บทที่ 8 ไฟแฝงรัก
รถตู้รุ่นใหม่ทันสมัยประจำบ้านซีต้าที่คัทลีนกับมะปรางเคยใช้เดินทางไปทำงานตามกองถ่ายหรืองานเดินแบบถ่ายแบบเป็นประจำ วันนี้มีนายปรอดบิดาของมะปรางตามมาด้วย คนขับพารถวนหาที่จอดอยู่หลายรอบก็หาอย่างต้องการไม่เจอ เมื่อเห็นที่จอดตรงใกล้ประตูทางเข้าห้างบนชั้นสามจึงจอดให้ทุกคนลง
“พี่พงษ์ไปเดินเที่ยวหรือหาอะไรกินเสียก่อนนะ ซื้อของเสร็จ น้าปรอดจะโทร.มาบอก” คัทลีนยื่นเงินให้คนขับรถห้าร้อยบาทเหมือนทุกครั้งที่มาเดินห้างสรรพสินค้าเพื่อหาซื้อข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ
“ขอบคุณครับ”
คัทลีนพยักหน้ารับคำขอบคุณของผู้ที่มีอาวุโสมากกว่า แล้วหันมารับแว่นตาดำอันโตจากมะปรางที่คอยหิ้วกระเป๋าถือเดินตามมาสวมก่อนจะเดินนำทั้งสองเข้าลิฟต์กดขึ้นชั้นห้าของห้างสรรพสินค้าที่มีแผนกเสื้อผ้าทั้งบุรุษและสตรี เพราะคัทลีนตั้งใจจะเลือกซื้อเสื้อกระโปรงสวยๆฝากธัญญาญาติผู้น้องกับอาสาวและเสื้อสวยๆฝากอาเขย
หลังจากจับจ่ายข้าวของครบแล้วก็ชวนกันแวะกินอาหารที่ร้านปักษ์ใต้เจ้าประจำ ซึ่งทางร้านได้ช่วยจัดโต๊ะให้ใหม่ในมุมด้านในที่ไม่เป็นเป้าสายตาแก่คนรอบข้าง โดยนายปรอดต้องแยกนั่งอีกโต๊ะหนึ่ง เพราะในร้านจัดเป็นโต๊ะคู่ที่นั่งกินอาหารได้สองคนเท่านั้น แต่ทั้งสามกินอาหารเสร็จไม่ทันได้เรียกเก็บเงิน บุคคลที่ไม่คาดว่าจะเจอก็เดินตรงมาหา และโบกมือเป็นเชิงไล่นายปรอดกับมะปราง แต่ไม่มีใครยอมขยับ
"ฉันมีเรื่องส่วนตัวจะคุยกับคุณคัทลีน ใช้เวลาไม่นานหรอก"
ลูกน้องผู้รู้งานของมิสเตอร์โรเบิร์ต เข้ามาชี้บอกใบ้ให้สองพ่อลูกลุกไปนั่งโต๊ะที่ห่างออกไปทางหน้าประตู คัทลีนไม่อยากให้เรื่องบานปลายจึงพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต แต่มะปรางไม่ยอมไปไกลนั่งแหมะตรงโต๊ะว่างที่นายปรอดลุกไปหน้าตาเฉย ลูกน้องโรเบิร์ตเห็นอย่างนั้นก็ทำท่าจะเข้ามาไล่ แต่โรเบิร์ตไม่ต้องการให้เป็นที่ผิดสังเกตของใครยกมือปรามลูกน้องก่อนจะนั่งลงตรงข้ามคัทลีน
“สวัสดีครับ ดีใจจริงที่คุณคัทลีนแวะมาใช้บริการที่ห้างของผม”
ดวงตาใต้แว่นสีชาเข้มโชนแสงวาววับบ่งบอกความรู้สึกภายในที่ไม่มีใครมองออกว่าเขากำลังคิดดีหรือคิดร้ายกับหญิงสาวสวยตรงหน้า เพราะโรเบิร์ตเป็นคนเก็บความรู้สึกเก่ง เขาฝึกฝนที่จะเก็บความรู้สึกของตัวเองจนสามารถตบตาคนอื่นได้ดีเยี่ยม
คัทลีนต้องเบนตัวออกห่างโต๊ะเมื่อโรเบิร์ตยื่นหน้าเข้ามาใกล้ แล้วกล่าวทักทายราวกับสนิทสนมรู้จักคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ทั้งที่คัทลีนเคยเจอเขาตามงานเลี้ยงงานอีเว้นบ้างเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น
จากที่สังเกตเห็นวันนี้ โรเบิร์ตใส่สูทสีเทาควันบุหรี่ตัดกับเสื้อตัวในสีม่วงเข้ม ดูแวบเดียวก็รู้ว่าเป็นสูทแบรนด์เนมราคาสูงลิ่ว แว่นสายตากรอบสีทองแบบเก๋เพิ่มความเท่ให้เขาดูคล้ายติงลี่หรือหลี่เหลียงเว่ยดาราฮ่องกงรุ่นคุณอาที่คนไทยเรียกติดปากว่า...เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้...
