ตอน 9
“เขาบอกว่าเขาไม่ใช่เพื่อนสองค่ะ” เธอกระดากจะแปล
“แล้วมันเป็นใคร”
“คือสองจะอธิบายให้คุณพ่อฟังนะคะ”
“ลองเล่ามา ดีๆนะหนูสอง” คุณรณกรเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน หากอยู่ที่บ้าน ธัญชนกคงได้โดนซักฟอกจนขาวสะอาด แอบมีแฟนโดยบิดาไม่เคยรู้ หรือว่าเจ้าน้องชายตัวแสบ รู้ทุกอย่างแต่ไม่เคยรายงานให้พ่อทราบ คุณรณกรคิดอย่างขัดเคืองใจ แถมยังเป็นชาวต่างชาติเสียอีก ขัดใจหนักเข้าไปอีก ไม่ว่าลูกจะแต่งกับใคร ขอให้ไม่ใช่พวกนอกคอกเกินไปผู้เป็นพ่อย่อมรับได้ แต่เพราะไม่เคยรู้จัก และไม่เคยระแคะระคายเกี่ยวกับผู้ชายของบุตรสาวมาก่อนจึงรู้สึกตะขิดตะขวงใจอยู่มากนั่นเอง
“คือเซบาสเตียนเพิ่งเดินทางมาจากอิตาลีค่ะป๋า”
“ดิฉันขอตัวนะคะคุณกร เราคงไม่มีอะไรต้องคุยกันอีก” คุณทิพย์อาภากล่าวขอตัวด้วยน้ำเสียงไมพอใจอยู่มาก
“เอ่อ...อย่าเพิ่งสิครับคุณทิพย์” คุณรณกรห้ามเขาก็หน้าเสียแต่ไม่อยากให้ลงเอยเช่นนี้ จะเสียลูกค้ากันด้วย
“วันนี้เรานัดกันด้วยเรื่องอะไรคุณกรย่อมรู้ดี แต่พอมาเจอแบบนี้ดิฉันว่า ข้อตกลงของเรามันคงกลายเป็นโมฆะ”
“ผมว่านั่งลงแล้วใจเย็นๆก่อนดีไหมครับ รอให้สองคนนี้เขาเล่าให้ฟังก่อน จริงๆแล้วเขาอาจจะเป็นแค่เพื่อนกันธรรมดาก็ได้” เกินครึ่งในความรู้สึกของคุณรณกร ผู้ชายที่กล้าเดินจูงมือบุตรสาวคงไม่ใช่แค่เพื่อนธรรมดา เขาได้แต่หวังให้ทั้งสองยังไม่ไปถึงไหนต่อไหนกัน ไม่เช่นนั้นเขาคงหน้าแตกยับ อาจโดนกล่าวหา ย้อมแมวลูกสาวตัวเองให้เป็นสาวผุดผาด
“ก็...” คุณทิพย์อาภาอ้าปากเพื่อค้าน อยากเสียมารยาทใจแทบขาด ไม่พอที่ธัญชนกไม่ไว้หน้าแขกของบิดาเช่นนาง
“นะครับ นั่งลงก่อน” ฝ่ามือทั้งสองข้างแปะลงกลางอากาศเพื่อเชิญชวนให้แขกคนสำคัญนั่งลงที่เดิมและขอให้ลดอาการไม่พอใจลงเพื่อฟังความกระจ่างจากสองหนุ่มสาว ธัญชนกกับหนุ่มต่างชาติคนนี้เท่านั้นจะให้ไขความกระจ่างให้แก่ทุกคนได้
ส่วนเทพนิธิไม่รีบร้อน เขาเองนั้นอยากรู้เรื่องราวแม่สาวหน้าหวานกับผู้ชายหล่อเหลา ร่างสูงใหญ่คนนี้ไม่ต่างจากคนอื่น แม้ใบหนาท่าทีจะเรียบเฉยหากในใจร้อนรน แทบจะกระโดดไปกระชากคอผู้ชายตัวใหญ่กว่าให้คายวาจาออกมา ทั้งยังแอบหวังต่อให้ระหว่างธัญชนกกับหนุ่มต่างชาติ ไม่เป็นเป็นคนพิเศษต่อกัน หากเมื่อเทพนิธิได้ปักใจกับหญิงสาวแล้ว เขาไม่ยอมรามือง่ายๆเด็ดขาด เขาหยิ่งผยองเพราะคิดว่าตัวเองเป็นหนึ่งในตองอู เรื่องความหล่อ และฐานะทางบ้านอันมีอันจะกิน ในเมื่อหญิงสาวยังไม่แต่งงานเขาย่อมมีสิทธิ์อยู่เต็มร้อย ในการเยื้อแย่งเธอมาเป็นสมบัติส่วนตัว หรือผู้ชายคนนี้อาจเป็นแค่คู่ควงชั่วคราวเท่านั้น ธรรมดาดอกไม้งามภู่ภมรย่อมต้องการตอมดม
ธัญชนกนั่งเคียงข้างเซบาสเตียนไม่ยอมห่าง เพราะเขากักไม่ให้เธอห่างนั่นเอง ชายหนุ่มติดใจทั้งรสจุมพิต ความน่ารัก สดใส รวมทั้งความเดียงสา ที่หญิงสาวแสดงออกต่อเขา ชายหนุ่มถือโอกาสจับมือหญิงสาว ราวกับเป็นคนรักกันจริงๆใต้โต๊ะ ธัญชนกพยายามทั้งบิดทั้งสลัดมือเล็กให้พ้นจากอุ้งมือใหญ่ ทว่ากลับไร้ผลโดยสิ้นเชิง อุ้งมือนี้ดั่งคีมเหล็กหนาที่บีบรัดมือเธอไว้ ยิ่งดิ้นเขายิ่งบีบรัดแน่น ความพยายามของธัญชนกจึงลดลงเหลือเพียงศูนย์ปล่อยให้เขากุมมือไว้อย่างนั้น และวินาทีต่อจากนี้เซบาสเตียน คงเป็นคนคุมเกมที่เขาวางหมากไว้อย่างชาญฉลาด เสร็จเรื่องเมื่อไหร่ ต่างคนต่างไปรับรองได้
“ไหนใครจะเป็นคนเล่า” คุณรณกรเอ่ยถาม
“สองเองค่ะ” ธัญชนกเสนอตัวชูมือขึ้นเหนือศีรษะราวกับเด็กนักเรียนขอตอบคำถามของคุณครู
“ผมเองครับ” แต่กลับถูกเซบาสเตียนแย้งขึ้นทันควัน
“หนูสองเล่าให้ป๋าฟัง อย่างน้อยคงฟังง่ายกว่าที่ตาตัวโตเล่า” บิดาสนใจให้บุตรสาวเล่าให้ฟังมากกว่า ลำพังให้หนุ่มต่างชาติเล่าคงหูไม่กระดิก
งานเข้าแล้วไงธัญชนก ทั้งที่ก่อนหน้านั้นตกลงกันไว้ เซบาสเตียนต้องเป็นฝ่ายเล่า แต่เพราะเขาพูดภาษาไทยไม่ได้เลย ภาระจึงตกมาอยู่ที่ธัญชนกอย่างช่วยไม่ได้
“ได้ค่ะป๋า”
“คบกันนานหรือยัง ป๋าหมายถึงรู้จักกันนานหรือยัง ไม่เคยได้ยินหนูสองพูดถึงเขาให้ป๋าฟังบ้าง” สะกิดใจอยู่มาก เมื่อเขาไม่ใช่คนสัญชาติเดียวกัน คุณรณกรเป็นฝ่ายทนไม่ได้เอ่ยถามเสียเอง พร้อมตีสีหน้าขรึม ทันทีที่พบหน้าคนพิเศษของบุตรสาวก้าวมายืนอยู่ตรงหน้า เขานั้นมีคำถามในใจมากมาย แต่ต้องค่อยๆถาม แม้บุตรสาวจะหัวอ่อนไม่ค่อยซน แต่ถ้าไม่พอใจอะไรขึ้นมา บุตรสาวนั้นดื้อหัวชนฝา กลายเป็นคนละคนอย่างห้ามปรามไม่ได้
“ร่วมปีแล้วค่ะป๋า”
“ทำไมป๋าไม่เคยรู้มาก่อน” บิดาตาโตเรื่องนี้แปลกใหม่อยู่ซะหน่อยเมื่อได้ยินเต็มสองรูหู
“เราคบกับผ่านเฟซบุ๊คส์ครับ คือผม...” ยังไม่ทันที่เซบาสเตียนจะกล่าวจบ ฝ่ามือคุณรณกรยกตั้งฉากห้ามชายหนุ่มพูดซะก่อน เซบาสเตียนชะงักปากราวกับปิดก๊อก ในใจไม่สงบลงเช่นปาก หากชายผู้นี้คือลูกน้องตัวเอง คงเจอหั่นคอไปแล้ว เขาจะอดทน ทำตามเกมที่ตัวเองวางไว้ให้หญิงสาว ดูเหมือนไอ้หนุ่มที่นั่งข้างคุณนายยกกระบังสูงคอยส่งสายตาขุ่นมัวมาทางเขาบ่อยๆ
“คือจริงๆสองไม่เคยพบเซบหรอกค่ะ เราคุยกันติดต่อกันผ่านเฟซบุ๊คส์ บางทียังสนทนาผ่านโปรแกรมสไกด์ จนกระทั่งเซบเอ่อ...คือเซบเขาทนไม่ไหว หาโอกาสเดินทางมาพบสอง และเราเพิ่งคุยกันได้ไม่นาน เขาขอคบสองในฐานะแฟน หรือคนรัก”
ธัญชนกอธิบายกับบิดาอย่างอึกอัก เกิดมาไม่เคยสร้างเรื่องหลอกบิดา มันย่อมเคอะเขินเป็นเรื่องธรรมดา เพียงแค่พยายามตีสีหน้าให้แนบเนียน มันค่อนข้างปั้นยากอยู่ซะหน่อย ยังดีที่เคยเล่นเป็นนางเอกในละครคณะอักษรศาสตร์หลายเรื่องจึงพอผ่านมันได้มือบางค่อยลูบอกข้างซ้าย ซึ่งบิดาเหลือบเห็นการกระทำของบุตรสาว เวลาที่ธัญชนกมีเรื่องหลอกบิดาหรือหลอกใครก็ตามหญิงสาวมักยกมือลูบอกเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียด หรือเรื่องนี้มันจะแค่หลอก อย่างนั้นคุณรณกรคงต้องซักต่อไปถ้าไม่จนมุมจะปล่อยให้คบหากันต่อไป ลูกรักใครย่อมต้องลดทิฐิรักคนนั้นล่ะ
“หนูสองก็ยอม”
“คือเขาน่ารักเปิดใจกับสอง ไม่เคยปิดบัง คือสองคิดว่าแค่เริ่มต้นคบกันไม่คงไม่ผิดอะไร”
“แต่ผมอยากแต่งงานกับสองนะครับ ถึงเราเริ่มต้นโดยการคบกันทางไกล โดยมีเทคโนโลยีเป็นสื่อกลาง แต่สำหรับผมมั่นใจในความรักที่มีให้กับสอง ผมต้องการคบหากับเธอจริงๆ ในฐานะคนรัก สำหรับผมระยะทาง หรือกาลเวลาไม่สำคัญ หากผมปักใจเชื่อในความรัก เรื่องแค่นี้ย่อมไม่ใช่ปัญหา” เซบาสเตียนชิงพูดขึ้น ในประโยคที่คิดว่าอาจทำให้หญิงสาวรอดพ้นจากผู้ชายอีกคน
ด้วยประโยคที่กินใจทั้งธัญชนก และแขกคนพิเศษของคุณรณกรที่ต้องทนฟังเรื่องราวรักแดนไกลระหว่างสองหนุ่มสาว จะมีประโยชน์อะไรกับการต้องทนฟังเกินสองหรือสามนาที คุณทิพย์อาภาอยากกระโดดหนีไปจากตรงนี้ หากไม่ได้มือของบุตรชายรั้งไว้นางคงเสียมายาทที่พ่อแม่สั่งสอนมาตั้งแต่เยาว์วัย ซึ่งนั่นนานมาแล้ว
เทพนิธิอยากรู้ต่อเกี่ยวกับความเป็นมาเป็นไป ระหว่างคนทั้งสอง เขาไม่ใจร้อนเช่นมารดา เท่าที่ฟังทั้งคู่ยังไม่ได้ก้าวไกลถึงขั้นเป็นแฟน ความจริงเพิ่งพบกันเป็นครั้งแรกต่างหาก และไอ้ระยะทางและความต่างอาจทำให้เขา ก้าวเข้ามาแทนไอ้ฝรั่งผมดำนี้เป็นไปได้
“ตาเทพแม่คิดว่าเราควรกลับ วันนี้คงเป็นเรื่องระหว่างคนในครอบครัว เราไม่เกี่ยว” คุณทิพย์อาภาเน้นยำท้ายประโยคแฝงอารมณ์โกรธอยู่มาก
“ได้ครับแม่” เขายอมตามใจมารดา บางทีเขาอาจหาข่าวได้ภายหลัง