บทที่ 2 ไฟแฝงรัก
“ลีนจะไปอยู่กับครอบครัวค่ะ ก็อาทิพย์ไงคะ ย่ากับอาทิพย์เลี้ยงดูลีนมาตั้งแต่พ่อแม่ตาย ย่าตายลีนก็เหลืออาทิพย์แหละค่ะเป็นครอบครัว”
“อึม...ก็ใช่นะ...แต่เขาจะช่วยเหลืออะไรหล่อนได้ล่ะ จะว่าไปตอนนี้หล่อนก็แทบจะไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับครอบครัวอาทิพย์แล้ว หล่อนจะไปอยู่กับเขา ทางครอบครัวอาทิพย์จะไม่ว่าอะไรหรือ”
“ไม่ว่าหรอกค่ะ อาทิพย์กับสามีเลี้ยงดูส่งเสียลีนมาจนเรียนจบมัธยมปลาย ครอบครัวอาทิพย์ก็เหมือนครอบครัวของลีน และตอนนี้ลีนลงทุนให้ทำฟาร์มสเตย์เพราะอยากให้ครอบครัวอาทิพย์มีรายได้มั่นคงมากขึ้น และอาเขยก็ไม่ต้องออกไปเสี่ยงภัยในทะเลอีกด้วย”
“เออ...กตัญญูรู้คุณดีนะยะ แบบนี้ละบอสชอบ แต่เรื่องฟาร์มสเตย์อะไรนั่นมันจะไปรอดหรือ” ความจริงซีต้าเคยได้ยินคัทลีนพูดถึงเหมือนกันแต่ตอนนั้นไม่ได้ใส่ใจ
“ต้องรอดสิคะ ฟาร์มสเตย์ของครอบครัวลีนจะเปิดรับนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศค่ะ เปิดกิจการก็ว่าจะบอกชวนบอสไปเที่ยวไปดูว่าเป็นอย่างไร เผื่อสนใจเข้าหุ้นด้วย” คัทลีนแกล้งยั่ว รู้ว่าซีต้าไม่สนใจธุรกิจแบบนี้
“อุ๊ย...แค่งานที่โมเดลลิ่งบอสก็แทบไม่ได้กินไม่ได้นอนแล้วย่ะ แล้วหล่อนคิดยังไง จะชิ่งหนีอาชีพนักแสดงนางแบบทำเงินทีละเป็นแสนเป็นล้านผันตัวไปเป็นเจ้าของฟาร์มขายหอย เดือนหนึ่งจะได้สักกี่พันกี่หมื่นกันเชียว หล่อนกินอะไรผิดสำแดงหรือเปล่า”
“ฟาร์มสเตย์นะคะ ไม่ใช่ฟาร์มขายหอย ฟาร์มสเตย์เป็นสถานท่องเที่ยวที่เปิดรับนักท่องเที่ยวผู้นิยมชมชอบการกินอาหารทะเลและธรรมชาติชายทะเล พักค้างคืนทำอาหารซีฟู้ดสดๆใหม่ๆกินกันเอง อย่างพวกหอยนางรมสดกินกับน้ำจิ้มรสแซ่บ แล้วก็พวก กุ้ง ปลาหมึก ปู หรือ หอย ต้มหรือปิ้งย่าง อาทิพย์ของลีนก็ทำกับข้าวอร่อยอยู่แล้วเราจึงเปิดร้านอาหารอยู่ในฟาร์มสเตย์ของเราด้วยค่ะ”
“โอย...ตาย...บอสจะบ้าตาย หล่อนคิดจะอำลาวงการเลยหรือไง ไม่ได้นะ บอสไม่ยอม” ซีต้าโบกมือใส่หน้าตัวเองทำท่าจะเป็นลม ถ้าคัทลีนจะทิ้งวงการไปก็เสียดายแทน
ความจริงเรื่องอำลาวงการเป็นเรื่องที่คัทลีนคิดอยู่แล้ว เพราะเข้าใจดีว่าอาชีพที่ต้องใช้รูปร่างหน้าตาและพรสวรรค์หรือทักษะทำงานอย่างนี้ ไม่ได้เป็นอาชีพที่จะอยู่ได้อย่างถาวรทุกคน เมื่อมีวัยมากขึ้นบางคนก็อาจมีงานน้อยลงหรืออาจไม่มีเลยก็ได้
คัทลีนไม่คิดจะอยู่กับวงการบันเทิงตลอดไป จึงคิดถึงอาชีพเสริมที่จะรองรับช่วงวัยปลดละวางเอาไว้ก่อน ยิ่งมามีเรื่องราวเรื่องฉาวบั่นทอนกำลังใจอย่างนี้ ก็อยากหนีจากไปเสียเลย แต่ยังเกรงใจซีต้าที่สนับสนุนส่งเสริมให้ได้ดีมาแต่ต้นจนได้รับรางวัลดาวรุ่งขวัญใจมหาชน
“มีเรื่องเสียหายใหญ่โตขนาดนี้ก็อยากไปตอนนี้เหมือนกันค่ะ อาชีพสายนั้นไม่ต้องเจอนักข่าว ไม่ต้องตอบคำถามจิกกัดจากความคิดไม่สร้างสรรค์ของคนบางคน แล้วก็ไม่มีเรื่องอื้อฉาวให้เสื่อมเสียชื่อเสียงด้วย”
“มันก็จริงของหล่อนนะ แต่หล่อนจะไม่เสียดายหรือ หล่อนก็รู้นะยะว่างานทำเงินทำรายได้เป็นกอบเป็นกำแบบนี้ไม่ได้เปิดโอกาสรอทุกคน ใช่หล่อนคนเดียวเสียเมื่อไรที่ต้องเจอเรื่องเจอปัญหาแบบนี้ แต่ว่ากันจริงๆแล้ว จะทำงานที่ไหนก็ต้องมีเรื่องมีปัญหาเป็นอุปสรรคทั้งนั้น ที่หลีกไม่พ้นก็คือมีคนอิจฉาริษยาหรือคนใส่ร้ายป้ายสี หล่อนต้องอดทนอดกลั้นให้มากๆ ที่เป็นข่าวดังหรือกระแสแรงก็เป็นแค่ตอนแรกๆเท่านั้นละ ผ่านไปสักพักคนก็ลืม เดี๋ยวก็มีงานเข้ามาเชื่อบอสเถอะ เอ...จะว่าไปในบริษัทก็พอมีงานให้ทำนะ มาเป็นเทรนเนอร์ให้เด็กรุ่นใหม่ของบอสดีไหม”
“ขอบคุณค่ะ แต่จะมีใครยอมรับเทรนเนอร์อื้อฉาวอย่างลีนล่ะคะข่าวด้านลบของลีนออกมาเยอะกว่าข่าวด้านดีอย่างนี้ กลัวน้องๆจะไม่ศรัทธาค่ะ ดีไม่ดีเกิดรวมตัวกันแอนตี้ก็จะยิ่งทำให้บอสปวดหัวมากขึ้นเปล่าๆ”
“ที่อ้างโน่นอ้างนี่ก็อยากกลับบ้านละสิ แต่ยังไงก็อย่าทิ้งงานนี้นะ ไม่ใช่ว่าจะเห็นแก่รายได้อะไรหรอก แต่บอสเสียดายความสวยความสามารถของหล่อน หล่อนได้งานทำเงินดีกว่าคนอื่นมาแล้วก็ควรจะเก็บมันไว้นานๆ แต่ถ้าหล่อนจะอยู่วงการนี้ให้ยืดยาว...ต้องใช้ขันติกับสติให้มากๆ...คราวนี้ถือว่าเป็นบทเรียนก็แล้วกัน ต่อไปจะพูดจะทำอะไรก็ให้รู้จักยั้งคิดหรือคิดให้ดีๆเสียก่อน เวลามันเดินเร็วหรอกนะ เดี๋ยวมันก็ผ่านไป เชื่อบอสสิ”
ซีต้าลูบผมยาวสลวยมัดเป็นหางม้าของคนที่ตนอบรมสั่งสอนด้วยความรักเอ็นดู ยิ่งอยู่กันนานปีเขาก็ยิ่งได้เห็นสิ่งดีงามในตัวเด็กสาวคนนี้มากขึ้น นอกจากความกตัญญูรู้คุณคนความมีน้ำใจความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อผู้อื่นแล้ว คัทลีนยังเป็นเด็กสาวที่มีกิริยาวาจาดีคิดดีทำดีอยู่เสมอ เป็นคนรู้จักดีชั่วไม่ทำตัวฟุ้งเฟ้อใช้เงินฟุ่มเฟือยหรือเที่ยวสำมะเลเทเมาตามคลับบาร์แหล่งบันเทิงยามราตรี แม้จะมีชื่อเสียงโด่งดังก็ไม่ทำตัวเย่อหยิ่งกับใครๆ พลางคิดขำๆว่า...ถ้าเขาเป็นผู้ชายเต็มร้อยคงจะหลงรักเด็กสาวคนนี้ไปแล้ว...