บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 12.แผนการร้าย/1

ที่โรงพยาบาล ห้องผู้ป่วย

นทีสั่งให้บรรเจิดไปจัดการเคลียร์ปัญหากับรถที่ชนคู่หมั้นของเขา จากนั้นก็มาเฝ้าไข้คนเจ็บรอเวลาให้หญิงสาวฟื้นขึ้นมา แพทย์ผู้รักษาบอกว่าอาการของเธอไม่ร้ายแรงมาก แต่ต้องรอดูตอนฟื้นว่ามีผลกระทบอะไรบ้าง

“ปวด... ปวดหัว”

เสียงครางแผ่วดังขึ้น ปลุกให้คนที่นอนอยู่รีบลุกขึ้นมา นทีขยับลุกจากโซฟายาวมายังเตียงคนเจ็บ

“เป็นอะไรหรือเปล่าน้องดาว” เขาเอ่ยถาม ขณะกดกริ่งเรียกพยาบาล

“ปวด... ฉันปวดหัว เจ็บไปหมด”

หญิงสาวเอ่ยออกมาทั้งที่ตายังไม่ปิดอยู่ มือยกขึ้นแตะบนแผลที่ศีรษะ ใบหน้างามมีรอยเหยเกเมื่อมือสัมผัสโดนแผลที่เจ็บ ค่อยลืมตาขึ้นมาช้าๆ ก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง เมื่อแสงสว่างจ้าเกินไป

“ไม่เป็นอะไรแล้วนะครับน้องดาว พี่จะดูแลน้องดาวเอง”

นทีปลอบโยน เขาจับมือของเธอเอาไว้ มองอาการของคนเจ็บด้วยสายตาห่วงใย คู่หมั้นของเขามีอาการหลับๆ ตื่นๆ ไม่ได้สติมาตลอดสามวัน

“คุณเป็นใคร ฉันไม่รู้จักคุณ”

ดาริกาดึงมือออก มองชายหนุ่มที่กุมมือเธอด้วยสายตาของคนไม่รู้จักกัน ทำเอานทีใจหายวาบ

“พี่เป็นคู่หมั้นของน้องดาว พี่ชื่อนทีหรือพี่น้ำ น้องดาวค่อยๆ นึกนะครับ”

“ไม่ ฉันจำอะไรไม่ได้ แล้วที่นี่ที่ไหน ฉัน... ฉันชื่ออะไร”

ดาริกามองไปรอบกายด้วยความสับสน ในหัวปวดตุบๆ ไปหมด ที่สำคัญเธอจำอะไรไม่ได้ว่าตัวเองคือใคร แล้วชายหนุ่มที่บอกว่าเป็นคู่หมั้นของเธอ ก็ไม่อยู่ในความทรงจำเลย หญิงสาวมองเขาด้วยสายตาหวาดระแวง

“พี่เรียกหมอแล้ว น้องดาวนอนนิ่งๆ นะครับ”

นทีขยับถอยออกมาห่างจากเตียง เขามองคู่หมั้นสาวด้วยความห่วงใย ท่าทางของเธอเหมือนจำอะไรไม่ได้ แถมยังทำท่าเหมือนกลัวเขาด้วย

ครู่หนึ่งเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น แพทย์และพยาบาลเข้ามาในห้อง

“หมอขออนุญาตตรวจอาการคนไข้ก่อนนะครับ”

นทีขยับถอยออกมา พยาบาลเข้ามาตรวจวัดความดัน แพทย์ตรวจดูอาการของคนเจ็บ ก่อนจะบอกญาติของคนเจ็บว่า

“คนไข้มีอาการจำอะไรไม่ได้ชั่วคราว เกิดจากการกระแทกที่ศีรษะ อาการจะดีขึ้นตามลำดับ ต้องใช้เวลาสักพักนะครับ ระหว่างนี้ญาติคนไข้ควรพูดคุย และบอกเล่าถึงเรื่องราวต่างๆ ให้คนไข้ฟัง เพื่อฟื้นความทรงจำ”

แพทย์แนะนำก่อนจะขอตัวออกไป ปล่อยให้คนไข้กับญาติอยู่กันตามลำพัง นทีเข้ามานั่งข้างๆ เตียง เขาจับมือของคู่หมั้นสาวมากุมไว้

“น้องดาวใจเย็นๆ นะครับ อย่ากลัวพี่”

เขาพยายามพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ปลอบโยนให้หญิงสาวคลายความหวาดหวั่น

“คุณเป็นคู่หมั้นของฉันจริงๆ หรือคะ”

จากคำพูดของแพทย์ทำให้ดาริกาสงบมากขึ้น หญิงสาวมองหน้าชายหนุ่มด้วยสายตาผ่อนคลายลง เขามีใบหน้าหล่อเหลา ดวงตาอ่อนโยน ดูไม่ใช่คนร้ายหรือคนเลว ที่สำคัญเขาบอกว่าเป็นคู่หมั้นของเธอ

“ใช่ครับ นี่ดูรูปพวกนี้สิ เราไปเที่ยวด้วยกัน แล้วก็ถ่ายรูปด้วยกัน ก่อนที่น้องดาวจะถูกรถชน”

นทีหยิบมือถือของเขามากดเปิดรูปถ่ายให้หญิงสาวดู เพื่อยืนยันฐานะของเขากับเธอ

“ฉันจำไม่ได้ จำไม่ได้เลยสักอย่าง รู้แต่ว่าตัวฉันน่าจะชื่อดาว ฉันคุ้นกับชื่อนี้มาก”

ดาริกานิ่วหน้ามองดูรูปถ่าย พยายามคิดและค้นหาความทรงจำที่หายไป แต่ศีรษะก็ปวดขึ้นมาอีก

“หมอบอกว่าสักพักอาการจะดีขึ้น พี่ว่าน้องดาวค่อยๆ รื้อฟื้นความทรงจำก็ได้ อีกสามวันเรือจะออกจากท่าแล้ว อาการของน้องดาวน่าจะดีขึ้น พอที่จะกลับบ้านได้”

นทีบีบมือนุ่ม พูดจาปลอบโยนให้หญิงสาวคลายความกังวล อาการของเธออาจจะต้องกลับไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน ตอนนี้เขาคงต้องรีบรายงานเรื่องนี้ให้พ่อแม่ของเธอทราบ ท่านทั้งสองจะได้หายห่วงลูกสาว

///

ดารินทร์ถูกนำตัวมาขังไว้สามวันแล้ว คนเฝ้าเอาอาหารมาส่งให้สามมื้อ และไม่เคยพูดจาอะไรกับหญิงสาวเลย ดารินทร์พยายามค้นหาทางออกจากห้องแห่งนี้ ห้องน้ำก็มีหน้าต่างระบายอากาศแคบมากไม่สามารถมุดออกไปได้ จะตะโกนให้คนช่วยเหลือก็ไร้ประโยชน์ เมื่อลองส่องดูผ่านช่องระบายอากาศแล้วพบว่าไม่มีบ้านหลังอื่นใกล้เคียง ที่นี่ถูกปลูกสร้างไว้ห่างไกลจากผู้คนยากจะหาใครมาช่วย การหาทางรอดช่างมืดมนเหลือเกิน

แกร๊ก...

เสียงประตูทำให้คนที่กำลังอยู่ในภวังค์รีบหันไปมอง ขยับเตรียมตัวให้พร้อมรับมือ คนที่เข้ามาคือสามแม่ลูกที่เคยเจอเมื่อวันแรก ดารินทร์ผ่อนท่าทีลงเมื่อเห็นว่าคนเฝ้าไม่ได้ตามเข้ามาด้วย

“เป็นไงบ้าง เห็นเจ้าเพิกบอกว่าแกทำตัวดีขึ้นแล้วนี่ สำนึกได้รึยังว่าทำยังไงแกก็หนีไม่พ้น”

แขไขเดินมาหยุดตรงหน้าดารินทร์ กวาดสายตามองสภาพของคนที่ตัวเองเข้าใจว่าเป็นลูกเลี้ยงอย่างสมเพช สามวันมานี้เธอไปเจรจากับฝ่ายเจ้าหนี้เรื่องงานแต่งงาน อีกฝ่ายเร่งรัดมาว่าอยากจะจัดงานแต่งให้เร็วที่สุด แขไขจึงขอเวลาเตรียมตัว เพื่อหาวิธีทำให้ลูกเลี้ยงยอมทำตามโดยที่ไม่เอะอะให้เจ้าหนี้เคืองใจ ในที่สุดก็พบวิธีดีๆ

“พวกแกจับตัวฉันมาแบบนี้ ไม่กลัวตำรวจบ้างหรือไง ข้อหาลักพาตัวมันติดคุกนะ เรามาคุยกันดีๆ ได้ไหม”

ดารินทร์พยายามพูดจาให้อีกฝ่ายได้คิด หากเจรจาต่อรองได้อาจจะได้รับการปล่อยตัว

“คุณแม่ขา นังดาวมันขู่คุณแม่ค่ะ”

เจนจรัสส่งเสียงแทรกขึ้นมา ก่อนที่ดารินทร์ได้พูดอะไรต่อ

“นังดาว แกคิดเหรอว่าตำรวจจะช่วยแกได้ เอาตัวให้รอดก่อนเถอะ”

นลินรัตน์เบ้ปากใส่ ดูแคลนอีกฝ่ายอย่างไม่ปิดบัง คนเป็นแม่โบกมือให้ลูกสาวหยุดพูด ขณะหันมาจ้องหน้าดารินทร์แล้วเอ่ยว่า

“ถ้าแกอยากเจรจา ฉันก็จะคุยกับแกดีๆ รู้ไหมตอนนี้พ่อของแกอยู่ในห้องไอซียู อาการร่อแร่ ถ้าแกไม่ยอมทำตามคำสั่งของฉัน แกจะไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าพ่อของแกอีก”

แขไขรู้ดีว่าดาริการักพ่อของมาก ด้วยเติบโตมากับคนเป็นพ่อมารดาเสียชีวิตตั้งแต่แรกคลอด ดังนั้นจึงใช้จุดอ่อนนี้มาบังคับอีกฝ่าย

“พูดบ้าอะไร ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่รู้จักพวกเธอ ฉันไม่ได้ชื่อดาริกา ฉันชื่อดารินทร์ พัชรวงศา พ่อของฉันคือท่านทูต อรรถ พัชรวงศา แม่ของฉันคือ คุณหญิงแม้นเดือน ถ้าไม่เชื่อก็ไปเสิร์ชชื่อพ่อฉันดูสิ”

ดารินทร์แจกแจงถึงประวัติตัวเอง พร้อมบอกชื่อของบิดามารดาให้อีกฝ่ายรู้ หวังว่าเมื่อได้รู้ว่าเธอเป็นลูกสาวของใคร จะเกรงกลัวยอมปล่อยตัวเธอไป

“แกนะสิบ้า มาอ้างอะไรแบบนี้ ไม่เนียนเลยนะยะ” เจนจรัสเบะปาก ไม่ยอมเชื่อ

“ให้ฉันยืมมือถือหน่อยสิ ฉันจะเสิร์ชข้อมูลให้พวกเธอดู”

ดารินทร์แบมือขอ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมีมือถือ

“จะมาเล่นลูกไม้อะไร อยากจะเอามือถือไปโทรหาคนช่วยรึไง ฉันไม่หลงกลหรอกย่ะ”

นลินรัตน์พูดดักคอไว้ก่อน คิดว่าดารินทร์หาเรื่องหลอกเอาโทรศัพท์ไปโทรหาคนอื่น แต่แขไขกลับเปิดกระเป๋าหยิบมือถือออกมากดค้นข้อมูลตามที่อีกฝ่ายบอก พอทุกอย่างปรากฏขึ้นบนจอก็กวาดสายตามอง แล้วรีบเลื่อนดูรูปและอ่านประวัติของครอบครัวพัชรวงศาอย่างละเอียด มือเริ่มสั่นระริกใบหน้าซีดเผือดลงเรื่อยๆ เมื่อเห็นรูปของลูกสาวท่านทูตอรรถ พัชรวงศา มีใบหน้าเหมือนกับดาริกาลูกเลี้ยงของเธอแทบจะเป็นพิมพ์เดียวกัน

“เจน ลูกบัว ตามแม่มานี่”

แขไขบอกลูกสาวเสียงสั่นรีบเดินออกไปจากห้องนั้น ลูกสาวสองคนเดินตามมารดาไปอย่างแปลกใจ

“เป็นอะไรคะคุณแม่ ทำไมหน้าซีดๆ”

เจนจรัสรีบมาประคองมารดาให้นั่งลงบนเก้าอี้ หลังจากออกมาจากห้องนั้นแล้ว แขไขควักยาดมมายัดจมูกสูดดมไล่ความวิงเวียน ในใจเต้นรัวด้วยความรู้สึกหวาดหวั่น ไม่คิดว่าในโลกนี้จะมีคนสองคนที่หน้าตาเหมือนกันราวกับฝาแฝด เธอรู้ว่านายพิพัฒน์เป็นพ่อม่ายเมียตาย มีลูกสาวคนเดียวคือดาริกา และอีกฝ่ายก็ไม่เคยบอกว่ามีลูกฝาแฝด เมื่อเห็นดารินทร์จึงมั่นใจว่าเป็นลูกเลี้ยงของตน แต่เมื่อเห็นรูปภาพของครอบครัวพัชรวงศา ก็ต้องตกตะลึง

“นายเพิก เฝ้าไว้ให้ดีๆ เจนขับรถแทนแม่ที แม่ปวดหัว”

แขไขสั่งนายเพิกแล้วลุกขึ้นให้ลูกสาวช่วยประคองพาขึ้นรถ ยามนี้ในสมองของแขไขกำลังทำงานอย่างหนักว่าจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร เมื่อเธอจับตัวมาผิดคนและยังรับปากกับเจ้าหนี้เรื่องงานแต่งไปแล้ว

///

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel