บท
ตั้งค่า

บทที่ 4 (1)

อีก 10 นาทีต่อมา บัณฑิตาก็ออกมาจากห้องน้ำในชุดราตรีสีแดงเพลิง ที่เข้ารูปได้สวยกับเรือนร่างอรชรอ้อนแอ้นของเธอ

ชุดราตรีสีแดงเพลิงแบบเกาะอก จับจีบตรงเอวคอดกิ่วปล่อยชายยาวเฟื้อยไปกับพื้นพรม ช่วยขับผิวของผู้สวมใส่ให้ดูขาวผ่องชวนพิศยิ่งนัก ขนาดว่าผู้เป็นเจ้าของชุดที่เดินกลับเข้ามาในห้องอีกครั้งพร้อมกับหน้ากากสีทองในมือ ถึงกับตกตะลึงไม่นึกว่าชุดราตรีที่มองดูราบเรียบตอนอยู่บนหุ่นในร้าน จะดูสวยงามขึ้นมาทันที เมื่อได้ผู้สวมใส่ที่แสนจะงดงามอย่างบัณฑิตา

“อุแม่เจ้า! เธอสวยมากเลยไข่หวาน”

บัณฑิตาหมุนตัวไปมาหน้ากระจกเงาบานใหญ่ ก่อนจะเอ่ยถามเพื่อนสาวด้วยความไม่มั่นใจ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอมีโอกาสได้สวมใส่ชุดแบบนี้

“สวยจริงหรือดารีน แต่ไข่หวานว่าชุดมันคับๆ ไปนะ ยิ่งตรงหน้าอกนะ มันรัดติ้วจนไข่หวานหายใจแทบไม่ออก”

ดารีนหลุบสายตามองตามคำบอกของบัณฑิตา พอได้เห็นดอกบัวปริ่มน้ำ ขาวผ่องยองใยที่ดูอะร้าอร่ามเกือบล้นจากขอบชุดราตรี ก็ถึงกับเบิกตาโตไม่นึกว่าเพื่อนสาวจะซ่อนรูปได้ถึงเพียงนี้

“ไข่หวาน เคยมีใครบอกไหมว่าเธอเป็นคนที่สวยที่สุด”

บัณฑิตาส่ายหน้าปฏิเสธ พลางขยับตัวเสื้อให้เข้าที่เข้าทางให้มากกว่าเดิม จากนั้นก็เอ่ยถามความเห็นเพื่อนสาวอีกครั้ง

“ดารีน เธอว่ามันไม่คับแน่นเกินไปหรือ มองดูแล้วน่าเกลียดจัง”

“ไม่เลยไข่หวาน ผู้ชายคนไหนเห็นว่าเธอสวมชุดนี้แล้วน่าเกลียด ผู้ชายคนนั้นมันก็ตาบอดแล้ว”

ดารีนค้านความคิดของเพื่อนสาวแสนสวย ยอมรับว่าบัณฑิตาสวยงดงามไม่ต่างจากเจ้าหญิง เมื่อได้อยู่ในชุดราตรีสีแดงเพลิง เธอเชื่อว่าหากชีคฮาริค ผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเสือผู้หญิงตัวยงได้เห็นบัณฑิตาเข้า จะต้องทรงชื่นชอบเพื่อนสาวของเธออย่างแน่นอน

“นั่งลงนะไข่หวาน เดี๋ยวฉันแต่งหน้าทำผมให้อีกนิดหน่อยก็เรียบร้อยแล้ว”

ช่างแต่งหน้าทำผมจำเป็น ได้จับร่างบางระหงในชุดราตรีแสนสวยให้ทรุดกายลงนั่งหน้าตนเอง จากนั้นก็ลงมือแต่งหน้าทำผมให้กับบัณฑิตาด้วยหลักสูตรเร่งรัด เพียงไม่กี่นาทีก็เสร็จเรียบร้อย ซึ่งนาทีนี้เธอต้องทำทุกอย่างให้เร็ว ให้ไวที่สุด เพราะเวลากำลังงวดไล่หลังมาทุกขณะจิตแล้ว

“เสร็จแล้วไข่หวาน”

ดารีนวางอุปกรณ์แต่งหน้าทำผมลง พร้อมกับจับร่างเพื่อนสาวให้หันซ้ายหันขวาสำรวจความเรียบร้อยอีกครั้ง ก่อนจะไปปรากฏโฉมต่อสายตาของชีคฮาริคในนาทีถัดไป

“สวยไม่มีที่ติเลยไข่หวาน เธอคนเดียวเท่านั้น ที่สมควรจะได้เป็นซินเดอเรลล่าในคืนนี้”

“เดี๋ยวก็รู้ว่าจะได้เป็นซินเดอเรลล่าหรือได้เป็นนางซินเหมือนเดิม”

บัณฑิตาเอ่ยอย่างปลงๆ พอได้มองตัวเองในกระจกเงา ก็รู้สึกได้ว่าตัวเธอนั้นแปลกตาไปจริงๆ ชุดราตรีเกาะอกสีแดงเพลิง ส่งให้เธอดูสวยสง่าราวกับเจ้าหญิงในนิทาน

“เอานี่ ดื่มพั้นซ์ย้อมใจหน่อยนะไข่หวาน”

ดารีนรินพั้นซ์สีสวยมาให้เพื่อนรักครึ่งแก้ว ซึ่งบัณฑิตาก็ได้ส่ายหน้าปฏิเสธรัวเร็ว

“ไม่เอาหรอกดารีน”

“เอาหน่อยน่าไข่หวาน ย้อมใจสักนิด จะได้กล้าเข้าไปเดินเฉิดฉายสู้กับพวกนางแบบดาราที่อยู่ในห้องจัดเลี้ยง”

ดารีนคิดว่าบัณฑิตาไม่อยากดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ผสมอยู่ด้วย จึงได้คะยั้นคะยอให้บัณฑิตาได้ดื่มน้ำพั้นซ์ เพื่อเป็นการสร้างแรงกระตุ้น เพิ่มความกล้าให้กับตัวเอง แต่พอได้ยินความต้องการของเจ้าของนัยน์ตาสีนิล ก็ถึงกับหัวเราะร่วนอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่

“พั้นซ์นะน้อยไป ไข่หวานของบรั่นดีสักอึกสิดารีน”

“ได้เลยไข่หวาน เดี๋ยวฉันจัดให้”

ว่าแล้วดารีนก็รินบรั่นดีมาให้ผู้ร้องขอเกือบครึ่งแก้ว พอรับไปถือในมือได้แล้ว บัณฑิตาก็กระดกให้น้ำสีอำพันไหลเข้าสู่ลำคอแบบรวดเดียวหมดแก้ว พอน้ำสีอำพันไหลลงบาดลำคอเคลื่อนสู่กระเพาะ สู่เส้นเลือดก็รู้สึกร้อนฉ่า หน้าแดงซ่านโดยไม่ต้องพึ่งบรัชออนใดๆ

“ไข่หวานพร้อมแล้ว ไปกันเลย”

บัณฑิตารวบรวมกำลังใจให้กับตนเอง พยายามนึกถึงน้องสาวให้มากที่สุด ขณะได้เดินเข้าสู่บริเวณจัดงานเลี้ยง ที่ยังไม่แน่ใจว่าจะเปลี่ยนมาเป็นลานประหารชีวิตของเธอหรือเปล่า...

บัณฑิตาพร้อมด้วยดารีนเดินมาถึงประตูทางเข้าห้องจัดงานเลี้ยง ก่อนที่จะถึงเวลาเที่ยงคืนแค่ไม่กี่สิบนาที พอได้กวาดสายตามองเข้าไปภายในห้องจัดงานเลี้ยง ผู้ที่อยู่ในชุดราตรีสีเพลิงสวมหน้ากากสีทอง ที่ดารีนไปขโมยมาจากใครก็ไม่รู้ ก็เกิดอาการหวั่นเกรงตัวสั่นชะงักเท้าอยู่กับที่ ก่อนจะหันมามองเพื่อนสาวด้วยสายตาหวาดหวั่น

“ดารีน คนเยอะขนาดนี้เลยหรือ”

“ก็ใช่นะสิ คนพวกนี้นี่แหละ ที่ทำให้เธอกับฉันทำงานจนไม่ได้หยุดมือ”

ดารีนรับคำพลางกวาดสายตามองแขกเหรื่อในห้องจัดงานเลี้ยงอีกครั้ง เพราะแขกที่ได้รับเชิญมีค่อนข้างมากนี่เอง บรรดาเด็กเสิร์ฟทั้งหลายแหล ซึ่งรวมถึงตัวเธอและบัณฑิตาต้องทำงานมือเป็นระวิง

“กลับกันเถอะดารีน คนเยอะขนาดนี้ ชีคฮาริคคงไม่ชายตามาแลไข่หวานหรอก”

บัณฑิตาเกิดอาการฝ่ออย่างช่วยไม่ได้ เท้าเล็กในรองเท้าส้นสูงถอยกรูดทำท่าจะหันหลังกลับ แต่ก็ถูกมือใหญ่ของดารีนจับยึดไว้เสียก่อน

ดารีนพยักหน้าหงึกๆ เห็นด้วยกับคำพูดของเพื่อนสาว หัวสมองขบคิดหาวิธีที่จะช่วยเรียกร้องความสนใจจาก

ชีคฮาริคให้มาตกอยู่ที่เพื่อนสาวสุดเซ็กซี่ของเธอ พลันนั้นสายตาก็เหลือบมองเห็นเด็กเสิร์ฟถือถาดเครื่องดื่มกำลังจะเดินผ่านตนเองกับบัณฑิตาไป ก็รีบคว้าแก้วทรงดอกทิวลิปมาถือไว้ในมือ พร้อมกับพึมพำพูดอยู่คนเดียว

“ฉันเห็นด้วยกับเธอนะไข่หวาน คนเยอะจริงๆ เพราะฉะนั้นก็ต้องเรียกร้องความสนใจกันสักหน่อย...”

