่เขาจะมาก็ดี เพราะพี่เขาคงรู้สึกไม่ดีแน่ ๆ ที่สาเหตุอาจจะเป็นเพราะเขาตัวเองน่ะที่ทำให้น้องสาวต้องถูกทำร้ายแบบนี้”

หญิงสาวไม่ได้ติดใจอะไรเรื่องของคู่หมั้น ในเมื่อเขาไม่ได้อยู่ที่นี่ ก็แปลว่าไม่จำเป็นต้องแต่งงานเร็ว ๆ นี้ เธอควรจะกังวลเรื่องปากท้องและความเป็นอยู่มากกว่า ดีไม่ดีนายคนนั้นอาจพบรักกับคนอื่นไปแล้วก็เป็นได้ เป็นทหารในยุคนี้ใคร ๆ ก็ชอบ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่เป็นต้นเหตุให้เธอเจ็บตัวจนเจ้าของร่างเดิมต้องเสียชีวิตไปหรอก

“พี่ชายทั้งสอง กลับไปทำงานเถอะค่ะ ฉันว่าจะนอนพักจนกว่าทุกคนจะกลับมาเลย ครอบครัวจะได้ไม่เสียคะแนนทำงานไงคะ”

“น้องสาวไม่ต้องกังวลเรื่องงานเลย จริง ๆ แล้วบ้านเราก็ไม่ได้สนใจมากหรอก เพราะสุดท้ายทั้งเงิน ทั้งคูปองก็ต้องส่งให้ปู่กับย่า นาน ๆ ทีจะแบ่งมาให้พวกเราบ้าง วันนี้ปู่อนุญาตให้เรามาเฝ้าเธอเอง”

“แต่พอฉันนอนหลับ พี่ ๆ ก็ไม่ได้ทำอะไรนี่คะ ไปทำงานกันเถอะค่ะ ฉันจะนอนแล้ว กว่าจะตื่น ทุกคนคงกลับมาพอดี” หลับตาแทบจะทันทีที่พูดจบ เพื่อเป็นการบังคับให้พี่ชายทั้งสองไม่รบกวนการนอนของเธอ และหวังว่าทั้งคู่จะกลับไปช่วยพ่อกับแม่ทำงาน

“พี่ใหญ่ เอายังไงดี น้องสาวหลับไปแล้ว”

“งั้นก็กลับไปทำงานกันเถอะ จะได้รีบทำงานให้เสร็จ เสร็จเร็วพ่อจะได้ไม่เหนื่อย”

จากนั้นสองหนุ่มฝาแฝดก็พากันเดินออกจากห้องนอนของน้องสาว แล้วปิดประตูเบา ๆ ไม่ให้รบกวนคนที่นอนอยู่ หารู้ไม่ว่าทันทีที่ทั้งคู่ออกไป สาวน้อยก็ลืมตาขึ้นมาทันที

.....

ทันทีที่ได้อยู่เพียงลำพัง มือเรียวเล็กแบบเด็กสาวก็ขยับไปลูบเบา ๆ ที่รอยแผลเป็น แต่กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำเอาใจของหยวนเจียวเมิ่งในร่างเด็กผู้หญิงไหววูบไปเลยทีเดียว ยิ่งคิดว่ามิติไม่ได้ติดตามมาด้วยแล้วจะใช้ชีวิตที่นี่ยังไง ก็ยิ่งทำให้จิตใจเกิดความเครียดและปั่นปวด ไม่นานก็เริ่มปวดบริเวณบาดแผลที่ศีรษะ เลยต้องหยุดคิดแล้วนอนหลับไป

เธอไม่รู้ตัวว่าถูกจับตามองจากสายตาสอดรู้สอดเห็นคู่หนึ่ง ที่มองผ่านรอยแตกของผนังห้องเข้ามาด้วยความขุ่นเคือง เพราะอย่างนี้ มิติลี้ลับที่ติดตัวมาจึงไม่ยอมให้ร่างกายหยวนหนิงเซียนเข้าไป เจ้าตัวไม่รู้เรื่องนี้ หากเธอรู้ก็คงยิ้มกว้างด้วยความยินดีว่าระบบมิตินี้ป้องกันการเปิดเผยความลับได้ด้วย

ด้านหลังรอยแตก เจ้าของสายตาร้ายกาจจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากหยวนหนิงอันจอมริษยาที่เป็นคนลงมือผลักเจ้าของร่างเดิมจนเสียชีวิตนั่นเอง

หลังจากนอนหลับไปไม่นานร่างกายของหยวนหนิงเซียนก็ตื่นขึ้น มองไปรอบ ๆ บริเวณก็แน่ใจว่าตัวเองยังคงอยู่ในยุคยากจนแร้นแค้นเหมือนเดิม เพราะไม่มีใครอยู่ในห้องทำให้พิจารณาสิ่งต่าง ๆ ได้ละเอียดยิ่งขึ้น เธอหันไปเห็นปฏิทินระบุปี ‘1976’ นี่แสดงว่าเธอทะลุมิติมาสู่ยุคก่อนการปฏิวัติ และจำได้ราง ๆ ว่าปลายปีหน้านี้จะมีการประกาศสอบมหาวิทยาลัยกลับมาอีกครั้ง

ในเมื่อเจ้าของร่างเดิมเรียนจบชั้นมัธยมปลาย ก็แสดงว่าเธอย่อมมีสิทธิ์สอบในครั้งนี้แน่นอน

แต่กว่าจะถึงตอนนั้น ก็ต้องหาเงินทุนสร้างเนื้อสร้างตัวให้ครอบครัวเสียก่อน ไม่อย่างนั้นจะเอาเงินที่ไหนไปเรียนได้ คิดแล้วก็เพ่งจิตพยายามนึกถึงมิติอีกครั้ง เพราะทุกสิ่งในนั้นที่เธอเตรียมไว้สามารถช่วยให้มีชีวิตที่ดีได้แน่นอน โดยอ้างอิงนิยายออนไลน์ทะลุมิติมาก่อนของข้างในจึงมีไม่น้อยเลย เมื่อยังมีแผลเป็นอยู่ที่ข้อมือ มิติก็ต้องยังอยู่แน่นอนเธอเชื่ออย่างนั้น ต้องเข้าไปให้ได้!

และเมื่อไม่มีสายตาที่คอยสอดรู้สอดเห็นมองอยู่ คราวนี้จึงเข้าไปในมิติได้ทันทีที่นึกถึง แต่พอเข้าไปแล้วกลับต้องตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น มิติของเธอเปลี่ยนไปมาก ที่นี่ไม่ใช่แค่บ้านหลังเล็กกับฟาร์มของเธอเท่านั้น แต่กลับมีทุกอย่างติดมาด้วยหมดเลย ไม่ว่าจะเป็นโรงงานทอผ้า หรือซูเปอร์มาเก็ตที่อยู่ด้านหน้าโรงงาน!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel