4 คำสัญญา
ร่างกายที่เต็มไปด้วยเลือดของหนานรั่วซีถูกเขาพาไปส่งที่ตำหนักของนาง รอยแผลจากการถูกสุนัขป่ากัดที่แขนซ้ายของนาง สร้างความหวาดหวั่นแก่พระพี่เลี้ยง ทุกคนเกรงว่านางจะกลายผู้หญิงที่เสียโฉม เรียวแขนบอบบางขององค์หญิงมีรอยแผลฉกรรจ์ ร่างกายสตรีจะมีรอยแผลเป็นได้อย่างไร
คนที่เกี่ยวข้องรีบตามฮ่องเต้และพระชายามาในทันที หมอหลวงทั้งในวังและนอกวังถูกตามมาเพื่อยื้อชีวิตองค์หญิงหนานรั่วซี
หนานอันรั่วและหนานเจินหยางตามมาทีหลัง ผู้เป็นพี่กอดน้องสาวคนรองเอาไว้แน่น นางตัวสั่นหวาดกลัวราวกับลูกนก ตอนที่รั่วซีโดนผึ้งพิษต่อยก็ครั้งหนึ่ง ครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งที่เขาเห็นสายตาหวาดกลัวของนาง ความกลัวที่จะสูญเสียเป็นบาดแผลที่คอยหลอกหลอนน้องสาวเขามาตลอด
ครั้งนั้นเป็นเพราะน้องสาวคนเล็ก วิ่งเข้ามาช่วยเหลือหนานอันรั่วผู้เป็นพี่ที่กำลังตกอยู่ในดงผึ้งพิษ จึงทำให้นางได้รับบาดเจ็บและส่งผลกระทบต่อร่างกายนางมาจนถึงปัจจุบัน
“หยวนอ๋องขอบใจท่านมากที่ช่วยเหลือนาง” หนานปาอี้ขอบคุณชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านข้าง
“โชคดีที่ข้าสังหรณ์ใจ วันที่พบนางวันแรก ข้าสังเกตเห็นรอยเท้าของฝูงหมาป่า และคิดว่านางอาจจะไปหาพวกมันอีก จึงตามไปดู” เขาพูดอย่างอดห่วงไม่ได้ ในขณะที่กำลังพูดถึงรั่วซี เขาก็มองแฝดอีกคนอย่างไม่วางตา นางกำลังร้องไห้ เขาเห็นน้ำตาของนาง หากอยู่กันเพียงลำพังเขาคงรั้งนางมากอดปลอบโยน
เขาเห็นน้ำตาของสตรีมาหลายคนแต่ไม่มีสตรีใดที่เขานึกอยากทะนุถนอมดังเช่นนาง
“หยวนอ๋องน่าจะเหนื่อยแล้วเชิญกลับไปอาบน้ำพักผ่อนดีกว่า” พระชายาหมีเฮ่อบอกผู้ที่มีศักดิ์เป็นหลาน
ทุกคนเห็นด้วยเช่นนั้น บนชุดของเขาเองก็มีเลือดของหมาป่าและรั่วซีเปรอะเต็มไปหมด
“งั้นข้าขอตัวก่อน” เมื่อเห็นสภาพร่างตัวเองเขาก็คิดว่าควรไปพักดีกว่า ต่อไปก็ให้เป็นเรื่องของคนในครอบครัวจัดการกันไป
อายงยืนมองความวุ่นวายอยู่ในมุมมืด เขากล่าวโทษตัวเอง หากไม่ตามใจนาง หากไม่ทิ้งนางไว้คนเดียว คงไม่เกิดเรื่องเช่นนี้ ผิดที่เขาดูแลนางไม่ได้
หยวนไป๋เจียนเดินผ่านจุดที่อายงยืนอยู่
“เจ้าไม่เข้าไปหานาง” หยวนไป๋เจียนเห็นสายตาระคนความเจ็บปวดของชายผู้นั้นก็เข้าใจได้ว่าเขาเป็นห่วงและรู้สึกผิดขนาดไหน
“กระหม่อมเป็นเพียงองครักษ์ต่ำต้อย จะเข้าไปด้านในได้อย่างไร” เขาตัดพ้อ แต่สายตาก็ยังมองไปห้องของนาง
“นางจะปลอดภัย ต่อไปเมื่อนางฟื้นจงดูแลนางให้ดี อย่าให้นางต้องเจ็บปวด ข้าจะไม่พูดเรื่องที่เจ้าบกพร่อง เมื่อนางฟื้นขึ้นคิดว่านางก็คงไม่พูดเช่นกัน”