ว่าแล้วดารีนก็ปล่อยแก้วในมือให้ตกลงสู่พื้นตามแรงโน้มถ่วงของโลก พลันนั้นก็เกิดเสียงแก้วแตกกระจาย

และก็นับว่าโชคชะตาได้เข้าข้างบัณฑิตาเหลือเกิน เมื่อจังหวะที่ดารีนปล่อยแก้วลงสู่พื้น ก็เป็นจังหวะเดียวกันที่วงออเคสตร้าได้บรรเลงเพลงจบพอดิบพอดี เสียงแก้วทรงสวยที่แตกกระจาย จึงเรียกร้องความสนใจจากทุกคนได้มาก โดย

เฉพาะราชนิกุลหนุ่ม ที่รีบหันมามองยังบริเวณที่เกิดทันที

เพล้ง!!!

“เข้าไปเลยไข่หวาน”

ไม่ได้พูดปากเปล่า แต่ดารีนได้ผลักหลังเพื่อนสาวเต็มแรง ให้เข้าไปภายในห้องจัดงานเลี้ยง แต่ไม่รู้ว่าเธอกะน้ำหนักในการผลักมากเกินไป หรือด้วยบัณฑิตาไม่ทันได้ระวังตัว พอถูกผลักหลังเต็มแรง บัณฑิตาก็หัวคะมำไปข้างหน้า ชายกระโปรงชุดราตรีก็เหลือร้าย นอกจากจะยาวรุ่มร่ามแล้ว ยังพันแข็งพันขาคนใส่อยู่ตลอดเวลา พอผู้สวมใส่เซถลาไปข้างหน้าและเหยียบชายกระโปรงไปพร้อมๆ กัน สิ่งที่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นก็ได้เกิดขึ้นทันที เมื่อบัณฑิตาหัวคะมำล้มลงไปนั่งฟุบอยู่กับพื้นห้อง

“โอ๊ย! ยายดารีนบ้า เธอจะฆ่าฉันหรือยังไงฮะ!”

บัณฑิตาหันขวับไปตวาดเพื่อนสาวด้วยความโมโห แต่ทว่าดารีนไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว พอสร้างจุดสนใจให้กับเพื่อนสาวได้ ดารีนก็ทำตัวหายวับไม่ต่างจากผี รีบเผ่นแนบออกจากบริเวณดังกล่าวทันที

“อ้าว! ดารีน หายไปไหนแล้ว”

บัณฑิตาบ่นกระปอดกระแปด พยายามจะลุกขึ้นให้ได้ แต่ชุดราตรีเจ้ากรรมที่มีชายกระโปรงยาวเป็นหางว่าว ไม่ต่างจากชุดเจ้าสาว ได้พันแข้งพันขาเธอทำให้ลุกไม่ได้สักที จวบจนกระทั่งเห็นฝ่ามือใหญ่แสนอบอุ่นของใครบางคน ได้ยื่นมาตรงหน้า พร้อมกับน้ำเสียงห้าวทุ้มทรงอำนาจได้เปล่งวาจาถามออกมา ก็ถึงกับสะดุ้งเฮือกเพราะความตกใจ

“มีวิธีเรียกร้องความสนใจได้น่าดูชมมากเลยนะสาวน้อย ให้เราช่วยพยุงลุกขึ้นไหม”

ก่อนหน้านี้ชีคฮาริคยังคงนั่งเอามือเท้าคาง มองบรรดาแขกเหรื่อที่ออกไปวาดลวดลายบนฟลอร์เต้นรำด้วยความเบื่อหน่าย ด้วยพระองค์ยังไม่รู้ว่าจะโยนพวงมาลัยเลือกหญิงสาวคนไหน ให้มาเต้นรำกับพระองค์ในค่ำคืนนี้ ซึ่งมองไปทางไหนพระองค์ก็เห็นแต่สาวๆ หน้าเดิม แม้พวกเธอเหล่านั้นจะสวมหน้ากากปกปิดใบหน้าไว้ครึ่งหนึ่ง แต่พระองค์ก็ยังจำพวกเธอได้เป็นอย่างดี

“ คาฟาลเราจะกลับแล้ว เจ้าบอกยกเลิกงานเลี้ยงแทนเราด้วย”

เมื่อเบื่อหน่ายเกินกว่าจะทนนั่งในห้องจัดงานเลี้ยงได้อีกต่อไป ชีคฮาริคทรงผุดลุกขึ้นทำท่าจะเดินออกจากห้องโดยไม่สนใจคำประท้วงขององครักษ์ คาฟาล

“ฝ่าบาท เดี๋ยวก่อนพ่ะย่ะค่ะ”

องครักษ์ คาฟาลตะโกนร้องห้าม พร้อมกับผุดลุกขึ้นยืนทำท่าจะคว้ามือของเจ้าเหนือหัวไว้ แต่พลันนั้นก็เกิดเสียงแก้วตกแตกดังก้องไปทั่วห้อง เรียกร้องความสนใจให้ตัวเขาพร้อมด้วยเจ้าแห่งทะเลทราย ได้หันไปมองยังที่มาของเสียงดังกล่าว

เพล้ง!!!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel