ตอนที่ 10 ไม่รัก..ไม่หึงหวงให้เสียเวลาหายใจ
“คุณมานั่งรอผมตรงนี้ก่อน”
เขาขยับเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานให้ แต่เธอกลับเดินไปนั่งที่โซฟาตัวยาวมุมห้อง เล่นเอาคนตัวโตแค่นหัวเราะหยันตัวเองเบาๆ ก่อนปลดกระดุมเสื้อสูทแล้วเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ประจำตำแหน่งของตัวเอง
ไม่นานจากนั้น กนกรัตน์ก็นำน้ำส้มไปเสิร์ฟให้กับผู้หญิงที่สวยราวกับนางฟ้าชนิดที่เธอเทียบไม่ติดฝุ่นแม้แต่จุดเดียว เธอเหลือบตาขึ้นมองผู้หญิงคนนั้น ในขณะที่ผู้หญิงคนนั้นก็มองสบตากับเธอด้วยใบหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึก
“ขอบคุณค่ะ”
หึ เย่อหยิ่งราวนางหงส์อย่างที่เธอได้ยินมาจริงๆ คอยดูเถอะ ถึงแม้จะสวยเพียงใด แต่คนอย่างปัณจธรไม่เคยใช้ผู้หญิงคนไหนนานๆ นอกจากเธอคนเดียวเท่านั้นที่เขาหลงใหล อีกไม่นานเกินรอ แม่นางหงส์ก็คงจะโดนเขาเขี่ยทิ้ง
“ยินดีค่ะ”
กนกรัตน์เชิดหน้าขึ้น ส่งยิ้มหยันให้กับผู้หญิงคนใหม่ของเขา แล้วเดินกลับไปเสิร์ฟกาแฟให้กับคนที่ก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารในแฟ้มอย่างตั้งใจ
กิริยาที่เลขาของเขาแสดงออกมาต่อหน้าเธอ มันยืนยันได้อย่างชัดเจนเลยว่าสองคนนี้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันแน่นอน จึงลอบเบะปากอย่างนึกรังเกียจ ขนาดพนักงานของตัวเองยังไม่เว้น ถ้าเธอต้องแต่งงานกับเขาเพราะความรัก เธอคงหึงหวงเขาจนเป็นบ้า ทุกวันที่เขามาทำงานต้องใกล้ชิดกับผู้หญิงอีกคนและคงจะลักลอบทำอะไรกันลับหลังเธอแน่ๆ
“กาแฟค่ะคุณปั้น รัตน์เปิดแฟ้มให้นะคะ”
เลขาสาวในชุดเดรสสั้นเดินเข้าไปนั่งบนตักของเขาทันทีที่พูดจบ คนตัวโตตกใจแทบช็อกยกร่างบอบบางออกจากตักของตัวเองทันที ทั้งที่ปกติเป็นเขาเองด้วยซ้ำที่เรียกให้เธอมานั่งตักแล้วเปิดแฟ้มงานให้แบบนี้
“รัตน์ ทำอะไร”
เสียงทุ้มกระซิบแผ่วเบา กลัวว่าผู้หญิงอีกคนที่นั่งอยู่ไม่ไกลจะได้ยิน แต่สายไปเสียแล้ว เมื่อทุกการกระทำของคนทั้งคู่ อยู่ในสายตาของเธอหมดแล้ว
“รัตน์ก็แค่ทำแบบที่คุณปั้นชอบ”
“นี่คุณตั้งใจจะทำอะไรกันแน่ อย่าแม้แต่จะคิด”
“คุณปั้น”
“ผมรีบ คุณออกไปก่อน เดี๋ยวว่างแล้วค่อยคุยกัน”
กนกรัตน์เม้มปากแน่น เหลือบมอบผู้หญิงคนนั้นก็เห็นว่าเจ้าหล่อนมองอยู่ยิ่งรู้สึกเสียหน้าเป็นเท่าตัว เธอกัดกรามแน่น เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยแล้วเดินออกจากห้องนี้ไป
วันนี้เธอพลาด เพราะเธอยังไม่ทันได้ทำใจ สติเธอแตกไปแล้วตอนที่เห็นเขาควงผู้หญิงคนนี้เข้ามา ขอเธอกลับไปตั้งสติก่อนเถอะ คอยดูว่าเธอจะไม่มีวันพลาดเป็นครั้งที่สองแน่นอน
เมื่อเลขาสาวที่เคยเป็นที่โปรดปรานออกจากห้องไป คนตัวโตก็ถอนหายใจพรืด รีบหันไปมองยังว่าที่เจ้าสาวของตัวเองก็เห็นว่าเธอมองเขาด้วยแววตารังเกียจเสียเต็มประดา
“เมียคุณอีกคนเหรอ”
ดูคำพูดคำจา ถามออกมาได้หน้าตาเฉย ไม่ได้มีความหึงหวงในน้ำเสียงและสายตานั้น
“ไม่ใช่ครับ รัตน์เป็นเลขา”
“เลขาบนเตียง?”
