ตอนที่11. หนีไม่พ้น/3
นทีเดินกลับเข้าไปในร้าน พบกับบรรเจิดที่เดินมาพอดี
“อ้าวเจ้านาย มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“มีคนทำน้ำหวานหกใส่น่ะ ฉันต้องไปล้างก่อน น้องดาวรออยู่ที่รถบรรเจิดไปดูแลเธอด้วยนะ เดี๋ยวฉันตามไป”
นทีบอก ก่อนจะเดินไปยังห้องน้ำ เขาเข้าไปล้างคราบน้ำหวานออกจากแขนเสื้อ ใช้ทิชชูซับจนแขนเสื้อหมาด จึงกลับออกมา ก่อนจะนิ่วหน้าเมื่อเห็นร่างคุ้นตาของหญิงสาวคนหนึ่ง เดินย่องไปทางด้านหลังของห้องน้ำ เขานิ่วหน้าด้วยความสงสัยแล้วเดินตามเธอไปทันที
หญิงสาวเดินออกจากประตูหลังร้าน มองซ้ายมองขวาอย่างระแวง ก่อนจะรีบซอยเท้าจะเดินออกไปตามถนนในซอยข้างร้าน ไม่ทันจะเดินไปไกลก็ถูกจับแขนรั้งเอาไว้ก่อน
“น้องดาว จะไปไหนหรือครับ”
นทีจับข้อมือของหญิงสาวเอาไว้ เอ่ยถามเสียงเข้ม
“ปล่อยนะ แก... แกเป็นคนของน้าแขใช่ไหม ปล่อยนะ”
ดาริกาสะบัดมือออกจากการจับของนที แล้วรีบวิ่งหนีทันที ชายหนุ่มรีบวิ่งตามไป เขาไม่เข้าใจว่าทำไมคู่หมั้นสาวถึงทำท่าเหมือนกลัวเขาทำร้ายด้วย แถมยังวิ่งหนีเขาไปอีก
“หยุดเดี๋ยวนี้นะน้องดาว!” นทีตะโกนเรียก
“อย่านะ อย่าตามมานะ ว้าย!”
เอี๊ยด... โครม!
รถคันหนึ่งเบรกเสียงดัง ก่อนจะหักพวงมาลัยหลบร่างของคนที่วิ่งตัดหน้ารถ ไปชนเข้ากับเสาไฟข้างทาง ส่วนหญิงสาวนั้นโดนรถเฉี่ยวจนล้มกลิ้ง หัวกระแทกพื้นเลือดอาบ
“น้องดาว!”
นทีรีบวิ่งเข้าไปประคองร่างของหญิงสาวเอาไว้ด้วยความตกใจ เขาหยิบมือถือมากดโทรเรียกบรรเจิด
“บรรเจิด น้องดาวถูกรถชนที่ซอยข้างร้าน รีบมาเลยนะ”
ไม่กี่นาทีต่อมาบรรเจิดก็ขับรถมาถึง ตำรวจและรถกู้ภัยกำลังมาถึงเช่นกัน
“ผู้หญิงคนนี้เป็นคู่หมั้นผมครับ ผมขอรับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมดเอง ผมขอพาเธอไปส่งโรงพยาบาลก่อน”
นทีบอกเจ้าหน้าที่ ขณะอุ้มร่างคนเจ็บพาขึ้นรถที่บรรเจิดขับมาจอดรอ
“พาน้องดาวไปโรงพยาบาลก่อน”
“ครับคุณน้ำ”
บรรเจิดรีบขับรถพาคนเจ็บ ไปส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด เมื่อมาถึงมือหมอหญิงสาวก็ถูกนำตัวเข้าไปยังห้องฉุกเฉิน
“ทำไมคุณหนูดาวถึงโดนรถชนได้ครับ” บรรเจิดเอ่ยถาม
“น้องดาวเป็นอะไรไม่รู้ จู่ๆ ก็วิ่งหนีผม เลยถูกรถชน”
นทีไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เขาเดินออกจากห้องน้ำก็เห็น ดารินทร์เดินไปยังด้านหลังร้าน จึงเดินตามเธอไป นึกแปลกใจว่าคู่หมั้นสาวกำลังเล่นตลกอะไร พอจับมือเธอไว้จะไต่ถามหญิงสาวก็ทำท่าตกใจวิ่งหนีเขาไปจนถูกรถชนเข้า
“ไว้รอคุณหนูดาวฟื้น ค่อยถามเธอดูนะครับ ผมว่าเธออาจจะแอบทำอะไรบางอย่าง แล้วกลัวเจ้านายจับได้ เลยวิ่งหนี”
บรรเจิดเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทำไมเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น เขาเดินไปยังลานจอดรถก็ไม่พบดารินทร์ จึงรออยู่ที่รถจนกระทั่งเจ้านายของเขาโทรมาตาม บอกว่าคู่หมั้นสาวถูกรถชน ดูเหมือนจะมีอะไรบางอย่างผิดปกติ แต่เขานึกไม่ออกว่าคืออะไร ได้แต่เก็บความกังขาไว้ในใจของตัวเอง
ผ่านไปครู่ใหญ่ พยาบาลก็ออกมาบอกญาติคนเจ็บว่า
“คนเจ็บไม่เป็นอะไรแล้วนะคะ มีอาการฟกช้ำบริเวณแขนและขา แล้วก็ศีรษะแตก หมอเย็บแผลให้แล้ว อีกสักครู่จะย้ายไปห้องผู้ป่วยนะคะ”
“ขอบคุณมากครับ ฝากดูแลด้วยนะครับ”
นทีเอ่ยขอบคุณ ด้วยความรู้สึกโล่งใจ โชคดีที่ดารินทร์ไม่เป็นอะไรมาก เขาคงต้องอยู่เป็นเพื่อนเธอที่โรงพยาบาล
“บรรเจิดผมต้องอยู่ดูแลน้องดาว คุณช่วยเคลียร์กับคู่กรณีด้วยนะ ผมรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทุกอย่าง จัดการให้ด้วย”
นทีสั่งให้บรรเจิดจัดการเรื่องอื่นแทนเขา ดารินทร์วิ่งไปตัดหน้ารถทำให้ได้รับบาดเจ็บ ไม่ใช่ความผิดของคู่กรณี อีกฝ่ายก็ได้รับบาดเจ็บแถมยังรถพังเสียหายด้วย เขาจึงยอมชดใช้ค่าเสียหายแทนคู่หมั้นสาว เพื่อไม่ให้มีคดีความ หลังจากเธออาการดีขึ้น เขาคงพาเธอกลับขึ้นเรือ
ชายหนุ่มไม่รู้เลยว่า หญิงสาวที่เขากำลังดูแลอยู่ไม่ใช่คู่หมั้นตัวจริง เธอเป็นเพียงคนหน้าเหมือนเท่านั้น!
///
ดารินทร์รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา พร้อมกับอาการปวดหนึบในหัว หญิงสาวลืมตาขึ้นช้าๆ กะพริบตาหลายครั้งให้ดวงตาหายจากความพร่าพราย ขณะผุดลุกขึ้นนั่งมองไปรอบๆ อย่างมึนงง
“ที่นี่ที่ไหน โอย... ทำไมปวดหัวแบบนี้”
เสียงครางแหบพร่าดังขึ้น หญิงสาวกุมศีรษะตัวเองคลึงขมับไปมา อาการปวดหนึบเริ่มดีขึ้น พร้อมกับสติสัมปชัญญะเริ่มกลับคืนมา ความทรงจำสุดท้ายก่อนสิ้นสติแวบเข้ามา พร้อมกับความรู้สึกตกใจเกิดขึ้น
“เราถูกลักพาตัว แย่แล้ว ทำยังไงดี”
ดารินทร์อุทานในคอ พร้อมกับความกลัวที่แทรกเข้ามา เธอถูกคนร้ายลักพาตัวมาที่ไหนไม่รู้ นทีจะรู้หรือยังว่าเธอหายตัวไป แล้วเขาจะหาทางช่วยเหลือเธอได้อย่างไร พวกโจรโทรไปเรียกค่าไถ่หรือยัง สารพัดความคิดอันแสนสับสนเกิดขึ้น
คลิ๊ก แกร๊ก !
เสียงเปิดประตู ทำให้ดารินทร์หันไปมองแล้วขยับตัวมาชิดกำแพงห้องอย่างระแวง
“ฟื้นแล้วเหรอนังดาว หึ นึกเหรอว่าแกจะหนีไปพ้น”
แขไขเดินเข้ามาห้องพร้อมกับลูกสาวทั้งสองคน นายเพิกเฝ้าอยู่หน้าห้อง
“พวกแกจับฉันมาทำไม อย่าบอกนะว่าแกเป็นแม่เล้า”
ดารินทร์มองผู้หญิงสามคนที่เข้ามาในห้อง แล้วสรุปเอาเองว่าแขไขน่าจะเป็นแม่เล้า ด้วยอายุที่มากกว่าสองสาว การแต่งตัวจัดจ้านใบหน้าแต่งเสียสวยพริ้งเกินวัย ลักษณะแบบนี้เป็นแม่เล้าแน่ๆ
“ว้าย นังดาวแกมาว่าคุณแม่เป็นแม่เล้าเหรอ คุณแม่คะดูปากนังดาวสิ มันกล้าว่าคุณแม่”
เจนจรัสอุทานออกมาด้วยความโมโห หันไปฟ้องมารดา
“ใช่ค่ะ นังดาวว่าคุณแม่เป็นแม่เล้า”
นลินรัตน์เป็นลูกคู่ช่วยฟ้อง ทำเอาคนเป็นแม่หน้าตึงทันที
“นังดาว แกกล้าเรียกฉันว่าแม่เล้าเลยเหรอ ปากดีเกินไปแล้ว หายหัวไปไม่ทันข้ามวัน ปีกกล้าขาแข็งขึ้นมาแล้วเหรอ”
แขไขกำหมัดแน่น ไม่ให้ปราดเข้าไปตบสั่งสอนลูกเลี้ยง หากไม่ได้รับปากว่าจะส่งดาริกาไปแต่งงานกับลูกชายของเจ้าหนี้ เธอคงไม่ออมมือจัดการกำราบลูกเลี้ยงไปแล้ว
“ไม่ใช่แม่เล้า แล้วจับฉันมาทำไมกัน”
ดารินทร์ตั้งสติตอบโต้คืน เธอสังเกตอากัปกิริยาของทั้งสามอย่างประเมิน
“อย่ามาตีฝีปากกับฉัน แกต้องแต่งงานใช้หนี้ ไม่มีทางบิดพลิ้ว ฉันไม่ยอมปล่อยให้แกหนีไปอีกแน่ จะขังแกไว้ในนี้จนกว่าจะถึงเวลาส่งตัว”
แขไขพูดด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น ก่อนจะสะบัดหน้าเดินนำลูกสาวทั้งสองออกมาจากห้อง แล้วสั่งให้นายเพิกล็อกกุญแจขังหญิงสาวเอาไว้ในนั้น ท่ามกลางความงุนงงของดารินทร์
“นี่มันบ้าอะไร จับตัวฉันมาแต่งงานใช้หนี้ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันด้วย”
สิ่งที่แขไขพูดออกมา ทำให้ดารินทร์ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายกำลังคิดทำอะไร ไม่ใช่การลักพาตัวมาเรียกค่าไถ่ แต่ลักพาตัวมาเพื่อเอาไปแต่งงานใช้หนี้ มันเรื่องอะไรกันแน่ หญิงสาวหาคำตอบให้ตัวเองไม่พบ มีแต่ความแปลกใจปนสงสัย และแถมพกด้วยความมึนงง อาจจะต้องใช้เวลาในการค้นหาความจริง
“บ้าจริง ปล่อยฉันออกไปนะ ปล่อยฉันนะ ช่วยด้วย!”
ดารินทร์หายจากอาการมึนงง ก็ลุกขึ้นไปทุบประตู ร้องตะโกนขอความช่วยเหลือทันที
“คุณดาวหยุดร้องโวยวายนะ ไม่อย่างนั้นไอ้เพิกจะเข้าไปจัดการ ถ้าไม่อยากเข้าหอก่อนแต่ง เงียบเดี๋ยวนี้เลยนะ”
เสียงผู้ชายดังอยู่หน้าประตู พร้อมคำขู่แสนน่ากลัว ทำเอาดารินทร์หยุดทุบประตูแทบไม่ทัน ไม่กล้าส่งเสียงดังอีก เกรงคนเฝ้าประตูจะเข้ามาทำร้ายเธอตามคำขู่นั้น
“โอย แล้วใครจะมาช่วยเรากันนี่”
ดารินทร์ขยับเข้ามานั่งพิงผนังห้อง อย่างไม่รู้จะทำอะไรดีกว่านั้น ตอนนี้เธอไม่รู้ว่าจะหนีพ้นจากที่แห่งนี้ได้อย่างไร แต่อย่างน้อยคนที่จับตัวเธอมาก็ไม่ได้ทำร้ายเธอ ขอเพียงมีชีวิตก็ยังพอมีทางรอด
“พี่น้ำช่วยดาวด้วยนะคะ มาช่วยดาวด้วย”
หญิงสาวได้แต่ภาวนาให้คู่หมั้น หาทางมาช่วยเหลือเธอ คำขอนั้นไม่รู้ว่าจะเป็นจริงหรือไม่ แต่อย่างน้อยยังพอสร้างความหวังเล็กน้อยในหัวใจของเธอได้
