3 ความเชื่อ
ภูเมฆามาถึงคฤหาสน์ของเจ้าสัวเรวัฒน์ก่อนเวลานัดเกือบยี่สิบนาทีแต่ก็ไม่ใช่คนแรกเพราะก่อนหน้าเขาก็มีคนจากบริษัทอื่นมานั่งรออยู่ห้องประชุมซึ่งอยู่ติดกับคฤหาสน์หลังใหญ่
ชายหนุ่มกล่าวทักทายผู้ชายสองคนที่มาถึงไปตามมารยาทจากนั้นก็มีคนจากอีกสองบริษัทเดินเข้ามา พอทุกคนมาครบได้ไม่นานเจ้าสัวเรวัฒน์ก็เข้ามาพร้อมกับชายสูงวัยคนหนึ่งซึ่งเป็นที่รู้กันดีกว่าเขามักจะตามเจ้าสัวไปทุกที่
“ผมดูขอเสนอที่พวกคุณส่งมาแล้วผมดุอย่างละเอียดแล้ว บอกตามตรงเลยมันเป็นอะไรที่ตัดสินใจยากมาก”
“ผมเชื่อว่าเจ้าสัวจะตัดสินอย่างยุติธรรม” คุณสาโรจน์ผู้บริหารจากบริษัทใหญ่ติดอันดับหนึ่งในห้าของประเทศพูดกับเจ้าสัวด้วยท่าทางมั่นใจ เพราะคิดว่ายังไงเจ้าสัวก็ต้องเลือกบริษัทของตนอยู่แล้ว
“มันอาจจะยุติธรรมสำหรับผม แต่กับหลายๆ คนคงไม่คิดแบบนั้น ผมหวังว่าคนที่ไม่ถูกเลือกจะไม่เสียใจนะครับ เพราะยังมีอีกหลายโครงการที่ผมกำลังจะเริ่ม” เจ้าสัวกวาดตามองทุกคนอีกครั้ง พร้อมทั้งหันไปปรึกษากับซินแสที่ตนเองไว้ใจ
“พวกเราในที่นี้ก็หวังว่าจะได้ทำงานกับเจ้าสัวนะครับ” ชายอีกคนพูดขึ้นอย่างประจบ
ภูเมฆาได้แน่นั่งฟังทุกคนคุยกับเจ้าสัว ส่วนตัวเขาเองไม่ได้รู้สึกเจ้าสัวเป็นการส่วนตัวมาก่อนงานนี้ก็เป็นงานแรกที่สนใจเสนอโครงการ
“ผมล่ะตัดสินใจยากจริงๆ เอาล่ะ พวกคุณคงพอรู้มาบ้างว่าผมเป็นคนนับถือเรื่องโชคลางมากจนเรียกได้ว่าเข้าขั้นงมงายเลยก็ได้ ผมก็เลยอยากจะถามพวกคุณหน่อยว่าการมาคุยกับผมครั้งนี้ได้พกพวกเครื่องรางของขลังมาด้วยไหม”
จากนั้นเจ้าสัวก็ถามทีละคนว่าได้พกอะไรมาบ้างไหม คนที่เคยได้ยินกิตติศัพท์ของเจ้าสัวมาก่อนจากพากันเอาเครื่องรางของตนเองขึ้นมาอวดอย่างไม่มีใครยอมใคร
“แล้วคุณล่ะ ไม่เชื่อเรื่องแบบนี้เหรอ” เจ้าสัวหันมาถามภูเมฆาที่เอาแต่นั่งนิ่ง
“ผมไม่ค่อยเชื่อเรื่องนี้เท่าไหร่ครับ” ภูเมฆาตอบไปตามตรง
“แสดงว่าวันนี้ไม่ได้พกอะไรมาเลย หรือจะบอกว่าพกความมั่นใจมากันล่ะพ่อหนุ่ม” เจ้าสัวถามพลางยิ้มอย่างผู้ใหญ่ใจดี เขาไม่โกรธที่ภูเมฆาตอบแบบนั้นแต่กลับรู้สึกชอบที่ชายหนุ่มเป็นคนพูดตรงๆ
“ตอนออกจากบ้านผมไม่ได้พกอะไรมาเลย แต่พอออกมาได้ครึ่งทางกระดุมเสื้อผมก็เกี่ยวกับแฟ้มจนหลุด คนขับรถก็เลยเรียกให้คนรู้จักมาช่วยเย็บให้ครับ แล้วพอเธอรู้ว่าผมจะมาคุยงานสำคัญเธอก็เลยให้เหรียญนำโชคมาเหรียญหนึ่งครับ” เขาควักเหรียญที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาส่งให้เจ้าสัวเรวัฒน์
“เหรียญนี่แปลกดีเหมือนเคยเห็นที่ไหน ผมขอได้ไหม”
“ถ้าเหรียญนี่เป็นของผม ผมคงยินดีให้แต่เพราะคนอื่นให้ผมมาอีกทีถ้าผมให้เจ้าสัวไปก็เกรงว่าจะไม่ดีเท่าไหร่ ถ้าเจ้าสัวอยากได้จริงๆ ผมจะลองถามเธอก่อนว่าได้ไหม”
“ผมคิดว่าคุณจะตอบว่าได้เพื่อเอาใจผม”
“ไม่หรอกครับ ถ้าผมทำแบบนั้นก็เหมือนไม่ซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเอง”
“นับว่าเป็นคนตรงเลยทีเดียวนะ” เจ้าสัวเอ่ยชม
จากนั้นเจ้าสัวก็ขอตัวไปปรึกษากับซินแสก่อนจะกลับออกมาอีกครั้ง
“พวกคุณคงอยากรู้ว่าใครจะได้งานนี้”
“ครับ” ทั้งห้าคนที่อยู่ในห้องขานรับแทบจะพร้อมกัน
“ผมขอถามอีกคำถามแล้วกัน ถ้าได้งานนี้พวกคุณจะเริ่มงานได้ตอนไหน เริ่มจากคุณสาโรจน์ก่อนก็แล้วกัน”
“ผมคิดว่าคงเริ่มได้ทันทีครับ”
“อือ ดีๆ ผมเองก็อยากให้ทุกอย่างเสร็จเร็วๆ เหมือนกัน แล้วคนต่อไปล่ะ”
“เริ่มได้ทันทีเหมือนกันครับ”
สี่คนแรกตอบว่าเริ่มงานได้ทันทีนั่นก็แสดงให้เห็นว่าบริษัทของพวกเขามีความพร้อมในการทำงานอย่างเต็มที่จนมาถึงคนสุดท้ายซึ่งก็คือภูเมฆา
“น่าจะเดือนหน้าครับเจ้าสัว” ภูเมฆาตอบไปตามความจริง
“คุณมาคุยงานทั้งๆ ที่ยังไม่พร้อมเหรอครับ แต่ก็อย่างว่าล่ะนะ บริษัทเพิ่งเปิดมาไม่ถึงสิบปีอะไรๆ ก็คงยังไม่เข้าที่” ชายคนหนึ่งพูดขึ้นและทำให้สายตาอีกหลายคู่มองเขาอย่างดูแคลน
“ไหนลองบอกเหตุผลมาหน่อยสิว่าทำไมถึงเริ่มงานได้ช้า” เจ้าสัวเรวัฒน์อยากฟังเหตุผลที่แท้จริงจากชายหนุ่ม
“ผมพร้อมครับ แต่ที่ผมบอกว่าเริ่มเดือนหน้าเพราะผมอยากให้ผ่านฤดูฝนไปก่อนครับ พวกคุณก็คงรู้ว่าการก่อสร้างในฤดูฝนมีเรื่องต้องระวังหลายอย่างทั้งการขนส่ง การเก็บวัสดุที่จะเอามาก่อสร้างไหนจะเรื่องดินที่ยุบตัวอีก แล้วตึกสูงขนาดนั้นก็ย่อมต้องการโครงสร้างที่แข็งแรง ดินในฤดูฝนจะอุ้มน้ำไว้มาก ผมว่ามันคงไม่ดีเท่าไหร่ครับ จากที่คิดว่าเริ่มเร็วอาจต้องตามแก้ปัญหาทีหลัง”
คำตอบของชายหนุ่มทำให้คนอื่นได้แต่เงียบ พวกเขาเป็นผู้บริหารที่ไม่ได้คำนึงถึงเรื่องนี้ต่างจากภูเมฆาที่ทั้งเรียนและทำงานในโครงการใหญ่มาก่อนจึงตอบไปตามประสบการณ์ เขาไม่อยากจะตามแก้งานทีหลังให้เสียเวลา
“นี่แหละคือคำตอบที่ผมต้องการ ก่อนที่ผมจะร่ำรวยขนาดนี้แต่ก่อนผมก็เคยทำงานในไซต์งานมาก่อน พวกคุณไม่ผิดหรอก ก็แค่ใจร้อนไปหน่อยที่อยากจะเริ่มงานเร็วๆ” เจ้าสัวบอกชายอีกสี่คนเหลือ
“หมายความว่าคนที่ได้งานนี้คือเขาเหรอครับ” คุณสาโรจน์ถามเพราะไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองว่าเขาจะเป็นคนได้รับเลือก
“เจ้าสัวคิดดีๆ นะครับ บริษัทที่เปิดใหม่แบบนั้นจะสู้บริษัทที่เปิดมานานแล้วได้ยังไง” ชายอีกคนท้วง
“ผมอยากให้โอกาสคนรุ่นใหม่ดู แล้วจากคำตอบเมื่อครู่มันก็ยืนยันแล้วว่าเขาก็คงมีประสบการณ์ประมาณหนึ่ง”
“ขอบคุณครับเจ้าสัว” ภูเมฆายกมือของคุณเจ้าสัวเรวัฒน์
“หวังว่าคงไม่ทำให้ผมผิดหวังนะ”
“ผมจะทำอย่างเต็มที่ครับ”
เจ้าสัวคุยกับทุกคนอีกสักพักพอทุกคนกลับเขาก็เอาสัญญามาให้กับภูเมฆา
“เจ้าสัวครับ ผมอยากรู้ว่านอกจากคำตอบข้อสุดท้ายแล้วมีเหตุผลอื่นไหมครับ”
“เอาจริงๆนะ ผมชอบความคิดของคุณตั้งแต่คุณตอบเรื่องเหรียญแล้วและยิ่งได้ฟังคำตอบสุดท้ายผมก็เลยตัดสินใจเลือกคุณ”
“แต่ผมได้ยินมาว่าเจ้าสัวจะดูโหงวเฮ้งด้วย”
“ใช่นะ สิก่อนจะเชิญพวกคุณมาคุยผมก็ให้ซินแสดูเรื่องนี้มาก่อนแล้ว คุณเป็นคนรุ่นใหม่ไม่เชื่อเรื่องแบบนี้ก็ไม่ผิดหรอก”
“มันก็ไม่เชิงนะครับ ผมยังไม่เจอกับตัวเองเลยไม่เชื่อเท่าไหร่ อย่างเมื่อเช้าตอนที่เด็กสาวคนนั้นเอาเหรียญให้ผม ผมก็ไม่เชื่อ แต่เธอก็ยืนยันที่จะให้”
“อย่าลืมไปขอบคุณเธอล่ะ”
“ครับเจ้าสัว”
“ถ้าเธอเดือดร้อนก็ช่วยเหลือเธอ อย่าทิ้งให้เธอลำบาก” ซินแสบอกปิดท้าย