บทที่ 1
บทนำ
โปรดอย่าถาม ว่าฉันเป็นใครเมื่อในอดีต
และโปรดอย่าถาม ว่าอดีต ฉันเคยรักใคร
รู้ไว้อย่างเดียว เดี๋ยวนี้รักเธอ และรักตลอดไป
รักมากเพียงไหน กำหนดวัดได้ เท่าดวงใจฉัน
อย่าเพียรถาม ว่าฉันรัก เธอนานเท่าใด
ฉันตอบไม่ได้ ว่าฉันรัก ชั่วกาลนิรันด์
เพราะชีวิตฉัน คงไม่ยืนยาวไปถึงป่านนั้น
รู้แต่เพียงฉัน หมดสิ้นรักเธอ เมื่อฉันหมดลม
(เพลง จงรัก / คำร้อง จงรัก จันทร์คณา)
เสียงดนตรีเปียโนบรรเลงแผ่วพลิ้ว คละเคล้ากับเสียงใสราวระฆังแก้วของนักร้องที่ยืนร้องคลออยู่ข้างๆ กับเปียโนสีดำ Yamaha รุ่น UK บรรเลงโดยนักดนตรีซึ่งเป็นเพียงเด็กชายร่างสูงโย่ง ผิวขาวจัด นิ้วของเขาบรรเลงไปตามคีย์ของเปียโนอย่างเชี่ยวชาญ มีลูกเล่นเฉพาะตัวทำให้เพลงอมตะนั้นฟังไพเราะยิ่งนัก จนกองเชียร์อีกสองคนที่ยอมสละงานบ้านมายืนฟังอยู่ข้างๆ ถึงกับเคลิ้มกันไปเลยทีเดียว
เสียงปรบมือดังขึ้นเมื่อเงียบเสียงตัวโน้ตตัวสุดท้ายแล้ว นักดนตรีตัวน้อยหันมายิ้มให้กับมารดาจนแก้มบุ๋ม ตาหยีจนแทบจะปิด กันทิราโอบบ่าเล็กๆ นั้นไว้ ก่อนจะมองหน้าของบุตรชายอย่างภาคภูมิใจ
“ถูกใจไหมจ๊ะ ตัวเล็ก ของขวัญวันเกิดของแม่”
ตัวเล็ก อย่างที่มารดาเรียกขาน แต่ใครๆ ในบ้านเรียกว่าคุณวี ลุกขึ้นโอบรอบร่างเพรียวของมารดา เงยหน้ามองดูท่านด้วยสายตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก เด็กชายยังไม่ยอมหุบยิ้มแห่งความปลื้มเปรมนั้นโดยง่าย เขามองเปียโนตัวงามอย่างแสนรัก มีตัวอักษรชื่อย่อเค สลักอยู่ที่ตรงฝาครอบคีย์ บ่งบอกว่ามันเป็นของขวัญที่ถูกซื้อมาเพื่อเขา
“ถูกใจที่สุดเลยครับ ผมจะใช้เปียโนตัวนี้ฝึกทุกวัน จนถึงวันลงแข่งเลยนะครับแม่เกด ผมจะต้องคว้ารางวัลที่หนึ่งของระดับเยาวชนมาให้ได้”
“ขอให้เป็นสิ่งที่ตัวเล็กมีความสุข แม่ก็มีความสุขเหมือนกันกับตัวเล็กด้วยจ้ะ”
ท่านโอบรัดเขาแน่นเข้า สองแม่ลูกกอดกันอย่างอบอุ่น ทำให้หญิงต่างวัยอีกสองคนลอบมองหน้ากัน สองสายตาที่สบกันนั้น มีแววแห่งความวิตกกังวลซ่อนอยู่เมื่อมองที่เปียโนหลังงาม ของขวัญวันเกิดของ กันต์ระวี บุตรชายคนเดียวของบ้าน พิพิธชัยสกุล
“ป้าแช่ม พี่แววครับ อยากฟังเพลงอะไรบอกมาได้เลยนะครับ เดี๋ยวผมจะเล่นให้ฟัง”
กันต์ระวีหันมาเอ่ยเสียงแจ้วกับพวกเธอที่ยืนอยู่ หญิงวัยกลางคนหน้าตาใจดีรีบยิ้มตอบ พลางเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะ
“ป้ารู้จักแต่เพลงลูกทุ่งน่ะคุณวี เพลงเพราะๆ ลูกกรุงอย่างที่คุณผู้หญิงร้อง ป้าไม่ค่อยรู้จักหรอกค่ะ คุณวีเล่นไปเถอะค่ะ คุณวีเล่นเพลงอะไรก็เพราะ”
“ถ้าอย่างนั้น...”
