ตอนที่ 9 รัตน์เป็นเมียคุณปั้น
ปรมัตถ์ อริสา ปัณยตา และสุทธิรักษ์ เบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อยแล้วลอบหันมามองหน้ากัน รู้แล้วว่าเหตุใดทำให้คนอย่างปัณจธรที่ไม่เคยมีความรักให้ใคร รีบร้อนอยากแต่งงานกับลูกสาวเจ้าของที่ดินขนาดนี้ ทำอย่างกับว่าถ้าช้าอีกเพียงนาทีเดียว เจ้าหล่อนจะเปลี่ยนใจไปแต่งงานกับคนอื่นอย่างไรอย่างนั้น
ก็ผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าของพวกเขา เธอสวยงามไปทั้งตัวอย่างไร้ที่ติราวกับนางฟ้าก็ไม่ปาน ไม่ว่าจะพิศมองมุมไหนก็เพลินตา จนแทบไม่อาจละสายตาไปจากเธอได้เลยจริงๆ
การเจรจาสู่ขอสำเร็จไปได้ด้วยดี เงินสินสอดทองหมั้นที่ฝ่ายชายเสนอให้ช่างสมน้ำสมเนื้อกับว่าที่เจ้าสาวคนสวยเป็นจำนวนหนึ่งร้อยล้านบาท
“ยินดีต้อนรับเข้าสู่ครอบครัวของเรานะจ๊ะ น้ำริน ถ้ามีเรื่องไม่สบายใจอะไรก็คุยกับแม่และพี่หยาได้ คิดซะว่าแม่เป็นแม่แท้ๆ ของน้ำนะลูก”
อริสาโอบกอดสาวสวยที่กำลังจะเข้ามาเป็นลูกสาวอีกคนของเธอด้วยความอบอุ่น อ้อมกอดจากแม่ที่เธอขาดหายไม่หลงเหลือในความทรงจำ วันนี้ได้รับการทดแทนจากผู้เป็นแม่ของว่าที่สามี มันอบอุ่นจนคนตัวบางน้ำตาซึม
“ขอบคุณมากค่ะ คุณป้า”
“ไม่เอาสิลูก เรียกพ่อกับแม่เถอะ อีกไม่กี่วันก็ต้องมาใช้นามสกุลเดียวกันแล้วนะ”
“ค่ะ คุณแม่”
“คุณธาราไม่ต้องเป็นห่วงน้ำรินนะครับ พวกผมสัญญาว่าจะช่วยดูแลน้ำรินให้เหมือนกับเป็นลูกสาวแท้ๆ เลย”
“ขอบคุณทุกคนมากครับ ที่เอ็นดูยัยน้ำของผม แค่นี้ผมก็นอนตายตาหลับแล้ว”
ธารามองภาพตรงหน้าผ่านม่านน้ำตา เขาคิดไม่ผิดจริงๆ ที่เลือกปัณจธร ครอบครัวนี้เป็นคนดีและมีเมตตามาก เขามั่นใจว่าลูกสาวของเขาจะได้รับการดูแลที่ดีต่อจากนี้ ส่วนเรื่องของหนุ่มสาว ก็ปล่อยให้ความใกล้ชิดทำงาน ให้เด็กทั้งสองคนเรียนรู้กันและกัน เพื่อวันหนึ่ง ความรักจะได้เบ่งบานในหัวใจ และวันนั้น เขาคงมองลงมาจากที่ไกลๆ อย่างมีความสุขที่สุด
ในรถยนต์คันหรูที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำ ธารารินนั่งอยู่ที่เบาะข้างคนขับ ทอดสายตามองไปเบื้องหน้าอย่างไร้จุดหมายราวกับคนที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิด แต่ภวังค์นั้นก็ถูกขัดด้วยเสียงโทรศัพท์มือถือของเขา..ว่าที่สามีของเธอ
“ครับ”
“คุณปั้นหายไปไหนคะ รัตน์โทรหาคุณตั้งแต่เมื่อวาน แต่คุณไม่รับสายรัตน์เลย ไม่สบายหรือเปล่าคะ”
เสียงที่เล็ดลอดออกมาทำให้ว่าที่เจ้าสาวลอบเบะปาก ขนาดกำลังจะพาเธอไปลองชุดแต่งงาน ผู้หญิงของเขายังโทรเข้ามาออดอ้อนกันเสียงหวาน ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าต้องใช้ห้องนอนร่วมกันทุกวัน จะได้ยินเขาคุยกับผู้หญิงคืนละกี่คน
