5 เริ่มต้นเดินทาง
คณะราชทูตจากเป่ยฮั่นจากไปได้ไม่กี่วัน หนานรั่วซีก็ฟื้นขึ้น แพขนตาของนางสั่นไหว พระพี่เลี้ยงเห็นการเคลื่อนไหวของนางเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน ไม่นานคนตัวเล็กที่นอนไม่ได้สติก็ลืมตาฟื้นขึ้น อย่างช้า ๆ
“หิวน้ำ” นางร้องเรียกหาน้ำ
อันอันที่คอยดูแลนางไม่ห่างกายตกใจจนน้ำตาไหล องค์หญิงของนางฟื้นแล้ว รีบกุลีกุจอทำตามที่คนป่วยบอก
“เจ้าค่ะ น้ำอยู่นี่เจ้าค่ะ”
“อันอันเจ้าร้องไห้ทำไม ข้าไม่ได้เป็นอะไรมากเสียหน่อย”
“ร้องไห้เพราะเป็นห่วงพระองค์ไงเจ้าคะ”
“หึ ข้าหลับไปกี่วันกันล่ะครั้งนี้” นางถามพระพี่เลี้ยงดูท่าครั้งนี้นางน่าจะหลับไปนาน
“ราว ๆ เดือนครึ่งเจ้าค่ะ ตั้งแต่หยวนอ๋องพาท่านกลับมา ท่านก็ไม่ฟื้นอีกเลย จนกระทั่งหยวนอ๋องจากไปวันนี้วันที่ 5 ท่านจึงฟื้น”
คำพูดของอันอันทำนางตกใจ หลับไปนานขนาดนั้นเชียวหรือ เมื่อไหร่กันที่ร่างกายนางจะแข็งแรงเสียที แม้กระทั่งเขาจากไปแล้วนางก็ไม่ได้เห็นหน้าเขา น่าเศร้าใจนัก
“ระหว่างนี้ใครมาเยี่ยมข้าบ้าง” คนป่วยถามอย่างใคร่รู้
“เสด็จพ่อ เสด็จแม่ของท่านแล้วก็องค์ชายใหญ่องค์หญิงอันรั่ว และอายงเจ้าค่ะ เขามาเฝ้าท่านทุกวันเลย ดอกไม้ในแจกันนั่นก็เป็นเขาที่นำมาเปลี่ยน เขาว่าหากท่านฟื้นมาเห็นดอกไม้สีสันสดใสจะอารมณ์ดี”
งั้นหรือไม่มีเขาสินะ
“งั้นหรือ” นางยิ้มให้อันอัน
“พูดถึงหยวนอ๋อง ตั้งแต่วันที่เขามาส่งท่านข้าก็ไม่เห็นเขามาเยี่ยมท่านเลยสักวัน ส่งแต่หมอมาเท่านั้น และข้าได้ยินว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับองค์หญิงอันรั่วรุดหน้าไปมากสงสัยจะได้เขามาเป็นพี่เขยของท่านแล้วล่ะเจ้าค่ะ” อันอันพูดในสิ่งที่นางเห็น ในสิ่งที่นางรู้สึก
“อ้อ” นางรับคำอย่างเจ็บปวด นั่นสินะ ระหว่างที่นางหลับเรื่องราวของพวกเขารุดหน้าไปมากสินะ นั่นสิ ใครจะสนใจผู้หญิงอ่อนแอเช่นนาง หากนางเป็นหยวนอ๋องก็ต้องชอบอันรั่ว “เห้อ” นางถอนใจอย่างปลง ๆ
ใครกันจะอยากมาอดทนรอสตรีที่ล้มป่วยไม่ได้สติเป็นเดือน ๆ ดีแล้วที่เขาไม่ได้ชมชอบนาง หากใครมาชอบนางคนผู้นั้นคงต้องรู้สึกว่าชีวิตราวกับถูกคำสาป
“ท่านหิวหรือไม่เจ้าคะ ข้าจะให้ห้องเครื่องนำอาหารเข้ามา”
“หิวมาก” นางยื่นมือให้อันอันฉุดให้นางลุกขึ้นด้วยท่าทางซุกซน คนตัวเล็กกุมท้องอย่างน่าเอ็นดู นางแสร้งสดใสให้มากที่สุด แม้ในใจจะเจ็บปวดเมื่อได้ยินเรื่องของหยวนอ๋องและพี่สาวฝาแฝดก็ตาม
หากเป็นเช่นนั้น ถ้าพี่สาวนางได้เป็นพระชายาอ๋อง รั่วซีกะไว้แล้วว่าจะไปบวชชีครองตัวในเพศบรรพชิตตลอดไป ตอนนี้ความเจ็บปวดที่แขนยังหลงเหลืออยู่บ้างเล็กน้อย รั่วซีถลกแขนเสื้อข้างซ้ายเพื่อพินิจดูร่องรอยการบาดเจ็บ
แขนของนางมีรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ อ่อนแอไม่พอยังเป็นมีตำหนิบนร่างกาย ชีวิตนางถูกกำหนดให้เป็นเช่นนี้สินะ อุตส่าห์ได้เกิดมาเป็นองค์หญิงหน้าตางดงาม แต่ชีวิตเหมือนถูกสวรรค์กลั่นแกล้งตลอดเวลา
นางยิ้มเวทนากับตัวเอง
วันนั้นทั้งวันใครต่อใครก็ต่างเดินทางทยอยมาเยี่ยมนาง รั่วซีนึกอยากจะป่วยขึ้นมาอีกรอบเสียอย่างนั้น นางเห็นหน้าของทุกคนยกเว้นเพียงอายง เขาเป็นอะไรเมื่อรู้ว่านางฟื้นแล้วเหตุใดจึงไม่มาหานาง นางมีเรื่องอยากจะพูดคุยกับเขาหลายเรื่อง
พระชายาหมีเฮ่อมีความคิดอะไรดี ๆ บางอย่าง จึงรีบรุดหน้าไปหาผู้เป็นสามี
“ฝ่าบาท” นางทำนาตาแป๋ว
หนานปาอี้เห็นนางแล้วจึงต้องวางเอกสารในมือ ที่นางมาไม่ใช่มีเรื่องอะไรมาหลอกล่อเขาอีกใช่หรือไม่
“หมีเฮ่อ เจ้ามีเรื่องอันใด”
นางยิ้มทำตาปริบ ๆ ก่อนจะเปิดปากพูด “ข้าว่าจะพาพวกนางไปเป่ยฮั่น”
หนานปาอี้ขมวดคิ้ว นางกำลังคิดอะไรแผลง ๆ อย่างนั้นหรือ
“ท่านจำได้หรือไม่ว่า ตอนที่ข้าบาดเจ็บหนักได้หมอเทวดาเย่ลู่รักษา ตอนนี้เขายังติดค้างข้าอยู่หนึ่งเรื่อง ข้าจะให้เขารักษาซีเอ๋อ”
“เจ้ารู้หรือว่าเขาอยู่ไหน”
“ข้าย่อมรู้”
“ให้พวกเด็ก ๆ ไปกันเองเถอะ เจ้าก็อยู่ที่นี่กับข้า” เขาดึงภรรยาตัวเองมากอด อยู่ด้วยกันมาหลายปีความรักความไหลในตัวนางยังไม่ลดน้อยลงไป คนแคว้นซีตันเมื่อรักใครแล้วจะรักเพียงคนเดียวไม่มีสอง หนานปาอี้เคารพธรรมเนียมปฏิบัตินี้จึงไม่รับสนมสักคน เขายึดมั่นเพียงนาง เมื่อคิดว่านางหาเรื่องไปเที่ยวเล่นที่เป่ยฮั่นก็ไม่พอใจ
“ปาอี้ นะปาอี้” นางดีดหน้าผากเขาเบา ๆ
“เจ้าจะแอบไปเที่ยวเล่นเองน่ะสิ อาศัยช่วงที่ข้าไม่รู้ไม่เห็นไปทำอะไรลับหลัง”
นางทำหน้าเฉไฉเขารู้ความคิดนางตลอดสินะ นางไม่ได้กลับเป่ยฮั่นนานแล้ว มีสหายสนิทที่อยากไปพบหน้าเยอะแยะเต็มไปหมด
“ข้า...”