คำพูดของหยวนไป๋เจียนยิ่งทำให้เขารู้สึกผิด
“ข้าสัญญาจะใช้ทั้งชีวิตเพื่อดูแลนาง”
หยวนไป๋เจียนมองชายผู้นั้น เรื่องของนางไม่เกี่ยวกับเขาอยู่แล้ว เขาเดินลับหายไปในความมืด
หมอหลวงถูกระดมให้มารักษาอาการนาง หมอหลวงจากเป่ยฮั่นที่ร่วมขบวนมาด้วยกันกับคณะราชทูตก็ถูกเชิญร่วมรักษาอาการนางด้วยเช่นกัน
นับจากวันนั้นอายงก็คอยไปเฝ้านางไม่ห่าง ความผิดเป็นของเขาทั้งหมดโชคดีที่หยวนอ๋องไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเขา จึงทำให้เขารอดความผิดที่ปล่อยให้นางอยู่ลำพัง เขาเป็นองครักษ์ที่ฮ่องเต้ไว้ใจให้ดูแลองค์หญิง แต่ดันทำงานผิดพลาด เป็นเรื่องที่เขาทั้งโกรธและไม่ให้อภัยตนเอง
ร่างกายของสตรีไม่ควรมีรอยแผลเป็น เขาดันเป็นต้นเหตุให้นางเสียโฉม อายงตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าจะปกป้องนางไปตลอดชีวิตเพื่อชดเชยความผิดของตัวเขาเอง
ร่างแบบบางของหนานอันรั่วนั่งเหม่อมองทัศนียภาพอยู่บนเนิน เวลานี้นางไปนั่งตรงที่ที่ผู้เป็นน้องชอบนั่ง นางไม่เคยเข้าใจว่าทำไมรั่วซีถึงชอบที่ตรงนี้นัก พอได้มาลองนั่งด้วยตัวเองจึงเข้าใจนาง ที่นี่สามารถมองผู้คนได้ชัดเจนที่สุด เห็นทุกการเคลื่อนไหวทุกการกระทำ รั่วซีที่ร่างกายไม่แข็งแรง การนั่งเฝ้ามองผู้คนใช้ชีวิตแทนนาง นั่นเป็นความสุขอย่างหนึ่งของนางสินะ
เป็นเวลาเกือบเดือนแล้ว แต่รั่วซีก็ยังไม่ฟื้น นางได้แต่ขอพรจากฟ้า ให้น้องสาวฝาแฝดของนางหายป่วยและลุกขึ้นมาพูดคุยกับนางได้แล้ว นางเคยได้ยินน้องสาวบ่นว่าอยากไปเที่ยวเป่ยฮั่น ถ้าฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่จะพานางไปให้ได้ ขอเพียงแค่นางตื่นขึ้นมา เพียงแค่นางตื่นมาเท่านั้นสิ่งใดก็ตามที่ฟ้าต้องการนางให้ได้หมด
“รั่วเอ๋อ” หยวนไป๋เจียนทักทายนาง
“หยวนอ๋อง” นางหันไปทางต้นเสียง
อยู่ด้วยกันสักพักจนเริ่มสนิทกัน ท่าทีของนางก็เปลี่ยนไปอันรั่วเห็นเขาเป็นมากกว่าสหายคนหนึ่ง วันนี้เขาสวมชุดสีครามน้ำเงินแบบผู้ชายชาวเป่ยฮั่น เขาเป็นบุรุษหน้าตาดี นับวันนางยิ่งเห็นว่าเขาหล่อเหลาขึ้น
“พี่ไป๋เจียน” เขาทวนชื่อตัวเอง เขาต้องการให้นางเรียกชื่อเขาเช่นนั้น
น้ำเสียงของเขาอ่อนโยน คนตัวเล็กหน้าแดงไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่นางหวั่นไหวต่อความใกล้ชิดจากเขา
“รั่วเอ๋อ” เขาเรียกชื่อเล่นนาง
อันรั่วหน้าแดงด้วยความเขินอาย เวลานางเขินหูของนางจะแดงก่ำเป็นภาพที่หยวนไป๋เจียนชอบ
“พี่ไป๋เจียน” นางพูดเบา ๆ
