18 รสนาถูกจับมัด
“โอ๊ย! พ่อ เจ็บนะ”
“มึงกล้าพูดอย่างนี้กับกูเชียวเหรอ ไม่ใช่เพื่อนเล่นนะ กูเป็นพ่อมึง”
“ไม่ อย่ามายุ่งกับฉัน ไม่อยู่แล้ว บ้านนี้”
“ไม่อยู่ก็ต้องอยู่ ไอ้ทอง ไอ้ทองอยู่ไหน”
ไทยเรียกหาลูกชายคนโปรด แต่ไม่เห็นเพราะเด็กชายทองหวาดกลัว วิ่งไปหลบใต้ถุนบ้าน กำไลเมียคนที่สองกระโจนเข้าหา ทั้งที่ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบเลือดเกรอะกรัง
“พี่ไม่ต้องเรียกหาไอ้ทองหรอก กำไลก็ได้”
“ไปเอาเชือกไนล่อนมา”
“พี่จะทำไม เฆี่ยนนังผู้ร้ายใจดำนี่เหรอ”
“เอามาก่อนเถอะน่าแล้วจะได้รู้ว่าการที่พูดอย่างนี้กับพ่อมันจะได้รับโทษยังไง เลว เลว ลูกบ้าอะไร เลวได้ใจขนาดนี้”
ไทยส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดในหัวใจ เมื่อรสนาบอกว่าเกลียดพ่อ แม้ว่าไม่ได้ดูดำดูดีอะไรนักหนา แต่ก็เป็นลูก มีความรักให้ แต่รสนากลับทำให้ช้ำ ไทยไม่อาจทนได้ เมื่อได้เชือกมา เขาไม่รอช้าที่จะมัดมือทั้งสองข้างเอาไว้กับต้นเสา
รสนาเห็นดังนั้น ดิ้นรนขัดขืน ไม่ยอมให้พ่อทำตามที่ต้องการ ส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือลั่น ไม่อายแต่อย่างใด
“พ่อ ปล่อยนะ มัดฉันไม่ได้นะ ช่วยด้วยๆ ใครก็ได้ช่วยที”
“หยุดร้องได้แล้ว ความเลวที่ทำเอาไว้ ไม่มีใครรับได้ กำไล”
“จ๋า พี่ไทย มีอะไรให้กำไลช่วยจ๊ะ”
“เอาไม้นั่นมา”
“ได้เลยจ้ะพี่ นี่จ๊ะ จัดการฟาดหลังนังผู้ร้ายคนนี้เลย เอาให้หนักจะได้เลิกกำแหงเสียที เด็กเปรต”
แม่เลี้ยงใจร้ายยิ่งกว่าในนิทานยื่นไม้ขนาดเหมาะมือส่งให้ไทยด้วยใบหน้ากระหยิ่มยิ้มย่อง ไทยไม่รอช้า ฟาดลงไปที่แผ่นหลังเต็มแรง ร่างอ้อนแอ้นสะดุ้งโหยง หวีดร้องสุดเสียง
“อ๊าย พ่อ อย่า อย่า”
“ไม่ต้องร้อง ไม่อย่างนั้นหนักยิ่งกว่านี่ นังลูกเลว นี่แน่ะๆ”
“ตีไปเลยพี่ เอาให้หลังยับ ดูสิ มันทำกำไล หน้าเต็มไปด้วยเลือด”
แรงเชียร์จากกำไล เพิ่มแรงโกรธยิ่งกว่าเดิม ไทยไม่รอช้าฟาดและฟาดลงไปที่หลังลูกสาว ไม่สนใจเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด เพื่อนบ้านที่ได้ยินพากันวิ่งมาดู ต่างสงสารรสนาจะเข้ามาช่วยก็ไม่กล้า รู้ว่าเป็นเรื่องภายในครอบครัว แต่ก็มีบางคนวิ่งไปบอกกำนันอ่วมให้มาช่วยระงับเหตุ ก่อนที่รสนาจะแย่ยิ่งกว่านี้
“กำนัน กำนัน ช่วยด้วยเถอะ”
