บทที่ 3-2 ข้าจะร้าย
เหวยหงรีบหยัดกายลุกขึ้นแต่กลับถูกถีบจนล้มหงายไปอีกครั้งอย่างไม่เป็นท่า หลิวซูลี่ไม่รอให้อีกฝ่ายตั้งตัว นางจัดการกระแทกฝ่าเท้าไปตามลำตัวของสาวใช้อย่างไม่ออมแรง เพราะที่ผ่านมานางต้องเจ็บช้ำจากการกระทำของสาวใช้ผู้นี้ไม่น้อย
โดนแค่ฝ่าเท้ายังนับว่าน้อยไปเสียด้วยซ้ำ เพราะในวันข้างหน้านางจะทำมากกว่านี้เป็นร้อยเท่าพันเท่า ให้สมกับความเจ็บปวดที่นางได้รับมาตลอดชีวิต
อั๊ก!
เหวยหงเจ็บจุกไปทั้งร่างจนไม่อาจลุกขึ้นได้อีก
เมื่อผู้เป็นนายตั้งสติได้จึงด่ากราดด้วยความกรุ่นโกรธแล้วปราดเข้าไปหมายจะตบสั่งสอนพี่สาวต่างมารดาให้รู้จักเจียมเนื้อเจียมตัวอย่าได้ริผยองมาทำร้ายคนของนางเช่นนี้อีก
“นะ...นังสวะ! มันจะมากไปแล้วนะบังอาจทำร้ายคนของข้าอย่างนั้นเหรอ!”
เผียะ!
ซูเม่ยที่ยกมือเงื้อขึ้นกลางอากาศหมายจะตบอีกฝ่ายถึงกับยืนนิ่งราวกับถูกสาปให้แข็งเป็นหิน เมื่อคนที่เป็นฝ่ายถูกตบคือนางหาใช่พี่สาวต่างมารดา
“กรี๊ด!”
คุณหนูหลิวกรีดร้องเสียงหลงด้วยไม่เคยถูกตบตีแม้แต่ครั้งเดียว บิดามารดารักและทะนุถนอมนางให้เติบโตมาอย่างดี ปราศจากแม้รอยเล็บแมวขีดข่วน แต่จู่ๆ กลับถูกนังคนไร้ค่าตบตีอย่างป่าเถื่อน
“นังชั้นต่ำเจ้ากล้าดีอย่างไรมาตบข้า! วันนี้จะต้องเป็นวันตายของเจ้า คอยดูนะ...”
ซ่า!
แคกๆ
ซูเม่ยที่กำลังอ้าปากด่ากราดถึงกับตาเหลือกลานที่จู่ๆ ก็ถูกสาดด้วยน้ำถูพื้นสกปรกจนสำลักกลืนน้ำลงไปในลำคอหลายอึก กลับกันซูลี่กลับแค่นหัวเราะอย่างอารมณ์ดีที่ได้เห็นอีกฝ่ายมีสภาพไม่ต่างไปจากตนเอง
“เป็นอย่างไรบ้างเล่า! โดนกับตัวเองเสียบ้างจะได้รู้ว่าที่ผ่านมาข้ารู้สึกเช่นไร!”
ซูลี่เค้นเสียงลอดไรฟันมองอีกฝ่าย ดวงตากร้าววาวโรจน์ฉายชัดถึงความอาฆาตเกลียดชัง ซูเม่ยผงะรีบถอยหลังในขณะที่อีกฝ่ายสาวเท้าย่างสามขุมเข้าหาอย่างคุกคาม
“ยะ...อย่าเข้ามานะนังโสโครก!”
แม้จะหวาดกลัวแต่กลับยังคงปากดี เพราะถือว่าตนนั้นเหนือกว่าทุกทาง
“กลัวหรือ...”
ซูลี่แค่นเสียงเย้ยหยันถาม พลางเหยียดริมฝีปากคว่ำลงอย่างดูแคลน ก่อนจะยื่นมือไปจิกผมของน้องสาวต่างมารดา กระชากเต็มฝ่ามือเฉกเช่นที่เคยถูกกระทำมาโดยตลอด
“โอ๊ย! ปล่อยนะ! ช่วยด้วย!”
ซูเม่ยหวีดร้องเสียงหลง บ่าวชายและสาวใช้บริเวณนั้นจึงรีบกรูกันเข้ามาตามเสียงร้อง เมื่อเห็นว่าซูลี่จิกทึ้งผมคุณหนูหลิวก็ถึงกับตกใจจนแทบผงะ เพราะเด็กหญิงคนนี้ไม่เคยมีปากมีเสียง ใช้ให้ทำงานหนักแค่ไหนก็ไม่เคยบ่น
แล้วนี่เกิดอะไรขึ้นเล่า!
จังหวะนั้นเองที่ซูเม่ยสะบัดหลุดจากการดึงทึ้งกระนั้นผมของนางกลับหลุดร่วงติดมืออีกฝ่ายเป็นกระจุก ทำให้คุณหนูหลิวยิ่งโกรธจนตัวสั่น
“นะ...นังสารเลว! จับมันมาโบยเดี๋ยวนี้! จับมันเดี๋ยวนี้!”
ซูเม่ยกรีดร้องก่อนจะหันไปสั่งบ่าวชายไล่จับ ทว่าผู้ที่เคยผ่านความตายมาแล้วครั้งหนึ่งมีหรือจะยอมอยู่เฉย ซูลี่หันไปคว้าไม้กวาดใกล้มือก่อนจะฟาดบ่าวชายที่ปราดเข้ามาจนศีรษะแตก หมุนตัวหันไปถีบถองสาวใช้อีกคนอย่างแรงจนล้มคว่ำแล้ววิ่งหนีไปจากบริเวณนั้นอย่างรวดเร็ว
ฮา ฮ่า ฮ่า
สองเท้าออกวิ่งทว่าริมฝีปากกลับแย้มยิ้มเปล่งเสียงหัวเราะออกมาราวกับว่าการกระทำป่าเถื่อนทั้งหมดเป็นการปลดเปลื้องพันธนาการจากชาติก่อน
นางรู้สึกสบายใจและสะใจอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ราวกับว่านี่เป็นครั้งแรกที่ได้หายใจเต็มปอด เป็นครั้งแรกที่ได้เบิกตากว้างมองโลก เป็นครั้งแรกที่ได้เงยหน้าขึ้นมองผืนฟ้าหาใช่เอาแต่ก้มหน้ามองผืนดินและปลายเท้าอีกต่อไป
“สบายใจที่สุดเลย!”
หญิงสาวร้องตะโกนดังลั่นปล่อยให้สายลมเย็นพัดผ่านใบหน้ามอมแมมไปอย่างอิสระ เมื่อสลัดบ่าวชายที่ไล่ตามมาได้แล้วนางจึงปีนป่ายขึ้นไปบนต้นไม้ใหญ่อย่างคล่องแคล่ว แล้วโหนตัวจากกิ่งไม้แอบเข้าไปในหอตำราชั้นสามจากทางหน้าต่างโดยไม่มีใครสังเกตเห็น
ก็แค่ต้องทนให้ผ่านไปหนึ่งวัน...
พอวันพรุ่งนี้มาถึง คนพวกนั้นก็จะแสดงละครชั้นต่ำรับบทเป็นครอบครัวที่สำนึกผิดเพราะต้องการ ‘ความรัก’ จากนางเพื่อเป็นสายสัมพันธ์ให้ผีห่าแห่งพงไพรมอบลาภยศสรรเสริญให้เป็นการตอบแทนการเซ่นสังเวยชีวิต
“หึ! ข้าจะไม่ทนพวกเจ้าอีกต่อไปแล้ว คนที่ต้องทนคือพวกเจ้าต่างหาก ข้าจะร้ายจนพวกเจ้าคิดไม่ถึงเลยคอยดู!”
+++น้องจะร้ายขนาดไหน ฝากติดตามด้วยนะเจ้าคะ