“ผมมีธุระ”
“ไม่เห็นคุณปั้นแจ้งรัตน์ไว้ วันนี้เข้าออฟฟิศหรือเปล่าคะ”
“มีงานด่วนอะไรหรือเปล่า ผมขับรถอยู่ แต่จะไปทำธุระ”
กนกรัตน์นึกสังหรณ์ใจแปลกๆ ปกติไม่ว่าเขาจะไปไหน แม้แต่ไปนอนกับผู้หญิงคนอื่น ถ้าเธอถาม เขายังยอมบอกเธอ แต่นี่กลับตอบแค่ว่าไปธุระ มันดูมีลับลมคมในแปลกๆ
“มีค่ะ คุณไม่เข้าออฟฟิศมาสองวันแล้ว มีเอกสารการเงินด่วนค้างอยู่บนโต๊ะคุณค่ะ”
“งั้นผมจะแวะเข้าไปก่อน คุณช่วยแยกแฟ้มงานด่วนไว้ให้ผมทีนะ ผมใกล้ถึงแล้ว”
เขากดวางสายแล้วเหลือบสายตามามองปฏิกิริยาของว่าที่เจ้าสาวคนสวย แต่ก็เห็นเพียงใบหน้าเรียบเฉยราวกับตุ๊กตาปั้นไร้ชีวิต
“ผมขอแวะเข้าไปเซ็นงานด่วนแป๊บนึงนะครับ คุณรีบหรือเปล่า”
“ตามสบายค่ะ วันนี้ฉันไม่เข้าออฟฟิศแล้ว มีนัดกับเพื่อนต่อ”
“ให้ผมไปส่งที่ไหน”
“ไม่ต้องค่ะ เดี๋ยวเพื่อนฉันมารับที่ร้าน เราแยกกันหลังลองชุดเสร็จเลยแล้วกันค่ะ”
“เพื่อนคนไหน ผมถามได้ไหม”
“คุณถามมาแล้วค่ะ เพื่อนฉัน คุณไม่รู้จักหรอก”
“แล้วทำไมไม่แนะนำให้ผมรู้จักบ้างล่ะ”
“ยังไม่สะดวกค่ะ”
“หึ เพื่อนผู้ชาย?”
“ค่ะ”
กรามแกร่งขบกันแน่น มือกำพวงมาลัยรถยนต์ก่อนหักเลี้ยวเข้าโรงแรมหกดาวในเครือของอธิพัฒน์โภคินทันที
“คุณ นี่มันโรงแรมนี่”
“ครับ โรงแรม”
“แล้วคุณพาฉันมาที่นี่ทำไม ไหนว่าจะไปเซ็นงานด่วนไง”
“ก็ออฟฟิศผมอยู่ที่นี่ คุณลืมไปแล้วหรือเปล่าว่าสามีคุณทำธุรกิจอะไร”
“ว่าที่สามีค่ะ”
“เดี๋ยวก็เป็นสามี มันยาว ขี้เกียจพูด”
ผู้บริหารหนุ่มรูปหล่อใช้มือโอบเอวบางของสาวสวยข้างกายแล้วพาเธอเดินเข้ามาในโรงแรมหรูท่ามกลางสายตาของพนักงานที่จับจ้องไปยังหนุ่มหล่อสาวสวยที่สมกันราวกิ่งทองใบหยก
“คุณ มากอดฉันทำไมเนี่ย เดินไม่ถนัด”
“ทำตัวให้ชินไว้ ผมชอบแบบนี้”
“แต่ฉันเดินไม่ถนัดนี่ คุณขายาว ฉันก้าวไม่ทัน”
“ผมก้าวช้าลงได้ แบบนี้โอเคยังครับ”
เธอขี้เกียจเถียงต่อเมื่อเขาพาเข้ามาในลิฟต์ระดับผู้บริหาร คิดว่าจะจบแค่นั้น จึงจะขยับตัวออกห่าง แต่เขากลับดึงเธอเข้ามาให้แนบชิดกว่าเดิมหน้าตาเฉย
“นี่คุณ ปล่อยสิ”
“ชู่ว์ อย่าโวยวายสิ เดี๋ยวเดินออกไปก็เจอพนักงานของผม คุณจะมาฉีกหน้าผมแบบนี้ไม่ได้นะครับ”
“ฉันไม่ใช่อีหนูของคุณนะ ถึงจะได้มาเดินกอดกันเข้าไปในห้องทำงานของคุณ”
“คุณไม่ใช่อีหนูอยู่แล้ว คุณเป็นเมีย”
พูดจบก็โอบประคองพาเธอเดินผ่านหน้าเลขานุการสาวสวยและผู้ช่วยคนสนิทของเขาทั้งสองคนที่ลุกขึ้นยืนต้อนรับด้วยดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ
“สวัสดีครับ คุณปั้น คุณน้ำริน”
ปัณจธรหยุดยืนหน้าพนักงานทั้งสามของเขา สบประสานสายตาที่เบิกกว้างของกนกรัตน์แล้วจึงลดมือที่โอบกอดเอวบางลงมาล้วงกระเป๋ากางเกงทันที