“มีอะไร เสียงดังเชียวนะเอ็ง อ้าว พูดไม่ออกซะแล้ว”
“ก็นังนาน่ะสิ มันถูกไอ้ไทยมัดติดกับเสาแล้วฟาดด้วยไม้ใหญ่ ยังกับวัวกับควาย ฉันกลัวมันจะตายเสียก่อน”
ลูกบ้านผู้ทำหน้าที่เป็นพลเมืองดีเล่าพลางล้มลงไปนั่งกับพื้น หอบเสียงดัง ท่าทางเหนื่อยขนาดหนัก กำนันอ่วมกับอรดีหูผึ่ง เมื่อรับรู้ว่าเด็กสาวผู้น่าสงสารถูกพ่อทำร้ายราวกับเป็นทาสในสมัยก่อน
“พ่อ ต้องไปช่วยนานะ ไม่อย่างนั้นถูกน้าไทยตีตายแน่”
“เออ ไปอยู่แล้วล่ะ ไอ้ไทยมันเป็นอะไรไปวะ หรือว่าหลงนังกำไล ไม่น่าจะใช่อยู่กันจนไอ้ทองโตตัวเกือบเท่าควายอยู่แล้ว หน้ามันก็มีแต่ฝ้าดำพรืด”
“ไปเถอะพ่อ อย่าเพิ่งวิเคราะห์อะไรเลย ไปช่วยนา ป่านนี้ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงบ้าง”
“ไปๆ ข้าก็สงสารมันไม่น้อย นาเอ๊ย ไม่น่าเลย”
สองพ่อลูกไม่รอช้าขี่มอเตอร์ไซค์ไปด้วยความเร็ว เพียงไม่นานถึงบ้านโกโรโกโสที่เกือบจะพังมิพังแหล่ เสียงรสนายังคงร้องด้วยความเจ็บปวดให้ได้ยินเป็นระยะ อรดีเป็นห่วงเพื่อนกลัวว่าจะเจ็บหนักกระโดดลงจากรถทั้งที่จอดยังไม่สนิทดี วิ่งเข้าไปในบ้านด้วยความเร็ว กระโจนพรวดเดียวขึ้นไปยืนอยู่ข้างบน ไทยกับเมียสะดุ้งโหยง
“หนูอร มาได้ไง”
“น้าไทย หยุดตีนาได้แล้ว รู้ไหมว่าทำอย่างนี้มีความผิด”
“อะไรกันจ๊ะหนูอร น้ากำไลว่าไม่ผิดหรอก พ่อตีลูกตัวเอง จริงไหมจ๊ะพี่ไทย”
กำไลจีบปากจีบคอพูดก่อนจะหันไปถามความคิดเห็นจากไทยที่ยังคงยืนนิ่ง ไม้ท่อนใหญ่ยังถืออยู่ในมือ ใกล้ๆ กัน รสนาถูกมัดโยงเอาไว้กับต้นเสา อ่อนเปลี้ยเพลียแรง เข่างอ คอพับคออ่อน ใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาเอียงไปข้างหนึ่ง
“ไม่จริง เดี๋ยวนี้มีกฎหมายออกมาแล้ว ใครก็ตามที่ตีลูกเกินกว่าเหตุจะถูกจับ โทษฐานทำร้ายร่างกาย”
“น้าก็แค่สั่งสอนมัน ไม่ให้ทำร้ายกำไล”
“ใช่ ดูหน้า น้าสิ เห็นไหมมีแต่เลือด แถมบวมจนแทบแตกขนาดนี้ นังนามันข่วนแล้วตบ ไม่รู้จักเด็กจักผู้ใหญ่ ถ้าไม่ลงโทษก็จะได้ใจ”
กำไลยื่นหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยแผลที่เกิดจากเล็บข่วนมีเลือดแห้งและบางส่วนซึมออกมาจากรอยแผล อรดีถอนใจเฮือกใหญ่ รู้ว่าเป็นเรื่องที่ยากจะออกความเห็น เพราะต่างแรงด้วยกันทั้งคู่ กำนันอ่วมตามมาสมทบ รับรู้เรื่องทั้งหมดและถอนใจออกมา