“ไม่ได้ ให้พวกเขาไปกันเอง เจินหยางโตแล้วสุขุมเยือกเย็นเขาดูแลพวกนางได้แน่นอน”
“ถ้าพวกลูก ๆ ไปกันหมดข้าจะเล่นกับใคร”
“งั้นมีอีกสักคนดีหรือไม่” หนานปาอี้โน้มตัวเข้าหานาง
ลมหายใจอุ่น ๆ ของเขาโลมเลียอยู่ที่ใบหูของนาง หมีเฮ่อขนลุกซู่
“ตรงนี้ไม่ได้” นางขัดเขา อายุปูนนี้แล้วเขาเห็นนางเป็นแม่หมูหรือยังไง จะให้นางมีบุตรอีกกี่คนกันเล่า
“เมื่อก่อนตรงไหนก็ทำได้ ทำไมวันนี้ไม่ได้”
หมีเฮ่อหน้าแดงแจ๋ อันที่จริงเมื่อก่อนเขากับนาง เอ่อ...ก็แทบไม่สนใจว่าจะเป็นที่ไหน แต่ตอนนี้ไม่ได้แล้วหรือไม่ หากเด็ก ๆ มาเห็นเข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
“งั้นกลับห้องกันเถอะ”
พูดจบหนานปาอี้ก็อุ้มภรรยาของกลับตำหนัก
ข่าวดี ข่าวดี!!
หนานอันรั่วรีบวิ่งมาที่ตำหนักของน้องสาว
“ไปเที่ยวเป่ยฮั่นกันเถอะ” อันรั่วยิ้มสดใส นางตั้งใจมาบอกข่าวดีกับรั่วซีโดยเฉพาะ
“อันรั่ว จะไปได้อย่างไร”
“เสด็จพ่อเสด็จแม่อนุญาตแล้ว พวกเราจะพาเจ้าไปรักษากับหมอเทวดาเย่ลู่”
หึ นางพ่นลมหายใจเบา ๆ
“อาการข้ามันรักษาได้ด้วยหรือ” นางถามผู้เป็นพี่
“ได้สิ เสด็จแม่บอกว่าหมอเย่ลู่เป็นหมอเทวดา” นางพูดอย่างมีความหวัง พอรู้ว่ามีหนทางรักษารั่วซี นางก็ดีใจกระโดดโลดเต้น
สักพักหนานเจินหยางก็เดินเข้ามาอีกคน ผู้เป็นพี่ใหญ่สุดขมวดคิ้ว เขาตั้งใจจะมาบอกข่าวดีกับน้องสาว แต่กลายเป็นว่ามีคนมาตัดหน้า
“อ้าว”
“ช้าไปแล้วเสด็จพี่เจินหยาง”
หนานเจินหยางคิ้วกระตุกกับท่าทีล้อเลียนของหนานอันรั่ว น้องสาวของเขาสองคนซุกซนไม่แพ้กัน ยังดีที่อีกคนร่างกายไม่แข็งแรงไม่งั้นเขาคงปวดหัว
อีกราว ๆ สองสัปดาห์ต่อมา
คนของซีตันจัดเตรียมข้าวของสำหรับออกเดินทาง คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือนถึงจะถึงเป่ยฮั่น พระชายาหมีเฮ่อทรงงอนพระสวามี ที่ไม่ยอมให้นางตามลูก ๆ ไปด้วย ตอนนี้จึงได้แต่มองพวกเขาจากกำแพงวัง มองพวกเขาค่อย ๆ ลับหายไป
นางหวังว่าการเดินทางของพวกเขาในครั้งนี้ จะมีเรื่องสนุกมาเล่าให้นางฟังเยอะ ๆ พอพวกเขาลับหายไปตามแนวสันเขา นางก็สะบัดหน้าเดินหนีสวามีอย่างแง่งอน
ส่วนหนานปาอี้เอง ก็ส่งพิราบสื่อสารออกไปส่งข่าวเรื่องการเดินทางของโอรสธิดาแก่สหายทุกคน โดยหวังว่าจะช่วยดูแลพวกเขาหากไปถึง และแน่นอนว่าไม่ลืมส่งไปถึงหยวนอ๋อง
หวังว่าการเดินทางครั้งนี้พวกเขาจะเติบโตไปอีกขั้นหนี่ง