“คุณพูดอะไรออกมา น้ำริน”
“ฉันก็พูดตามทีฉันเห็น เลขาที่ไหนนั่งตักเจ้านาย แถมยังมองฉันอย่างกับจะหักคอฉันจิ้มน้ำพริก”
“ผมไม่ปฏิเสธ ว่าผมกับรัตน์เคยมีอะไรกัน แต่นั่นมันก่อนที่จะเจอคุณ”
“เราเพิ่งเจอกันจริงๆ แค่สองวันค่ะ ไม่ต้องซีเรียสนะ ฉันไม่ได้รู้สึกอะไร เอาที่คุณกับเลขาบนเตียงของคุณสะดวกเลย มาทำงานก็กินให้อิ่มล่ะ กลับไปจะได้ไม่ต้องมาหน้ามืดยุ่งกับฉัน”
“คุณแน่ใจนะ ที่คุณพูดออกมา แล้วอย่ามาหึงหวงผมล่ะ”
“ไม่รัก..ไม่หึงหวงให้เสียเวลาหายใจหรอกค่ะ คุณสบายใจได้”
“หึ แล้วผมจะคอยดู”
“ส่วนคุณ ก็ไม่มีสิทธิ์มายุ่งวุ่นวายกับชีวิตฉัน ต่างคนต่างมีอิสระต่อกัน อยากทำอะไรก็ทำ ทนไม่ไหวก็หย่า จบนะ”
คนตัวโตลุกเดินไปหาเธอด้วยท่าทีคุกคาม ใช้มือสองข้างยันโซฟากักขังเธอเอาไว้แล้วยื่นหน้าไปหาเธอช้าๆ แม้จะเชิดหน้าขึ้นทำเหมือนไม่กลัวเกรง แต่กลับเอนตัวหนีจนแผ่นหลังติดพนักโซฟาไร้ทางหนี
ประตูห้องถูกเปิดพรวดเข้ามาด้วยฝีมือเลขาหน้าห้องที่ตั้งใจทำตัวเสียมารยาท เพราะอยากรู้ว่าถ้าเธอเข้ามาแบบไม่เคาะประตู หนุ่มสาวคู่นั้นจะกำลังทำอะไรกันอยู่
แล้วภาพตรงหน้าก็ทำเอาหัวใจเธอบีบอัดจนแทบระเบิด ผู้ชายที่เคยหยอกล้อคลอเคลียเธอ กลับกำลังยืนคร่อมกักตัวผู้หญิงอีกคนเอาไว้
ธารารินปรายหางตาไปยังประตูก็เห็นเลขาหน้าห้องของเขายืนกอดแฟ้มมองมายังเธอและเขาด้วยดวงตาวาวโรจน์ เธอจึงตวัดแขนโอบรอบลำคอแกร่งแล้วโน้มใบหน้าหล่อเหลาลงมาใกล้ ก่อนจะจูบแก้มของเขาเบาๆ ด้วยท่าทียั่วยวน พร้อมกล่าวขอโทษอีกฝ่ายในใจ
“ขอโทษทีนะ กนกรัตน์ ไปเคลียร์กับผู้ชายของเธอเอาเองแล้วกัน ถ้าหวงนักก็ล่ามเอาไว้ อย่าให้มายุ่งกับฉันอีก”
แต่คนตัวโตที่ไม่ได้รู้ว่ามีอีกคนเข้ามายืนจ้องมองเขาอยู่ในห้องแล้ว ยกยิ้มมุมปากอย่างชอบใจที่ผู้หญิงเย่อหยิ่งจูบแก้มเขาก่อน ท่าทางคงจะหลงเสน่ห์ของเขาแล้วจริงๆ สินะ
เขาแค่นหัวเราะขำแล้วเอียงหน้าประกบปากลงบนกลีบปากงาม แต่คนตัวบางกลับยกนิ้วขึ้นมากั้นเอาไว้ได้ทันท่วงที เขาชะงักไปเล็กน้อย ก่อนกดจูบลงบนนิ้วนั้นเบาๆ ทำเอาสาวใจกล้าประหม่าอาย มองเขาด้วยแววตาสั่นระริก
“เอานิ้วออกสิครับ ขอจูบหน่อย”
เสียงกระซิบแหบพร่าทำเอาคนตัวบางหายใจติดขัด ก่อนที่เธอจะเพลี่ยงพล้ำไปมากกว่านี้ ผู้หญิงอีกคนที่ยืนตัวสั่นอยู่หน้าประตูห้องก็ส่งเสียงขัดจังหวะขึ้นมาเสียก่อน