“ข้าไม่ได้ยิน” เขาโน้มกายเข้าหานาง ใบหูของนางแดงแจ๋ หยวนไป๋เจียนเห็นแล้วก็ชอบใจ ยามที่นางเขิน ช่างน่ารักนัก
ที่เขามาหางนางในวันนี้เพื่อบอกว่าถึงเวลาที่เขาต้องกลับเป่ยฮั่นแล้วราชกิจที่ได้รับมอบหมายเขาทำสำเร็จหมดแล้ว
นางซบไหล่เขา อยู่ด้วยกันมานับเดือน ใจของนางมอบให้เขาไปหมดแล้ว นางรู้ว่าอีกไม่นานเขาก็ต้องกลับไปยังที่ของเขา
“รั่วเอ๋อ ต้นเดือนหน้าข้าก็ต้องกลับเป่ยฮั่นแล้ว”
“เร็วขนาดนั้นเชียวหรือ”
“อื้ม”
หนานอันรั่วรู้สึกหวั่นใจ ความรู้สึกเหมือนจะเป็นการจากลาไปตลอดชีวิตอย่างไรก็ไม่รู้ ในใจพลันรู้สึกหวิว แบบที่นางเองก็บอกไม่ถูก
“พี่ไป๋เจียน” นางมองหน้าเขา
หยวนไป๋เจียนถือโอกาสนี้ดึงนางมากอดเอาไว้
“รอข้านะ อีกไม่นาน ข้าจะรับเจ้าไปอยู่ที่เป่ยฮั่นในฐานะฮองเฮา รอวันที่ข้าขึ้นครองบัลลังก์เป็นจักรพรรดิเป่ยฮั่น ครอบครองดินแดนเป่ยฮั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่อับอายผู้ใด”
“ป่านนั้นข้าคงแก่พอดี” นางทุบเขาเบา ๆ หนานอันรั่วรู้ดีว่าเขาไม่ได้ พูดเล่น
นางเคยไปที่ค่ายทหารของหนานเจินหยาง ได้ยินบรรดาแม่ทัพพูดคุยกันเรื่องนี้ หยวนอ๋องเป็นเพียงหมากตัวหนึ่งของกระดานนี้ ไม่มีความสำคัญอะไร เป็นเพียงอ๋องแค่ในนามไม่มีอำนาจใดในมือ มีดีแค่มียศศักดิ์สูงส่ง เสด็จพ่อของหยวนอ๋องอดีตจักรพรรดิเป่ยฮั่นถูกลอบปลงพระชนม์ ผู้เป็นลุงทำพินัยกรรมปลอมขึ้นครองราชย์แทน หยวนอ๋องที่ตอนนั้นเป็นรัชทายาทยังเด็กและไร้อำนาจในมือ
เขาคงรอวันที่จะช่วงชิงของที่เป็นของเขาคืน นางเชื่อว่าเขาทำได้แน่นอน
หยวนไป๋เจียนโอบไหล่กลมมนของนาง
“รอข้า”
เขาจุมพิตหน้าผากของนางแผ่วเบา
คนทั้งคู่ทอดสายตามองพระอาทิตย์ที่กำลังคล้อยต่ำลงไปเรื่อย ๆ หนานอันรั่วรู้สึกหวั่นใจ นางกลัวว่าจะไม่ได้อยู่เห็นความสำเร็จของเขา ความกังวลในมากมายผุดขึ้นมาอย่างไม่รู้จบ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรนางถึงมีความรู้สึกเช่นนี้
ทั้งหนานอันรั่วและหยวนไป๋เจียนต่างใช้เวลาที่เหลืออยู่ร่วมกันให้มากที่สุด ฮ่องเต้หนานปาอี้และพระชายาเองก็รับรู้ว่าเด็กทั้งคู่มีใจให้กัน แต่ข้อกำหนดและพิธีการมากมายล้วนเป็นเรื่องยากที่จะให้พวกเขาได้อยู่ด้วยกัน
วันออกเดินทางของหยวนไป๋เจียนก็มาถึง กองอาชาของเขาเคลื่อนที่ลับหายไปเรื่อย ๆ หนานอันรั่วรู้สึกปวดร้าวในหัวใจ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่นางจะได้พบกับเขาอีกครั้ง ไม่รู้เลยว่านางจะมีโอกาสนั้นอีกครั้งหรือไม่ คนตัวเล็กควบม้าไปตามแนวสันเขา นางใช้เวลานี้อยากมองเขาให้นานที่สุด..