เด็กชายย่นจมูก ใบหน้าขาวๆ นั้นแดงเรื่อเล็กน้อยอย่างขัดเขิน เมื่อหยิบโน้ตเพลงที่ใช้ดินสอเขียนและมีรอยลบบางแห่งออกมาวางไว้ตรงหน้า
“ผมมีเพลงที่แต่งเองน่ะครับ อยากให้ลองฟังกันดู แต่ยังไม่ได้ตั้งชื่อเพลงเลย ผมแต่งให้แม่เกดครับ”
คำพูดนั้นของบุตรชายทำให้กันทิราเต็มตื้น จนต้องลอบเช็ดน้ำตาแห่งความปลาบปลื้มนั้น เสียงเปียโนดังขึ้นอย่างไพเราะ มีท่วงทำนองอ่อนหวาน จากฝีมือของบุตรชายที่ได้ยินตอนนี้ ก็ยิ่งทำให้กันทิราเชื่อมั่นว่าบุตรชายเกิดมาเพื่อเป็นอัจฉริยะทางนี้โดยแท้
เสียงเพลงนั้นก่อให้เกิดความรู้สึกอบอุ่น และอ่อนหวาน ราวกับกำลังเดินท่องเที่ยวอยู่ในทุ่งดอกไม้ท่ามกลางแสงแดดอ่อนๆ แม้แต่สองสาวต่างวัยที่ไม่รู้จักเพลงคลาสสิคอย่างนางแช่มหรือแวว ก็ยังพลอยรับรู้ถึงความรู้สึกนั้นไปด้วย เมื่อเด็กชายบรรเลงจบลง จึงเรียกเสียงปรบมือขึ้นมาได้อีกรอบ
“นี่มันอะไรกัน!”
เสียงตวาดห้วนๆ ดังขึ้นที่หน้าประตูบ้าน ขัดจังหวะช่วงเวลามีความสุขของทุกคนในบ้านพิพิธสกุลชัย แช่มและแววรีบหลบหลีกหนีไปอย่างนกรู้ ที่ว่าไม่อยากเกี่ยวข้องกับเรื่องส่วนตัวของเจ้านาย
“เอ่อ...คุณหยง”
กันทิราถึงกับกลืนน้ำลายเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ของสามี เขามีสีหน้าบึ้งตึงยามที่ตวัดตามองเปียโนหลังงามที่มีบุตรชายกำลังนั่งอยู่ตรงนั้นยิ่งนัก หยงชางเดินตรงเข้ามาหาภรรยา ก่อนจะฝืนยิ้มให้กับบุตรชายที่ทำตาโตเมื่อเห็นพ่อตีหน้ายักษ์ใส่แม่ มือของเขาจับต้นแขนนิ่มเนียนไว้แน่น ถลึงตาใส่เธอเป็นเชิงปราม พลางเอ่ยเสียงนุ่มนวลลงให้กับกันต์ระวี
“วี ลูกขึ้นไปข้างบนก่อนนะลูก ป๊ามีธุระอยากจะคุยกับแม่เขา วันนี้มีการบ้านไหม?”
“มะ...มีครับ”
กันต์ระวีค่อยๆ ลุกเดินออกมาจากที่นั่ง แล้วมองบิดาด้วยสายตาขลาดๆ หยงชางไม่เหมือนกันทิรา เพราะเขาเป็นคนค่อนข้างดุ และมีมาตรฐานที่เข้มงวดกับบุตรชาย จึงทำให้กันต์ระวีค่อนข้างจะกลัวเกรงท่านมาก
“ถ้าอย่างนั้นวีขึ้นไปทำการบ้าน ป๊าหวังว่าคงจะไม่ได้ยินเสียงเปียโนนี่อีกตลอดวันนี้ แล้วเดี๋ยวป๊าจะขึ้นไปตรวจ”
ขาดคำของหยงชาง กันต์ระวีก็รีบวิ่งขึ้นไปบนชั้นสองอย่างรวดเร็ว เข้าไปในห้องของตนเอง ที่มีรูปโปสเตอร์ของการ์ตูนตัวโปรดติดอยู่ที่หน้าประตูห้อง
เด็กชายลงมือรื้อค้นกระเป๋านักเรียน แล้วดึงเอาสมุดการบ้านออกมา เขากัดริมฝีปากก่อนจะเริ่มอ่านและตั้งใจมีสมาธิกับงานตรงหน้า แต่แล้วหูของเขาก็แว่วได้ยินเสียงทุ่มเถียงดังมาจากชั้นล่าง จนต้องละงานที่ทำค้างไว้ แล้วค่อยแอบย่องออกมาจากห้องนอน เสียงที่ดังนั้นเป็นเสียงของบิดา ส่วนของมารดามีเพียงเสียงของท่านร้องไห้กระซิกเพียงเท่านั้น
กันต์ระวีเกาะราวบันไดแน่น แล้วกัดริมฝีปาก เด็กชายตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว เหตุการณ์นี้ไม่เคยเกิดขึ้นในบ้านพิพิธชัยสกุล ตั้งแต่จำความได้ ทั้งบิดาและมารดาของเขารักกันมาก แต่หยงชางมีอาการแปลกไปเมื่อสองสามเดือนมานี้ บิดาของเขามักจะหาเรื่องมาทะเลาะกับมารดาเสมอ และแทบทุกคืน กันทิราก็จะมานอนห้องเดียวกับบุตรชาย กอดกันต์ระวีแนบอก เขารับรู้ว่าบางคราวท่านร้องไห้ แต่กันต์ระวีก็ไม่กล้าถามไถ่ ว่าเกิดอะไรขึ้น ท่านทั้งสองถึงต้องมาทะเลาะกันแบบนี้
“เปียโนนี่ ของนายวี เธอมีปัญญาซื้อด้วยเหรอ เกด เงินของใคร ของมันใช่ไหม?”
“คุณหยง!”
กันทิราร้องไห้โฮออกมาอย่างสุดกลั้น ขณะที่หยงชางกอดอก มองดูภรรยาคู่ชีวิตที่เขาเคยรักมาตลอดสิบสามปี
ใช่! เขาเคยรักนางแพศยานี่ แต่ตอนนี้เขาหมดรักเธอแล้ว ตั้งแต่รู้ชัดกับตา ว่ากันทิราสวมเขาให้กับเขา! และชายชู้ไม่ใช่ใครที่ไหนไกลเลย แต่กลับกลายเป็นณัฐเพื่อนรักของเขาเอง
“เธอจะมีปัญญาที่ไหนมาซื้อของแพงๆ แบบนี้ให้ลูก หึๆ”
หยงชางหัวเราะ สายตาที่มองเธอช่างโหดร้ายนัก เขากอดอก มองร่างอวบอิ่มงดงามของภรรยาชนิดหัวจรดเท้า เล่นเอาหญิงสาวหน้าร้อนวูบ เมื่อถูกมองด้วยสายตาดูถูกแบบนั้น ร่างกายของเธอตอบโต้ไปก่อนที่สมองจะทันสั่งให้หยุด ก่อนที่เรื่องราวจะบานปลายไปกว่านี้
เพี๊ยะ!
ใบหน้าขาวจัดคมสันหันไปตามแรงตบ กันทิรากรี๊ดใส่หน้าเขา ก่อนจะวิ่งออกไปจากบ้าน กันต์ระวีได้ยินชัดทุกถ้อยคำ สมองของเด็กวัยสิบสองเริ่มประมวลผล พ่อกับแม่ทะเลาะกัน เพราะว่าพ่อบอกว่าแม่มีชู้ มีชู้ก็คือการนอกใจ น้ำตาของกันต์ระวีไหลพราก ความเชื่อมั่นในตัวของมารดา ทำให้เด็กชายไม่เชื่อว่ากันทิราจะทำแบบนั้นจริงๆ
เขาค่อยเดินไหล่ตก หนีเข้าไปในห้อง ขึ้นไปยังเตียงขนาดเล็กของตนเอง และคว้าตุ๊กตาอุลตร้าแมนตัวโปรดที่เป็นตัวที่เขาติดกอดนอนแม้จะอายุเกือบจะเข้าวัยรุ่นแล้วก็ตาม แต่เจ้าตุ๊กตาสีตุ่นๆ เก่าๆ นี่ก็เป็นของรักของหวง เพราะเป็นของที่บิดาและมารดาซื้อให้
กันต์ระวีร้องไห้สะอื้น ซุกหน้าเปื้อนน้ำตากับเจ้าตุ๊กตาตัวโปรด หัวใจของเด็กชายแตกร้าว กับสิ่งที่ได้ยิน เขาโกรธบิดาที่กล่าวหามารดาของเขาแบบนั้น
ป๊าใจร้าย ใจร้ายที่สุด แม่เกดเป็นคนดี แม่เกดไม่นอกใจ ไม่ทำผิดศีล ป๊าด่าแม่เกด ป๊าใจร้าย...