บท
ตั้งค่า

๒.๒ รอยรักชีคจอมเถื่อน

แพรมุกได้แต่ถอนหายใจออกแรงๆ ตอนที่ได้ยินเสียงน้ำซ่าๆ แว่วดังออกมาจากห้องน้ำ เธอก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมจะต้องนั่งแหมะอยู่ที่ขอบเตียงตามคำสั่งของเขา ทั้งๆ ที่จริงในตอนนี้เธอสามารถเดินออกไปจากห้องนี้ได้สบายๆ โดยที่เขาไม่สามารถทำอะไรเธอได้ด้วยซ้ำ

อีกไม่กี่นาทีต่อมาร่างสูงใหญ่ก็กลับออกมาโดยมีผ้าขนหนูพันเอวเพียงผืนเดียว จากนั้นเขาก็หยิบเอาเสื้อผ้าในตู้ออกมาแต่งตัวโดยไม่คิดจะเขินอายสักนิด ทว่ากลับเป็นแพรมุกต่างหากที่อับอายเสียเอง ถึงกระนั้นเธอก็ยังนั่งจ้องเขาตาแป๋วอย่างไม่อาจจะถอนสายตากลับมาได้ ก็จะให้ถอนสายตาได้อย่างไรในเมื่อมันเป็นภาพที่น่ามองราวกับว่าชาฟากีย์กำลังแสดงโชว์อันน่าตื่นตาตื่นใจให้เธอดูอยู่ อย่าว่าแต่เธอเลย แพรมุกเชื่อว่า ไม่ว่าชายไม่จริงหญิงแท้คนไหนได้มาเห็นภาพอันน่าเร้าใจนี้ก็คงไม่อาจจะถอนสายตาไปได้ง่ายๆ แต่เอ๊ะ! ทำไมจู่ๆ ความคิดหื่นๆ แบบนี้ถึงได้แล่นเข้ามาในสมองของเธอหรือว่าเธอถูกเขาใช้พลังจิตล้างสมองไปเสียแล้ว

เมื่อชาฟากีย์แต่งตัวเสร็จเขาก็เดินเข้ามาหาเธอ กลิ่นโคโลญชั้นเลิศผสมผสานกับความเป็นบุรุษเพศที่มากเสน่ห์ยามที่เขาย่างก้าว ทำให้หัวใจของแพรมุกเต้นแรงระทึกขึ้นเรื่อยๆ สาวน้อยได้แต่นั่งนิ่งจวบจนกระทั่งเขามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า ในลักษณะเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้างซึ่งแพรมุกสาบานได้ว่ามันเป็นท่ายืนที่หล่อเหลาที่สุดจนเธอแทบจะระทวยลงไปกองตรงนั้น

“นึกว่าจะแอบหนีออกไปแล้วซะอีก” เสียงชาฟากีย์ที่ดังขึ้นทำให้ แพรมุกสะดุ้งนิดๆ

“เอ่อ...ก็คุณสั่งให้ฉันรอจนกว่าคุณจะอาบน้ำเสร็จนี่คะ”

คำตอบนั้นทำให้ชาฟากีย์คลี่ยิ้มออกมาอย่างที่แพรมุกเองก็ไม่คิดว่าตัวเองจะได้เห็น ผู้ชายคนนี้เอาเสน่ห์มาจากไหนมากมายก็ไม่รู้ ไม่ว่าจะทำอะไรก็น่ามองไปหมด

“คุณนี่แปลกนะท่าทางเหมือนจะดื้อ แต่จริงๆ ก็พูดง่าย”

“แล้วคุณต้องการอะไรอีกคะถึงได้บอกให้ฉันรอ” แพรมุกรีบเข้าประเด็นเพราะอยากจะลุกไปจากเตียงของเขาไวๆ

“พรุ่งนี้คุณทำงานหรือเปล่า”

“เปล่าค่ะ พรุ่งนี้วันเสาร์ ฉันหยุดค่ะ”

“ผมอยากเที่ยว พาผมไปเที่ยวหน่อยได้ไหม ว่างหรือเปล่า” ชาฟากีย์พูดง่ายๆ ไม่อ้อมค้อมตามแบบฉบับของเขา แพรมุกเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าคมคร้ามนั้นอย่างไม่ค่อยอยากจะเชื่อหู โอกาสดีๆ แบบนี้จะหาได้จากที่ไหนอีก ถ้าเธอไม่รีบตอบตกลงก็โง่เต็มที พรุ่งนี้เขาขอให้เธอพาเที่ยว ซึ่งถ้าหากเธอทำให้เขาประทับใจได้ อีกไม่กี่วันเขาต้องชวนเธอเดตแน่ๆ และตอนไหนที่เขาออกปาก นั่นย่อมหมายถึงเธอชนะพนัน โอย...อยากจะกรี๊ดให้สุดเสียง ได้กินอาหารฟรีแถมไม่ต้องทำรายงานกลุ่มอีกต่างหาก

“วะ...ว่างสิคะ ว่างมากเลยค่ะ คุณอยากไปไหนบอก ฉันพาทัวร์ได้เต็มที่” แพรมุกรีบฉีกยิ้มกว้างและรับปากด้วยความเต็มใจที่สุด

“ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้เช้าเจอกันที่หน้าโรงแรม”

“ตกลงค่ะ พรุ่งนี้เช้าเจอกัน ฉันจะรีบมาแต่เช้าเลยนะคะ” เสียงหวานบอกอย่างกระตือรือร้น “แต่วันนี้ฉันต้องขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ ได้เวลางานฉันแล้วค่ะ”

แพรมุกลุกขึ้นจากเตียงของเขา ก่อนจะรีบเดินจ้ำอ้าวออกจากห้องนั้นไปด้วยหัวใจที่เบิกบานราวกับดอกไม้ยามแรกอรุณเป็นที่สุดโดยไม่ลืมหยิบเอาฟองน้ำที่ถูกทิ้งอยู่บนพื้นพรมข้างๆ เตียงอย่างอายๆ

อากาศที่ขมุกขมัวและมืดครึ้มในตอนเช้าของวันต่อมาดูเหมือนจะเป็นอุปสรรคสำคัญของแพรมุกยิ่งนัก เธอแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าพลางภาวนาว่าขออย่าให้วันนี้ฝนตกลงมาเลย ไม่อย่างนั้นโอกาสที่จะใกล้ชิดสนิทสนมกับชาฟากีย์มีอันต้องพังทลายเป็นแน่

แพรมุกมาถึงโรงแรมในเวลาเจ็ดโมงกว่าๆ และก็พบว่าชาฟากีย์ยืนรออยู่ก่อนแล้ว ดวงตาสีน้ำตาลแอมเบอร์ฉายประกายขึ้นเป็นเชิงพอใจเมื่อเห็นสาวน้อยในชุดเสื้อยืดเข้ารูปสีขาว กางเกงขาสั้นสีเขียว สวมรองเท้าผ้าใบสีเดียวกับกางเกง ผมยาวสลวยที่ถูกรวบไว้ในช่วงใส่ชุดทำงานตอนนี้ถูกปล่อยสยายตรงตามธรรมชาติ ใบหน้าหวานๆ ของเธอแทบจะปราศจากเครื่องสำอางใดๆ มีเพียงแป้งฝุ่นและลิปสติกสีหวานใสเคลือบริมฝีปากอยู่เท่านั้น

“ฉันมีอะไรผิดปกติหรือเปล่าคะ” แพรมุกเอ่ยถามอย่างไม่มั่นใจ หลังจากถูกสายตาคู่คมจ้องมองอยู่นานหลายวินาที

“เปล่าหรอก แค่คิดว่าแต่งตัวแบบนี้ก็น่ารักดี วันนี้ไม่ใส่ดันทรงด้วยนี่”

แพรมุกเบิกตาโต “นี่คุณจ้องหน้าอกฉันเหรอ! คนโรคจิต!”

“เอาน่าจะโกรธไปทำไม ไหนๆ คุณก็อยากให้ผมมองแต่แรกอยู่แล้วไม่ใช่หรือ” ชาฟากีย์ย้อนถามด้วยสีหน้าเรียบเฉยตามแบบของเขา

“ถ้าขืนคุณพูดบ้าๆ อีกประโยคเดียว ฉันจะกลับจริงๆ ด้วย”

“โอเค ไม่พูดก็ไม่พูด แล้วจะพาไปไหนล่ะ อากาศแบบนี้เหมือนฝนกำลังจะตก”

“แต่ตอนนี้ยังไม่ตกเพราะฉะนั้นเราก็ลุยกันเลย ก่อนอื่นกองทัพต้องเดินด้วยท้อง ข้างๆ โรงแรมมีข้าวยำเจ้าอร่อย ฉันจะพาคุณไปชิม” แพรมุกพูดพลางเดินนำเขาไป ชาฟากีย์มองตามแล้วอดยิ้มกับความน่ารักสดใสของเธอไม่ได้ จากนั้นร่างสูงก็ก้าวตามเธอไปติดๆ หากทว่ายังไม่ทันจะถึงร้าน ฝนห่าใหญ่ก็เทกระหน่ำลงมาราวกับฟ้ารั่วจนสองหนุ่มสาวเปียกปอนไปทั้งตัว

“เอาไงดีคุณ” สาวน้อยหันมาถามแข่งกับเสียงฝน หลังจากพาเขาเข้าไปหลบฝนใต้หลังคาที่ยื่นออกมาของซูเปอร์มาร์เกตแห่งหนึ่ง

“กลับโรงแรมก่อน เปียกหมดแล้วเห็นไหม” เขาไม่ได้ห่วงตัวเองแต่ห่วงเธอ เพราะสภาพที่เปียกปอนทำให้เสื้อสีขาวแนบลู่เข้ากับส่วนเว้าส่วนโค้งของร่างกายที่น่ามองเป็นที่สุด

“แล้วจะให้ฉันไปอยู่ไหนล่ะคะ”

“ในห้องผมสิ ถามได้”

“ไม่เอาหรอก ฉันไม่ไป” แพรมุกส่ายหน้าดิก

“มาเถอะน่า อย่าเรื่องมาก”

ว่าแล้วมือใหญ่เอื้อมมายึดข้อมือเล็กๆ ของเธอแล้วดึงให้ต้องวิ่งฝ่าสายฝนกลับไปยังโรงแรมพร้อมกันกับเขา เมื่อถึงหน้าโรงแรมแพรมุกก็พยายามจะสะบัดมือออกจากการเกาะกุม หากแต่ชาฟากีย์ไม่ยอมปล่อยง่ายๆ

“ปล่อยฉัน แล้วคุณก็ขึ้นห้องไปเถอะค่ะ”

“บอกแล้วไงว่าเราจะขึ้นไปด้วยกัน”

“แต่ฉันเป็นพนักงานของโรงแรมนะคะ คนอื่นจะคิดยังไงถ้าเห็นฉันขึ้นห้องไปกับคุณ”

“ห่วงตัวเองก่อนภาพพจน์งี่เง่านั่นได้ไหม เปียกขนาดนี้จะยืนสั่นอยู่ตรงนี้หรือไง” ชาฟากีย์พูดเสียงดุๆ

“ฉันไม่หนาว ฉันจะกลับบ้าน”

“ฝนหยุดตกค่อยกลับ ถ้ายังขืนพูดไม่รู้เรื่องจะอุ้มเข้าไป คราวนี้คงได้ลือกันทั่วโรงแรมละ เลือกเอาก็แล้วกันว่าจะเดินเข้าไปดีๆ หรือต้องให้อุ้ม” ชายหนุ่มบอกเรียบๆ แต่น้ำเสียงจริงจังบ่งบอกว่าไม่ได้คิดจะขู่เล่นๆ และพร้อมจะเอาจริงถ้าขืนเธอยังดื้อดึง

“ทำไมคุณต้องบังคับฉันด้วยเล่า” แพรมุกทำหน้ากระเง้ากระงอดตามประสาคนที่กำลังถูกบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ

“ก็เพราะคุณชอบการถูกบังคับน่ะสิ”

ชาฟากีย์ยิ้มมุมปากก่อนจะดึงข้อมือเล็กๆ ให้เดินตามเข้าไปในโรงแรมอีกครั้ง แพรมุกไม่อยากตกเป็นเป้าสายตาของใครต่อใครโดยเฉพาะพนักงานของโรงแรมซึ่งอาจจะจำเธอได้ จึงก้มหน้างุดและรีบเดินตามเขาเข้าไปในลิฟต์

พอถึงห้องชาฟากีย์ก็เดินไปหยิบเอาเสื้อคลุมและผ้าเช็ดตัวส่งให้เธอแพรมุกรับไปด้วยความรู้สึกแปลกๆ ไม่รู้ว่าเป็นความบังเอิญหรืออะไรแต่เธอต้องเข้ามาอยู่ในห้องนี้กับเขาสองต่อสองเป็นวันที่สามติดต่อกันแล้ว

“ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าซะเดี๋ยวจะไม่สบาย ส่วนเสื้อผ้าที่เปียกเดี๋ยวจะบอกแม่บ้านให้เอาไปซักแห้งให้”

“ฉันไม่มีเสื้อผ้ามาเปลี่ยนนี่คะ”

“ถ้าอย่างนั้นใส่เสื้อผมก่อน”

“มะ...ไม่เป็นไรค่ะ ฉันใส่เสื้อคลุมก็ได้” สาวน้อยรีบปฏิเสธเพราะการที่ต้องใส่เสื้อผ้าของเขามันเป็นอะไรที่ดูสนิทสนมเกินกว่าคนที่เพิ่งจะรู้จักกัน

“ตามสบาย” ชาฟากีย์ยักไหล่

“แล้วคุณล่ะคะ”

“คุณไปอาบก่อนเถอะ อาบเสร็จผมจะได้อาบบ้าง”

แพรมุกมองหน้าเขาแวบหนึ่ง ก่อนจะหอบเอาเสื้อคลุมและผ้าเช็ดตัวเข้าไปอาบน้ำสระผมในห้องน้ำ หลังจากนั้นจึงเปิดโอกาสให้เขาใช้ห้องน้ำบ้างร่างอรชรเดินไปนั่งเช็ดผมที่หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้งจนกระทั่งเจ้าของห้องอาบน้ำเสร็จเธอก็เลี่ยงไปนั่งบนโซฟา

“ฉันขอโทษด้วยนะคะ ฉันลืมดูพยากรณ์อากาศว่าวันนี้พายุเข้าคุณเลยอดไปเที่ยว” เสียงหวานเอ่ยขึ้นหลังจากแม่บ้านขึ้นมาเอาเสื้อผ้าของทั้งคู่ไปซัก ร่างสูงซึ่งยืนแต่งตัวอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งหันมามองสาวน้อยที่นั่งตัวลีบอยู่บนโซฟา แล้วเดินไปทรุดตัวนั่งลงข้างๆ พาดลำแขนไปตามพนักพิงในท่วงท่าแบบสบายๆ แต่ทำเอาแพรมุกสั่นสะท้านด้วยความตื่นเต้นทันที

“ความจริงพายุเข้าก็ดีเหมือนกัน เราจะได้นั่งคุยกันสบายๆ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel