ตอนที่ 14. เจ้าสาวสวมรอย /1
งานแต่งงานระหว่างอัคคีกับดาริกาจะถูกจัดขึ้นที่เกาะร้อยดาว มารดาของอัคคีได้ให้ฝ่ายเจ้าสาวมาเตรียมตัวก่อนวันงานโดยจัดที่พักไว้เป็นวิลล่าส่วนตัว แขไขกับลูกสาวทั้งสองได้พาตัวดารินทร์นั่งเรือมาที่เกาะ ดารินทร์ถูกวางยานอนหลับในอาหารเพื่อไม่ให้ลุกขึ้นมาต่อต้าน เมื่อเรือจอดที่ท่าเรือของเกาะก็พบเจ้าบ่าวมารอรับ
“ยินดีต้อนรับสู่เกาะร้อยดาวครับ”
อัคคีเอ่ยต้อนรับ เขามองนางแขไขที่ขึ้นมาบนท่าเรือก่อนคนแรก โดยมีลูกสาวสองคนช่วยกันประคองว่าที่เจ้าสาวของเขาขึ้นมาด้วยท่าทางทุลักทุเล
“หนูดาวเขาเมาเรือน่ะคะ น้าเลยให้กินยาแก้เมา นี่หลับไปเพราะฤทธิ์ยา”
แขไขหาข้อแก้ตัวไม่ให้อีกฝ่ายสงสัย ขณะลอบมองเจ้าบ่าวของลูกเลี้ยงอย่างสำรวจ อัคคีเป็นลูกครึ่งมารดาเป็นชาวต่างชาติจึงมีรูปร่างสูงใหญ่ เขาไว้หนวดเคราดูดิบเถื่อน ไม่ค่อยสำอางแบบที่เธอกับลูกสาวทั้งสองคนชอบ เจนจรัสกับนลินรัตน์เมื่อเห็นรูปอัคคีก็พากันส่ายหน้า สองสาวชอบผู้ชายสไตล์หนุ่มตี๋หรือออปป้าเกาหลี เจอหนุ่มลูกครึ่งไว้หนวดเคราจึงไม่ต้องตา ถึงจะรวยแค่ไหนก็ไม่อยากแต่งงานด้วย แขไขจึงเกิดความคิดนำตัวลูกเลี้ยงมาแต่งงานใช้หนี้แทน
“ท่าทางจะพากันไปลำบาก เดี๋ยวผมช่วยอุ้มนะครับ”
อัคคีอาสา ขณะเดินไปหาสองสาวแล้วช้อนอุ้มร่างไร้สติของว่าที่เจ้าสาวมาไว้ในสงแขนแข็งแรง เจนจรัสกับนลินรัตน์จำต้องปล่อยให้ชายหนุ่มอุ้มดารินทร์เดินไปยังรถที่จอดรออยู่
“คุณแม่ เขาจะรู้ไหมว่าเราวางยานังนั่น”
เจนจรัสเดินมาป้องปากกระซิบถามมารดา นลินรัตน์เองก็กลัวอีกฝ่ายจะรู้พยายามเก็บอาการเต็มที่ แต่ก็ดูลอกแล่กน่าสงสัย
“หุบปากเถอะน่า นังนั่นมันหลับสนิทขนาดนั้น จะตื่นมาโวยวายได้ไง ไปรีบตามขึ้นรถก่อน”
แขไขบอกลูกสาว แล้วรีบเดินตามขึ้นรถตู้ไป พอเข้าไปในรถก็เห็นอัคคีจัดท่าให้ดารินทร์นอนพิงอกของเขา โอบไหล่ว่าที่เจ้าสาวให้อิงแอบแนบชิดด้วยท่าทางดูสนิทสนม
“เอ่อ… เดี๋ยวน้าดูแลหนูดาวเองค่ะ”
แขไขรีบบอกทำท่าจะขยับไปนั่งใกล้ๆ แต่อัคคีโบกมือปฏิเสธ
“ผมดูแลเจ้าสาวของผมได้ คุณน้าไปนั่งให้สบายเถอะครับ”
อัคคีไม่ไล่แขไขกับลูกสาวไปนั่ง เขารู้มาว่าอีกฝ่ายเป็นแม่เลี้ยง มาเสนอลูกเลี้ยงสาวให้แต่งงานใช้หนี้แทนครอบครัว จึงรู้สึกเห็นใจว่าที่เจ้าสาวของเขาขึ้นมา
“บรรเจิดไปส่งคุณแขไขกับลูกสาวที่วิลล่านะ”
ชายหนุ่มสั่งเลขาของเขา ก่อนจะกันมาสนใจคนที่นอนนิ่งพิงอกอยู่ มองใบหน้างดงามแล้วกระตุกยิ้ม สายตามองริมฝีปากอิ่มนึกถึงรสสัมผัสแสนหวานเมื่อตอนที่เขาได้จูบเธอในครั้งนั้น อยากจะจุมพิตเจ้าหญิงนิทราขึ้นมา ติดตรงในรถมีคนอื่นกำลังจ้องเขากับเธอตาแป๋ว อัคคีจำต้องอดเปรี้ยวไว้กินหวาน อดทนรำคาญใจกับสายตาของสามแม่ลูกไปตลอดทาง เมื่อรถจอดที่หน้าบ้านพัก แขไขกับลูกสาวก็พากันลงรถ คนรถมาขนกระเป๋าวางไว้ให้ โดยมีแม่บ้านมาช่วยยกกระเป๋าเข้าไปด้านใน
“ขอบคุณมากนะคะ เดี๋ยวฉันกับลูกจะพาหนูดาวไปพักผ่อนก่อนนะคะ”
แขไขบอกอัคคี รอให้เขาพาดารินทร์ลงจากรถ แต่ชายหนุ่มกลับบอกว่า
“ผมเตรียมที่พักให้เจ้าสาวของผมไว้แล้ว พวกคุณน้าพักที่นี่นะครับ เดี๋ยวตอนเย็นคุณแม่กับคุณพ่อ จะเชิญรับประทานอาหารด้วยกัน แล้วจะส่งรถมารับนะครับ พักผ่อนตามสบายนะครับ ผมขอตัวก่อน”
พูดจบรถก็เคลื่อนตัวออกไปปล่อยให้สามแม่ลูกอ้าปากค้างมองหน้ากันอย่างตื่นตะลึง กว่าจะรู้ตัวรถก็แล่นออกไปไกลแล้ว
“ทำยังไงดีคะคุณแม่ เขาพายายนั่นไปแล้ว”
เจนจรัสเขย่าแขนมารดาอย่างร้อนใจ
“คุณแม่ ถ้ายายนั่นฟื้นเราแย่แน่” นลินรัตน์ลนลานไปหมด
“บ้าจริง ใครจะคิดว่าจะทำแบบนี้”
แขไขรีบกดโทรศัพท์โทรหามารดาของอัคคี
“คุณมาเรียคะ ดิฉันมาถึงเกาะร้อยดาวแล้วนะคะ มีปัญหานิดหน่อยน่ะคะ”
“มีปัญหาอะไรคะ”
คุณมาเรียมารดาของอัคคีเอ่ยถาม
“คือพอเรามาถึง คุณอัคคีก็พามาส่งที่พัก แล้วตอนนี้พาตัวหนูดาวไปด้วยค่ะ ฉันคิดว่ามันไม่ค่อยเหมาะนะคะ”
“ลูกชายของฉันเขาคงอยากทำความรู้จักกับเจ้าสาวของเขาน่ะ เดี๋ยวก็คงพามาส่ง พวกคุณก็พักให้สบายนะคะ เย็นนี้เจอกันค่ะ”
พูดจบก็วางสายไปทันที ไม่สนใจว่าฝ่ายเจ้าสาวจะคิดอย่างไร
“ตายแล้ว จะทำยังไงดี ไม่ฟังกันบ้างเลย”
แขไขกุมขมับกับปัญหาที่เกิดขึ้น นึกหวั่นใจหากดารินทร์ฟื้นขึ้นมาความจะแตก พยายามหาทางรอดให้ตัวเอง คนในตระกูลสิทธิไกวัลมีอิทธิพลสูงในแถบนี้ หากถูกจับได้ว่าย้อมแมวขาย อาจจะจบไม่สวย
“ถ้าพวกนั้นรู้เราตายแน่ ครอบครัวของนังนั่นเป็นถึงทูตเลยนะคะ”
นลินรัตน์กลัวจนตัวสั่น ตอนแรกคิดวางแผนไว้เสียดิบดี ว่าจะกรอกยากล่อมประสาทที่นายเพิกหามาให้ดารินทร์กินจะได้ควบคุมให้ทำตามคำสั่ง แต่แผนพังเพราะเจ้าบ่าวดันเอาตัวไปก่อน
“แกเก็บอาการหน่อย จะตื่นตูมทำไม”
เจนจรัสก็เริ่มใจไม่ดี ดึงแขนน้องสาวกับมารดาพาเข้าไปในที่พัก นั่งปรึกษากัน
“แม่ว่า เราอยู่ไม่ได้แล้ว รีบออกจากที่นี่กันก่อนเถอะ”
แขไขไม่อาจทำใจดีสู้เสือไหว ขืนใจเย็นต่อไปความแตกขึ้นมา เธอกับลูกสาวไม่รอดแน่ ทางฝ่ายเจ้าบ่าวคงไม่ปล่อยไปง่ายๆ เงินสินสอดที่เรียกไว้ก็จะไม่ได้ แถมอาจจะติดคุกข้อหาลักพาตัวอีกกระทง ตอนนี้เธอมีเงินและทรัพย์สินที่ยักย้ายถ่ายเทมาจากอดีตสามี มากพอที่จะใช้ได้อีกพักใหญ่ๆ
“แล้วพวกนั้นจะไม่สงสัยหรือคะ”
เจนจรัสเอ่ยถามอย่างระแวง การจะไปจากที่นี่ย่อมไม่รอดพ้นสายตาคนของอัคคี
“ที่นี่มีเรือโดยสาร เราแอบออกไปพวกนั้นไม่ทันสังเกตหรอก ไปตอนนี้ยังพอมีเวลา”
แขไขไม่สนใจอะไรแล้ว รีบเดินออกจากที่พักทันที ลูกสาวทั้งสองตามหลังแม่มาติดๆ ทิ้งกระเป๋าที่ขนมาไว้ที่พัก ด้วยไม่อาจลากพาไปด้วยให้เกะกะ
ทางด้านอัคคีพาดารินทร์นั่งรถมาด้วยกัน เขาสั่งให้คนรถพาไปส่งที่พักส่วนตัวของเขา พอมาถึงก็อุ้มร่างงามเข้าไปด้านใน หญิงสาวยังคงหลับสนิทไม่มีท่าทีว่าจะตื่น เขาวางเธอลงบนเตียงแล้วนั่งลงมองคนขี้เซา
“นอนได้นอนดี ไม่คิดจะตื่นขึ้นมาทักทายกันบ้างหรือไง”
ปลายนิ้วยื่นไปเขี่ยแก้มนุ่ม แกล้งแหย่หวังให้เธอตื่นขึ้นมา แต่เจ้าของแก้มยังคงหลับสนิท ไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ ทำเอาคนอยากแกล้งถึงกับเซ็ง
“ยาแก้เมาหรือยาสลบช้าง กินแล้วนอนนิ่งเหมือนคนสลบแบบนี้”
อัคคีได้ยินแขไขบอกว่าให้ลูกเลี้ยงกินยาแก้เมาเรือจนเธอหลับไป ทำไมยาถึงฤทธิ์แรงแบบนี้ เธอนอนนิ่งไม่ขยับตัวเลย ตอนนั่งด้วยกันบนรถเขาแอบหอมแก้มนุ่มไปหลายฟอด หญิงสาวก็ไม่รู้สึกตัว
“ตื่นได้แล้วยายขี้เซา ไม่อย่างนั้นฉันจะจูบเธอแล้วนะ”
เขาก้มลงไปกระซิบข้างหู กดปลายจมูกโด่งบนแก้มนวลสูดความหอมของกลิ่นสาวเข้าปอดไปด้วย ทว่า…เหมือนพูดกับรูปปั้น ไม่มีเสียงตอบรับนอกจากเสียงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอของคนขี้เซา
“ไม่ตื่นใช่ไหม ดีล่ะ ฉันจะจูบจนกว่าเธอจะตื่น”
เขากระตุกยิ้มร้าย ขณะก้มลงแนบริมฝีปากบนเรียวปากอิ่ม