ในความรู้สึกของคัทลีน มิสเตอร์โรเบิร์ตเป็นเพียงชายผิวขาวร่างผอมสูงหน้าตาดี วัยกว่าสี่สิบแปดปีทำให้เขาดูภูมิฐานน่าเชื่อถือ โดยมีความร่ำรวยจากงานธุรกิจการค้าเข้ามาเสริมให้ผู้คนยอมรับเขามากขึ้น
แต่นอกจากจะมีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องธุรกิจการงานแล้ว มิสเตอร์ โรเบิร์ตยังมีชื่อเสียงเกรียวกราวเกี่ยวกับเรื่องรักๆใคร่ๆกับบรรดาสาวสวยนางแบบนักแสดงหลายชาติจนได้ชื่อว่าเป็นนักสะสมสาวๆสวยๆตัวยงคนหนึ่ง จึงมีสื่อมวลชนเขียนข่าวล้อว่าเขาต้องการสะสมหญิงสาวสวยจำนวนมากเพื่อลงกินเนสส์ บุ๊ค หรือ กินเนสส์ เวิร์ลด เรกคอร์ดส์(Guinness World Records)
ส่วนคัทลีนกลับรู้สึกไม่ถูกชะตาตั้งแต่แรกเห็น ไม่ชอบท่าทางผยองแกมก้อร่อก้อติกเหมือนไก่แจ้ป้อไก่สาวของโรเบิร์ต เกิดอารมณ์อยากแขวะจึงโต้กลับอย่างไม่เกรงใจ
“อ้าว...งั้นทุกคนก็เข้าใจผิดสิคะ ดิฉันเองยังคิดว่าเป็นห้างของเจ้าสัวโกวิทคุณพ่อของคุณกรรณิการ์เสียอีก"
ตามที่คัทลีนรู้มาจากซีต้า ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ บิดาของนางกรรณิการ์ภรรยาคนแรกของมิสเตอร์โรเบิร์ตยังไม่ได้โอนกรรมสิทธิ์ให้ใคร เพียงแต่นางกรรณิการ์กับน้องชายได้เข้ามาบริหารงานแทนบิดาผู้ชราภาพเท่านั้น และหากเป็นห้างของเขาจริง คัทลีนคงไม่เหยียบย่างเข้ามา
"เป็นธุรกิจของครอบครัวน่ะ ภรรยาผมก็มีหุ้นอยู่ที่นี่" ผู้กล่าวแก้หน้าเจื่อน คาดไม่ถึงว่าคัทลีนจะกล้าพูดแขวะผู้อาวุโสมากกว่าอย่างเขา
"อ๋อค่ะ..." คัทลีนเออออ ได้แต่นึกขบขันอยู่ในใจ เพราะสิ่งที่มิสเตอร์ โรเบิร์ตกล่าวอ้างนั้น เป็นจริงเพียงว่านางกรรณิการ์ภรรยาของเขาถือหุ้นเท่ากับน้องชายและหุ้นส่วนใหญ่ยังเป็นชื่อของเจ้าสัวโกวิท
"ถ้ารู้ล่วงหน้าว่าคุณคัทลีนมาซื้อของที่นี่ ผมจะสั่งเขาลดราคาให้เป็นพิเศษ คราวหน้าจะมาก็โทรบอก ผมจะได้สั่งเขาเอาไว้" มิสเตอร์ โรเบิร์ตยังอวดอ้างต่อไป
"ไม่รบกวนดีกว่าค่ะ ของค้าของขาย ถ้าลดแลกแจกแถมไปทั่ว กำไรก็หดหายขาดทุนป่นปี้ ขอบคุณค่ะที่กรุณา" คัทลีนกล่าวอ่อนน้อม
"ดูเหมือนคุณจะปฏิเสธผมทุกเรื่องเลยนะ เอาน่า ดื่มอะไรเย็นๆ สักแก้ว แล้วค่อยคุยธุระของเรากัน" โรเบิร์ตยกมือเป็นสัญญาณให้ลูกน้องเข้ามารับคำสั่ง ท่าทางเขาเหมือนเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้จริงๆ
“ขอโทษค่ะ ดิฉันมีธุระต้องไปทำต่อ คงมีเวลาไม่มาก" คัทลีนอ้าง อยากจะชิ่งหนีผู้ที่ทำตัวเหมือนเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ไปไวๆ
"ผมไม่รบกวนเวลานานหรอก อยู่เป็นเพื่อนผมดื่มดับกระหายสักแก้วสองแก้วก่อน"
เครื่องดื่มดับกระหายของมิสเตอร์โรเบิร์ตเป็นของมึนเมาที่ทางร้านไม่มีขาย ลูกน้องจึงเป็นคนนำถาดใส่แก้วเบียร์เย็นจัดขนาดใหญ่สองใบมาเสิร์ฟให้ด้วยตัวเอง
“ขอบคุณค่ะ ดิฉันไม่ดื่มของมึนเมา" คัทลีนมองแก้วเบียร์อย่างสยอง เพราะไม่เคยลองลิ้มรสชาติมาก่อน
สิ่งที่บอกกับเขาเป็นความจริง เพราะไม่นิยมดื่มเบียร์หรือเหล้า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์สูงสุดที่คัทลีนเคยสัมผัสรสชาติก็มีแค่ไวน์แดงไวน์ขาวหรือแชมเปญบ้าง แต่ดื่มแค่นิดๆหน่อยๆตามงานสังสรรค์เท่านั้น
“โอ...ผมลืมไป..." เพียงดีดมือเปาะเดียว ลูกน้องที่ยืนรอคำสั่งอยู่หน้าเคาน์เตอร์รีบยกถาดใส่ไวน์แดงนำมาเสิร์ฟ
"ขอบคุณค่ะ กรุณาพูดธุระเถอะ” คัทลีนมองแก้วไวน์แวบหนึ่ง นึกถึงละครที่เคยแสดงบทนางร้ายถูกวางยา พลางนึกระแวงว่ามิสเตอร์โรเบิร์ตคิดจะวางยาเธอกลางห้างสรรพสินค้าของเมีย
“จิบไวน์เป็นเพื่อนผมสักอึกสองอึกก่อนก็ได้ ผมบอกแล้วว่าขอเวลาไม่นาน ดื่มหน่อยสิไวน์ยี่ห้อนี้รสดีมากนะ”
ท่านั่งไขว่ห้างจิบเบียร์ทำเป็นทองไม่รู้ร้อนของคนคะยั้นคะยอให้ดื่มไวน์ขัดใจคัทลีนจนอยากลุกหนี แต่ที่ทำได้คือมองสบตากับมะปรางผู้ติดตามที่ทุกคนเห็นว่าไม่สามารถทำอะไรมากเกินกว่านั่งมองได้แอบ เปิดโทรศัพท์อีกเครื่องอัดเสียงการสนทนาของทั้งสองตั้งแต่โรเบิร์ตเข้า มาในร้าน
หลังจากคัทลีนมีเรื่องกับสื่อบันเทิงมะปรางผู้คอยติดตามเป็นเงานักแสดงนางร้ายสาวสวยได้รับการกำชับจากเจ้านายที่ซื้อโทรศัพท์ รุ่นทันสมัยมาให้อีกเครื่องเพื่อใช้บันทึกเสียงหรือภาพเหตุการณ์ผู้ที่เข้ามาข้องเกี่ยวกับคัทลีน และมะปรางได้ปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด
“ขอโทษค่ะ ดิฉันเพิ่งกินข้าวดื่มน้ำอิ่ม ไม่ได้กระหายอะไร เชิญคุณโรเบิร์ตตามสบายเถอะค่ะ”
“เมื่อคุณคัทลีนรีบร้อน ก็ไม่ต้องอ้อมค้อมละ ผมอยากรู้ว่าคุณเป็นคนปฏิเสธข้อเสนอของผมเองหรือทางโมเดลลิ่งของคุณเป็นฝ่ายปฏิเสธ”
คัทลีนมองชายวัยใกล้ห้าสิบตรงหน้า หากจะนับระยะห่างของอายุเขาก็สามารถเป็นพ่อของเธอได้ อยากรู้นักว่าเขาคิดอะไร ดวงตาหลังแว่นสีชาของเขาไม่มีสิ่งใดให้เธอได้อ่านออกสักนิด เขาช่างปิดความนึกคิดได้มิดชิดจริงๆ
โรเบิร์ต ชาง เชื่ออยู่เสมอว่าตัวเขาเป็นคนฉลาดหลักแหลม ทำอะไรย่อมสำเร็จลุล่วงโดยง่าย แต่กับคัทลีนสาวรุ่นลูกหลานคนนี้ ดูจะยากนักยากหนา ขนาดเขาเสนอเงินให้นับสิบล้านกับตำแหน่งเมียให้และแถมหุ้นให้อีกคัทลีนยังปฏิเสธได้ ทำให้เขาคิดว่าคงจะต้องปรับแผนใหม่ ถ้าเงินสิบล้านกับเสน่ห์ในตัวเขาไม่สามารถซื้อตัวหล่อนมาตามแผนเดิมได้ เขาคงต้องใช้แผนขั้นเด็ดขาด
“ขอบคุณค่ะที่ให้เกียรติ แต่สิ่งที่มิสเตอร์โรเบิร์ตทราบไม่เกี่ยวกับทางบริษัทโมเดลลิ่งเลย ดิฉันขอยืนยันว่าไม่สามารถรับเกียรตินั้นได้”
แวบเดียวเท่านั้นที่คัทลีนจับสังเกตเห็นดวงตาภายใต้กรอบแว่นสีทองวาบขึ้นจากความรู้สึกภายใน ก่อนริมฝีปากบางเฉียบเม้มแน่นจะค่อยคลี่ยิ้มกว้างอย่างเสแสร้งออกมา
“ทำไมล่ะ หรือข้อเสนอของผมมันน้อยไป คุณอาจจะยังไม่รู้ว่าผมมีหุ้นใหญ่ในบริษัทโมลเดลลิ่งที่สิงคโปร์ ถ้าคุณรับข้อเสนอ ผมจะปั้นให้คุณเป็นดารานางแบบที่โด่งดังระดับโลก หรือคุณอยากได้อะไรเพิ่มก็บอก นอกจากเงินจากหุ้นพร้อมคอนโดฯหรูหรือรถยุโรปผมต้องให้คุณอยู่แล้ว”
“โห...ค่าตัวฉันมันมากมายขนาดนั้นเชียวหรือคะ”
“อย่าเรียกว่าค่าตัวเลย เป็นสินสอดที่คุณให้เกียรติมาเป็นภรรยาของผมต่างหากล่ะ”
“ภรรยาลำดับสามนะคะ แล้วภรรยาลำดับหนึ่งกับลำดับสองของคุณรับทราบหรือยินยอมแล้วหรือคะ” คัทลีนหยั่งเชิงว่าเขาจะพูดอย่างไร
“พวกเธอไม่เกี่ยว ผมเป็นหัวหน้าครอบครัวและมีสิทธิ์ตัดสินใจ คนเดียว”มิสเตอร์โรเบิร์ตบอกเสียงหงุดหงิด
“เผด็จการจังค่ะ ขอบคุณอีกครั้งสำหรับเกียรติอันสูงส่งนี้ แต่ดิฉันรับไม่ได้จริงๆ ขอโทษค่ะ ดิฉันมีธุระต้องรีบไป”
คัทลีนรีบลุกอย่างว่องไว โดยมีมะปรางลุกตามมาติดๆ ลูกน้องคนหนึ่งของมิสเตอร์โรเบิร์ตเข้ามาขวาง แต่สัญญาณมือจากเจ้านายทำให้เขาต้องถอยยอมปล่อยคัทลีนกับมะปรางผ่านออกไป
นายปรอดที่ถูกคุมตัวแจอยู่ในโต๊ะใกล้ประตูทางออกเห็นหญิงสาวทั้งสองออกมาจากมุมห้องด้านในร้านก็คว้าข้าวของที่คัทลีนซื้อไว้ลุกพรวดขึ้นเดินตามหลังพากันตรงไปยังลิฟต์ลงลานจอดรถทันที แต่เมื่อทั้งสามออกจากลิฟต์เดินไม่ทันถึงรถก็มีคนกลุ่มหนึ่งเข้ามารายล้อม