“ขอโทษค่ะ คุณปั้น”
ปัณจธรหันหน้าไปมองทางต้นเสียง เห็นผู้หญิงที่เขาเคยโยกขย่มอย่างหลงใหลมองเขาด้วยดวงตาที่รื้นไปด้วยหยาดน้ำใสๆ จึงจะผละออกมาจากว่าที่ภรรยาที่ไม่ได้รัก แต่เธอกลับรั้งลำคอของเขาเอาไว้ให้ถลาลงมานั่งข้างๆ
“รัตน์ มีอะไร ทำไมไม่เคาะประตู”
“ขอโทษค่ะ มีแฟ้มงานด่วนค่ะ”
“เอ่อ เอาไปวางที่โต๊ะผมแล้วกัน”
“คุณปั้น ไม่ทำงานเหรอคะ รัตน์เปิดแฟ้มให้เอาไหมคะ”
“ไม่ต้อง คุณออกไปได้แล้ว ผมอยากพักอีกสักหน่อย ตอนนี้ไม่มีอารมณ์ทำงานแล้ว”
กนกรัตน์ล่าถอยกลับไปด้วยหัวใจปวดร้าว แม้เธอจะเห็นเขานัวเนียกับผู้หญิงมากหน้าหลายตาจนนับครั้งไม่ถ้วน แต่ทำไมหัวใจเธอไม่เคยรู้สึกเจ็บปวดร้าวรานเท่าครั้งนี้มาก่อน
ประตูห้องปิดลงพร้อมกับธารารินที่ขยับตัวหนี แต่เหมือนที่ผ่านมาเธอทำอะไรผิดพลาดไปถนัดเมื่อเขารั้งร่างบอบบางในชุดเดรสสายเดี่ยวกระโปรงสั้นขึ้นมานั่งบนตักแล้วกอดเอวเธอไว้แน่น
“เฮ้ย คุณ ทำอะไร ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ”
ว่าที่เจ้าสาวดิ้นรนเอาตัวรอด แต่นอกจากเขาจะกอดเธอแน่นขึ้นแล้ว เขายังพรมจูบเธอไปทั่วทั้งแก้มและซอกคอจนเธอกรีดร้องเสียงหลง
“อ๊ายยยย ปล่อยนะ ปล่อย”
“ชู่ว เบาๆ หน่อยสิ ห้องนี้มันไม่ได้เก็บเสียงหรอกนะครับ อยากให้พนักงานของผมรู้เหรอ ว่าตอนนี้ผมกำลังทำให้คุณรู้สึกดีแค่ไหน”
“บ้า ใครจะไปรู้สึกดีกับคุณ ปล่อย ถ้าไม่ปล่อยฉันจะร้องว่าคุณข่มขืนฉัน”
“หึหึ อะไรกัน ทำไมเปลี่ยนใจเร็วอย่างนี้ ทีเมื่อกี้คุณยังดึงผมลงมาจูบอยู่เลย”
“ฉันไม่ได้จูบ แค่ แค่..”
“หอมแก้มเหรอ”
“อือ ก็แค่หอมแก้ม พูดให้มันดีๆ คนอย่างน้ำรินไม่มีวันจูบกับคนอย่างคุณ ขยะแขยง เข้าใจไหม”
“ดี ชัดเจนดี จูบคุณในที่ลับตา รู้กันแค่สองคนแบบนี้คุณไม่ชอบ เดี๋ยววันแต่งงานผมจะจูบคุณโชว์แขกทั้งงานเลย”
“ถ้าคุณกล้าจูบฉันนะ ฉันจะกัดปากคุณให้เจ่อเลย กล้าก็ลองดู”
“แล้วถ้าผมกล้าแลกล่ะ อย่ามาร้องโวยวายแบบนี้แล้วกัน”
แม้จะอยากนั่งนัวเนียคนตัวหอมไปจนถึงสี่โมงเย็น แต่ก็ไม่อาจทำได้ดังใจเมื่อภารกิจยังรอเขาอยู่เป็นหางว่าว จึงหอมแก้มเธอฟอดใหญ่ แล้วลุกขึ้นไปนั่งทำงานเหมือนเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือมุมปากหยักได้รูปสีแดงสดยกยิ้มตลอดเวลา