ท่าทางที่เปลี่ยนไปของชายหนุ่มข้างกายทำเอาธารารินเหลือบมองปฏิกิริยาของเขาและสาวสวยตรงหน้าที่มองเธอและเขาอย่างอึ้งๆ
“สวัสดี นี่คุณน้ำรินนะ นั่นสาธิตกับประณต มือขวามือซ้ายของผม ส่วนนั่น กนกรัตน์ เลขาของผมครับ”
“สวัสดีครับ คุณน้ำริน”
“สวัสดีค่ะ”
“อืม รัตน์ เดี๋ยวขอน้ำส้มให้คุณน้ำรินด้วยนะ ของผมขอกาแฟเหมือนเดิม”
พูดจบก็ดันแผ่นหลังบอบบางของว่าที่ภรรยาเข้าไปในห้องทำงาน โดยไม่ได้หันกลับมาสนใจไยดีเลขาหน้าห้องผู้จงรักภักดีที่มองตามเขาและผู้หญิงอีกคนผ่านม่านน้ำตา
สาธิตกับประณตมองเลขาสาวที่เคยเป็นคนโปรดของเจ้านายแล้วก็ลอบถอนหายใจ แม้จะรู้ทั้งรู้ว่าอย่างไรเจ้านายของพวกเขาไม่มีทางเลือกเธอคนนี้ขึ้นมาเชิดหน้าชูตา แต่เหมือนว่าเจ้าตัวจะพยายามปิดหูปิดตาไม่รับรู้ในเรื่องนี้มาตลอด จนตอนนี้ ทุกอย่างมันชัดเจนแล้ว
เจ้านายของพวกเขาหายเงียบไปสองวันเต็มๆ ไม่ยอมรับสายใคร แม้แต่คนสนิทที่ต้องคอยขับรถรับส่งอย่างพวกเขาสองคนก็ได้รับคำสั่งแค่เพียงว่า “มีธุระ ไม่ต้องมารับ”
ใครจะไปคิดว่าแค่สองวันที่เจ้านายหายเงียบไป จะกลับเข้าออฟฟิศมาอีกทีพร้อมกับลูกสาวคนสวยของเจ้าของที่ดินผืนงามที่เขาอยากได้ แถมท่าทางโอบประคองกันมานั้น คงไม่ใช่แค่คนซื้อขายที่ดินกันธรรมดาๆ แน่ๆ
“รัตน์ เป็นอะไรไหม”
สาธิตเรียกหญิงสาวที่ยืนมองไปยังประตูห้องทำงานของเจ้านายหนุ่ม เธอกะพริบตาไล่หยาดน้ำตาแล้วเช็ดมันออกจากแก้มอย่างรวดเร็ว แต่คนที่อยู่ตรงนี้ก็เห็นอยู่ดี
“ไม่เป็นค่ะ ผู้หญิงคนนี้ คือลูกสาวเจ้าของที่ดินที่คุณปั้นอยากได้ใช่ไหม”
“อืม”
“เธอมาทำไม”
“พี่จะไปรู้เหรอ เขาไปคุยกันตอนไหนพวกพี่สองคนยังไม่รู้เลย คุณปั้นหายไปสองวัน ติดต่อไม่ได้ พอกลับมาก็พาคุณน้ำรินมาด้วยแล้ว”
“รัตน์จะถามคุณปั้นให้รู้เรื่อง”
“พี่ว่ารัตน์อย่ายุ่งเรื่องของเจ้านายจะดีกว่า”
ประณต ผู้ที่เงียบขรึมและจริงจังเป็นนิจเอ่ยเตือนสติ เพราะการที่ได้ขึ้นเตียงกับเจ้านายและยังเป็นคนเดียวที่ได้อยู่บนเตียงกับเขา ไม่ได้ถูกเขี่ยทิ้งทั้งที่นอนด้วยกันมาหลายปี ทำให้เธอคนนี้สำคัญตัวเองผิดและลืมความเป็นจริงบางเรื่องไป
“รัตน์เป็นเมียคุณปั้น”
“พี่ว่ารัตน์ลืมข้อตกลงของคุณปั้นไปนะ ปกติคุณปั้นก็มีผู้หญิงคนอื่นอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว พี่ไม่เห็นรัตน์จะเป็นแบบนี้เลย ถ้ายังอยากอยู่กับคุณปั้นแบบนี้ต่อไป พี่ว่ารัตน์อย่ายุ่งเรื่องของท่านดีกว่านะ”
กนกรัตน์กำมือแน่นจนตัวสั่น นับวันความอดทนของเธอมันยิ่งต่ำลงเรื่อยๆ จนหลายครั้งที่ทำให้ปัณจธรไม่พอใจในตัวเธอบ่อยๆ แต่ถ้าเธอไม่ทำอะไรเลย เธอจะต้องเสียเขาไปตลอดกาลแน่นอน