บทที่ 4 ไฟแฝงรัก
ภายหลังซีต้าสั่งหยุดรับงานให้นีน่าเป็นการลงโทษหนึ่งเดือน ยิ่งทำให้นีน่าโกรธแค้นมากขึ้น คิดหาที่ยืนใหม่และได้มิสเตอร์โรเบิร์ต ชาง เจ้าพ่อหนังสือพิมพ์บันเทิงฉบับใหญ่ในอาเซี่ยนเป็นผู้อุปถัมภ์เลี้ยงดูในฐานะภรรยารองที่ไม่นานนีน่าก็ได้ครองตำแหน่งบรรณาธิการคอลัมน์ในหนังสือพิมพ์ บันเทิงฉบับภาษาไทยตามใฝ่ฝัน
นิลุบลมีประสบการณ์ด้านสิ่งพิมพ์มาบ้างก่อนจะเข้าวงการ แต่ความสามารถยังไม่ถึงขั้นจะบริหารงานได้ดี แต่ก็ฉลาดเลือกคนมารับใช้ โดยจ้างจินตนาเพื่อนสนิทที่ชำนาญด้านเขียนข่าวจากหนังสือพิมพ์รายวันฉบับหนึ่งมาเป็นผู้ช่วยด้วยเงินเดือนสูงกว่าที่เก่าหนึ่งเท่าตัวและทำให้คอลัมน์เม้าท์แซ่บบันเทิงในหนังสือพิมพ์เดอะอาเซี่ยนสตาร์ในไทยโด่งดัง
หลังจากนีน่าได้เป็นเจ้าของคอลัมน์เม้าท์แซ่บบันเทิง ข่าวฉาวคาวโลกีย์ที่ส่วนใหญ่จะหาเค้าความจริงไม่ได้ของนักแสดงนางแบบทุกค่ายถูก เขียนไม่เว้นใคร โดยเฉพาะคัทลีนที่ก่อนหน้าไม่เคยมีข่าวฉาวหรือข่าวเสียหายอะไรมาก่อนกลับกลายเป็นนักแสดงนางแบบที่ถูกเม้าท์ข่าวด้านลบในคอลัมน์ของนีน่าทุกวัน
เมื่อคัทลีนเรียนจบก็มีหนังสือพิมพ์หลายฉบับออกข่าวและนิตยสารหลายฉบับสัมภาษณ์ถ่ายรูปขึ้นหน้าปกเป็นข่าวใหญ่อีกครั้ง แต่คอลัมน์เม้าท์แซ่บบันเทิงของนีน่ากลับเล่นข่าวสกัดดาวรุ่งเรื่องรักใคร่กับชายหนุ่มทั้งในวงการนอกวงการ และข่าวล่าสุดที่ทำให้คัทลีนท้อแท้มากที่สุด คือ ข่าวเมียน้อยนักธุรกิจคนดังจากที่ทำสัญญาเป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้าติดต่อกันเป็นปี
ข่าวในคอลัมน์เม้าท์แซ่บบันเทิงของนีน่าเขียนโจมตีคัทลีนไม่กี่วัน ก็มีหนังสือพิมพ์รายวันฉบับหนึ่งลงข่าวคอลัมน์ซุบซิบบันเทิงว่า... เจ้าพ่อหนังสือพิมพ์บันเทิงยักษ์ใหญ่ระดับอาเซี่ยนยอมทุ่มเงินนับสิบล้านเป็นสินสอดให้นางร้ายนางแบบคนดังเพื่อตำแหน่งเมียรองลำดับสาม แถมหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์เดอะอาเซี่ยนสตาร์ให้อีกห้าเปอร์เซ็นต์...ซึ่งทำกระแสให้ทีวีทุกช่องหนังสือพิมพ์ทุกฉบับประโคมข่าวตามอย่างหนัก
แม้ทางเทียร่าโมเดลลิ่งกรุ๊ปต้นสังกัดกับตัวคัทลีนจะให้ข่าวปฏิเสธว่า...ข่าวไม่เป็นความจริง...แต่ยังมีทีวีหนังสือพิมพ์บันเทิงเล่นข่าวไม่เลิกรา คอลัมน์เม้าท์แซ่บบันเทิงของนีน่ายิ่งประโคมข่าวฉาวของคัทลีนหนักมากขึ้น โดยจับเรื่องนี้ไปโยงกับเรื่องโน้นจนถึงวันงานฉลองครบรอบสามปีของหนังสือพิมพ์เดอะอาเซี่ยนสตาร์ฉบับภาษาไทยที่มิสเตอร์โรเบิร์ตชางเป็นเจ้าภาพที่เชิญดารานักแสดงและเชิญแขกผู้มีเกียรติในวงการบันเทิงกับสื่อมวลชนมาร่วมงานมากมาย
คัทลีนถูกต้นสังกัดวางตัวให้เดินแบบและแสดงเป็นดาวเด่นบนเวทีจากความต้องการของเจ้าภาพ หลังการแสดงเสร็จสิ้นก็มีนักข่าวรุมสัมภาษณ์มากมาย หลายคำถามที่ลูกน้องของนีน่ากับหนังสือพิมพ์บันเทิงหลายฉบับตามจิกถามหลายครั้ง ล้วนมีความหมายถึงการ...ขายตัว- มั่วผู้ชาย- แย่งผัวชาวบ้าน...และเป็นเหตุให้คัทลีนสติแตกกระชากไมค์กระแทกปากคนถามมา โต้กลับอย่างเผ็ดร้อน
“พวกคุณมีคำตอบอยู่แล้วนี่ ก็คำตอบที่พวกคุณยัดใส่ปากดิฉันอยู่นี่ไง...เป็นความจริงใช่ไหมที่ยอมขายตัวเพื่อให้ได้สัญญาโฆษณาสินค้าคนเดียว...เป็นความจริงใช่ไหมที่อยู่กินกับนายแบบคู่ขามาตั้งแต่เริ่มเข้าวงการ...เป็นความจริงใช่ไหมที่ไปอ้อนขอเงินสิบล้านจากผัวชาวบ้าน...เป็นความจริงใช่ไหมที่ยอมเอาตัวเข้าแลกเพื่ออัพเกรดตัวเองขึ้นเป็นดาวรุ่งขวัญใจมหาชน...ทุกคำถามล้วนมาจากปากสื่อชั้นปัญญาชนอย่างพวกคุณ ทุกคนล้วนจบการศึกษาระดับปริญญา แต่มีปัญญาคิดได้แค่คำถามพวกนี้” เสียงคัทลีนที่พูดผ่านไมค์ดังกึกก้องทั่วงาน
“ฉันขอถามหน่อยเถอะ พวกคุณไม่คิดจะทำข่าวที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมกันบ้างหรือ ข่าวที่มีเนื้อหาสร้างเสริมปัญญาหรือเป็นประโยชน์แก่คนอ่านไม่คิดจะเขียนกันหรือไง หากพวกคุณคิดเป็นแต่เขียนเรื่องใต้เตียงเพียงอย่างเดียว ก็ไปนั่งกดคีย์เขียนนิยายอีโรติกหรือโรมานซ์ให้คนอ่านยังจะมีประโยชน์เสียมากกว่า เพราะเป็นเรื่องสมมุติเรื่องอันเกิดจากจินตนาการที่คุณคิดสร้างสรรค์ขึ้นมา เพราะนิยายจะไม่สร้างความเสื่อมเกียรติหรือความเสื่อมเสียแก่ใคร และมีคุณค่ามากกว่าข่าวมโนจากจิตใจที่...ไร้จิตสำนึกดี ไร้ศีลธรรม ไร้จรรยาบรรณ...ของพวกคุณ”
แม้จะเป็นการพูดเรื่องจริงหรือความจริง แต่กลับเป็นสิ่งที่เหล่าบรรดาสื่อมวลชนที่ไม่อยู่ในกรอบจรรยาบรรณรับไม่ได้ โดยเฉพาะหนังสือพิมพ์บันเทิงหรือหนังสือพิมพ์รายวันที่มีคอลัมน์เขียนข่าวด้านลบของนักแสดงนางแบบทุกฉบับต่างต่อต้านและไม่ยอมทำข่าวหรือออกข่าวแก้ข้อกล่าวหาจากตัวคัทลีนและต้นสังกัด
ผลลัพธ์ที่ตามมา คือ เช้าวันต่อมาเสียงโทรศัพท์ในบริษัทเทียร่าโมเดลลิ่งกรุ๊ปกรีดดังไม่ขาดสายเพื่อบอกเลิกจ้างหรือเลื่อนงานไม่มีกำหนด ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้คัทลีนอยากอำลาจากวงการ เพราะคิดว่าตัวเองเป็นต้นเหตุทำให้บริษัทต้นสังกัดเสียหายทั้งทางชื่อเสียงและทางการเงิน และคิดว่าการจากไปของตนคงช่วยให้บริษัทโมเดลลิ่งของซีต้ากับเพื่อนได้รับความนิยมเชื่อถือจากลูกค้าต่อไป