ตอนที่ 1 ดินแดนระดับสูง
ณ.ดินแดนจักรพรรดิเหลิ่ง ดินแดนที่ปกครองโดยจักรพรรดิเซียน นามเหลิ่งตี้ ดินแดนแห่งนี้ นับมีอาณาเขตกว้างขวางไม่น้อย กว่ากันว่าจักรพรรดิผู้นี้บรรลุเซียนขั้นหกเข้าไปแล้ว และในดินแดน ยังมีผู้ฝึกตนขั้นเซียนอยู่ถึงร้อยกว่าคน ซึ่งนับเป็นดินแดนระดับสูง
หากเปรียบเทียบกับดินแดนระดับต่ำที่ปิงปิงเคยอยู่ ที่นั่นจะมีผู้บรรลุเซียนไม่เกินสี่คน ซึ่งนั่นก็นับว่ามากแล้ว หลังจากที่ล่ำลาพวกหงซาน ปี้เสียง ม่านตี้ ฉุ่ยฉุ่ย และเหล่าศิษย์จากหุบเขาฟ้าร่วงเสร็จ ปิงปิงก็ใช้เวลาร่วมแปดเดือนกว่าจะเดินทางมาถึงเขตแดนของดินแดนจักรพรรดิเหลิ่ง
ตลอดการเดินทาง ปิงปิงฝึกฝนบ่มเพาะมาตลอด กระทั่งผ่านทัณฑ์สายฟ้าตัดผ่านขั้นเซียนมาได้ สำหรับเด็กสาววัยสิบเจ็ดที่มีพลังขั้นเซียนระดับหนึ่ง ค่อนข้างเป็นเรื่องเหลือเชื่อ ต่อให้เป็นเด็กสาวที่เกิดในดินแดนระดับสูงก็ตาม
ร่างบอบบางเดินลงจากเนินเขา มองไปยังกำแพงสูงเบื้องหน้า หน้าป้อมประตูเหล็ก เต็มไปด้วยทหารชุดเกราะ ปิงปิงเห็นแล้ว อดที่จะรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ อย่างที่เสี่ยวไป๋ว่า ดินแดนระดับสูงช่างแตกต่างจากดินแดนระดับต่ำอย่างสิ้นเชิง
"เสี่ยวไป๋ พวกเราเข้าไปกันเลยไหม"
"อืม รีบเข้าไปเถิด ที่นี่ยังไม่นับว่าเป็นจุดศูนย์กลาง เป็นเพียงป้อมปราการนอกด่านเท่านั้น พวกเรายังต้องเดินทางอีกไกล" เจ้าตัวเล็กโผล่หัวออกจากทรวงอก ก่อนจะบินมาเกาะที่บ่าของปิงปิง ดวงตาสีแดงของมันแลดูเข้มขึ้นอีกหลายเท่าตัว ขนสีดำสนิทมันเป็นเงา
ส่วนกระบี่ที่ปิงปิงถือ ก็หาใช่กระบี่ไม้อัปลักษณ์เหมือนก่อน แต่เป็นกระบี่สีดำสลับเงินที่ดูทรงพลัง เพียงแค่อยู่ในฝักยังมองว่าไม่ธรรมดา ทั้งสามเดินลงจากเขาไปต่อแถวลงชื่อเข้าเขตแดนเหมือนเช่นผู้ฝึกตนคนอื่น ปิงปิงค่อนข้างตกเป็นจุดสนใจของผู้คนอยู่ไม่น้อย เพราะนอกจากความงามแล้ว ของมีค่าอย่างกระบี่ในมือก็เหมาะแก่การแย่งชิง ต่อให้มันเป็นอาวุธแห่งโชคชะตา แต่ก็ยังมีคนอยากได้อยู่ดี และผู้ฝึกตนมากหน้าเหล่านี้ ก็มีดีชั่วปะปนกันมากมาย
"ปิงเอ๋อ ระวังตัวหน่อย อย่าได้ไว้ใจผู้ใดเป็นอันขาด" เสียงของเสี่ยวไป๋ดังขึ้นในหัว ทำให้ปิงปิงต้องหันไปมองรอบๆ อย่างสังเกต ความจริงต่อให้เสี่ยวไป๋ไม่เตือน นางเองก็ไม่คิดจะไว้ใจผู้ใดอยู่แล้ว เสี่ยวเฮ่ยในมือสั่นเล็กน้อย ก่อนที่ปิงปิงจะได้ยินมันแค่นเสียงอย่างดูถูก "หึ! อยากครอบครองข้า เจ้าพวกนี้ช่างไม่เจียมตัวจริงๆ"
เมื่อทั้งสามเดินใกล้จะถึงประตู ก็ได้ยินเสียงทหารตะโกนสั่งด้วยเสียงที่แฝงไปด้วยพลัง "ผู้ฝึกตนที่ต้องการจะเข้าไปยังดินแดนของจัรพรรดิเหลิ่ง จงอ่านกฎให้ดี ผู้ใดทำผิดจะไม่มีคำว่าปรานี"
กฎที่ว่า ถูกเขียนไว้บนกำแพง โดยมีอักขระล้อมรอบ ปิงปิงอ่านมันอย่างตั้งใจ จนกระทั่งก้าวไปถึงหน้าประตู
"แจ้งนาม และที่มาของเจ้า"
ปิงเอ๋อ บอกเพียงว่าเจ้ามาจากดินแดนระดับต่ำก็พอ ไม่ต้องบอกว่าดินแดนใด
ปิงปิงทำตามที่เสี่ยวไป๋บอกโดยไม่คิดเอ่ยถาม "ปิงปิง จากดินแดนระดับต่ำ" หลังจากรับป้ายยืนยันตัวตน ทั้งสามก็ผ่านเข้าไปข้างใน ความหนาแน่นของพลังเซียนที่นี่ ทำให้ปิงปิงเห็นแล้วตกตะลึงอยู่บ้าง เริ่มเข้าใจความแตกต่างระหว่างดินแดนขึ้นมาบ้างแล้ว เพราะหากบ่มเพาะที่นี่ พลังของนางถึงจะไปยังขั้นสูงได้
"พวกเราหาที่พักกันก่อนเถิด"
"อืม ก็ดีเหมือนกัน ไปเร็ว ข้าอยากพักแล้ว" เสี่ยวไป๋ตอบรับท่าทางกระตือรือร้น ผิดกับเสี่ยวเฮ่ยที่เงียบสนิท แต่ในใจของมันกลับนึกค่อนขอดใครบางคน ไม่ใช่ว่าท่านพักผ่อนมาตลอดทางหรอกหรือ ฮึ่ย! ก็เห็นคุดอยู่แต่ในทรวงอก
แม้จะเป็นเพียงป้อมปราการนอกด่าน แต่ที่นี่ก็นับว่าเจริญรุ่งเรืองไม่น้อย มีหอการค้าอยู่หลายที่ รวมทั้งร้านอาหาร และที่พัก ซ้ำยังมีผู้ฝึกตนผ่านเข้าออกมากมาย เดิมทีปิงปิงคิดจะพักบนหอสามชั้นที่มีลักษณะค่อนข้างหรูหรา แต่ราคาค่าห้องและอาหารแพงมาก นางไม่มีหินปราณเพียงพอ จึงจำเป็นต้องมาพักในย่านที่ราคาถูก ซึ่งเป็นเพียงเรือนพักธรรมดา สร้างเป็นห้องหินปลูกติดๆ กัน ไม่ต่างจากห้องเช่าในสลัมที่นางเคยจากมา ผู้ฝึกตนที่มาพักที่นี่ส่วนใหญ่ก็จะมีฐานะเดียวกัน
หลังจากไปเสียค่าโรงอาบน้ำ ปิงปิงก็กลับเข้ามาในห้อง เตรียมตัวจะเข้าสมาธิ แต่อยู่ๆ เสี่ยวไป๋ก็เอ่ยขึ้น "ปิงเอ๋อ เจ้าควรจะพักบ้าง ฝึกฝนมาตลอดแปดเดือนยังไม่พออีกหรือ ฝึกมากไป ร่างกายจะแย่เอาได้ มาเถิด พวกเรานอนกันก่อน เอาไว้ข้าจะหาพื้นที่ที่พลังหนาแน่นกว่านี้ให้เจ้าฝึก"
เห็นเจ้านกน้อย ส่งสายตาเป็นห่วงเป็นใยมาให้ ปิงปิงก็ยกยิ้มอย่างเอ็นดู ยิ่งเห็นเจ้าตัวดี ตบเท้า ปุๆ ลงบนเตียง รอยยิ้มของนางก็ยิ่งกว้างขึ้น "ก็ดีเหมือนกัน ถ้าอย่างนั้น พวกเราก็นอนกันเถิด"
คำตอบของปิงปิง ทำเอาเสี่ยวเฮ่ยที่ถูกวางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง แทบจะร่วงลงไปกองกับพื้น มันแทบจะหลุดด่าออกมา กระบี่สีดำยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ ว่าเหตุใด เจ้านายของมันถึงได้โง่งมเพียงนี้
หลังจากที่ปิงปิงล้มตัวนอน แต่เจ้านกน้อยกลับไม่ยอมนอน ดวงตาสีแดงหรี่ลงจนเกือบจะปิด "ปิงเอ๋อ เหตุใดต้องสวมเสื้อผ้านอนด้วยเล่า! " เจ้าตัวเล็กย่ำเท้าไปมาบนฟูกหนา ท่าทางไม่ต่างจากเด็กน้อยเอาแต่ใจ ปีกของมันสั่นพั่บๆ ดวงตาโกรธขึ้ง
จนปิงปิงเห็นแล้วเหนื่อยใจ แต่เห็นแก่ความน่ารักน่าเอ็นดูของมัน จึงจำต้องถอดชุดนอนออก ก่อนจะมุดตัวเข้าไปในผ้าห่ม พอเจ้าตัวดีเห็นเช่นนั้น ก็ตีปีกพั่บๆ ด้วยความดีใจ รีบมุดตามเข้ามาทันที แต่ที่ที่มันเข้าไปซุกตัว กลับไม่ใช่ทรวงอกเหมือนก่อน "อื้อ ปิงเอ๋อ อ้าขาออกหน่อยสิ"
"__" ปิงปิง
ฮึ่ย! จนป่านนี้แล้ว เจ้ายังไม่เลิกโง่อีกหรือ โดนท่านจอมมารหลอกกินเต้าหู้ไปถึงไหนๆ แล้วเนี่ย! เสี่ยวเฮ่ยเห็นเช่นนั้น ก็ได้แต่คิดในใจด้วยความหงุดหงิด
จะว่าไปตั้งแต่ที่ปิงปิงตัดผ่านขั้นเซียนมา ไม่รู้ว่าเสี่ยวไป๋เป็นอะไร ถึงไม่ชอบให้นางใส่เสื้อผ้าเวลานอน เดิมทีก็ซุกตัวอยู่ตรงหน้าท้อง แต่นับวันก็ยิ่งต่ำลงเรื่อยๆ และดูเหมือนครั้งนี้จะต่ำลงกว่าเดิม เพราะเจ้าตัวดีลงไปนอนเบียดส่วนนั้นจนปิงปิงตกใจ รีบลุกขึ้นนั่ง "เสี่ยวไป๋ ไม่เอา ห้ามนอนตรงนั้น"
"อื้อ ทำไมเล่า ก็ข้าชอบนี่!" เสี่ยวไป๋พูดเสียงอู้อี้อยู่ในผ้าห่ม จนปิงปิงต้องสอดมือไปจับมันออกมา ก่อนจะเอ่ยเสียงเข้ม"หากไม่ฟัง ข้าจะสวมเสื้อผ้าเดี๋ยวนี้"
นกน้อยทำท่าโกรธขึ้งได้ไม่นานก็ทำตาละห้อย "ก็ได้ ข้าไม่นอนตรงนั้นก็ได้" พอเห็นว่ามันเชื่อฟัง ปิงปิงถึงได้ล้มตัวนอน พร้อมกับวางเจ้านกตัวดีลงบนทรวงอกเช่นเดิม ในที่สุดเด็กสาวก็ได้นอนหลับอย่างสงบ แต่ก็เพียงครึ่งคืน
ฟิ้ว.... จากนั้น เสียงที่ดังเกือบแทบทุกคืน ยามที่ปิงปิงหลับ ก็ดังขึ้นอีกครั้ง เสี่ยวเฮ่ยที่ถูกซัดออกไปไกลได้แต่กลอกตามองบนอย่างเหนื่อยหน่าย ต่อให้ไม่ได้อยู่ในห้อง มันก็พอเดาได้ ว่าท่านจอมมารจะทำอันใดกับร่างเปลือยของปิงปิง
ร่างสูงโปร่งในชุดดำสนิท ค่อยๆ ปลดชุดของตัวเองออก ก่อนจะสอดร่างเปลือยเข้าไปในผ้าห่มผืนเดียวกับเด็กสาว จอมมารผู้ยิ่งใหญ่ อยากจับตรงไหนก็จับ อยากลูบตรงไหนก็ลูบ ไม่ว่าจะสัมผัสที่ได้ ล้วนรู้สึกดีไปหมด จนร่างจริงในที่คุมขังเกิดการตื่นตัว กลายเป็นความทรมานที่ยากจะระบาย
"ปิงเอ๋อ ข้าจะทนไม่ไหวอยู่แล้วนะ เจ้าต้องรีบเข้าไปในดินแดนเทพ ปลดค่ายกลพวกนั้นให้ข้า" เฉิงชิวรวบร่างบอบบางเข้ามากอด ซุกไซร้ไปทั่วลำคอขาวผ่อง ค่อยๆ ขบเม้มไปตามผิวขาวนวล เรียกว่าไม่มีตรงไหนบนร่างของปิงปิงที่เฉิงชิวไม่เคยสัมผัส จนกระทั่งลวนลามผู้อื่นจนพอใจแล้ว ท่านจอมมารถึงได้นอนกกกอดเด็กสาวหลับใหลอย่างสบายใจ
ปิงปิงตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ทั้งเสี่ยวไป๋ และเสี่ยวเฮ่ยล้วนแต่อยู่ในสภาพเดิม ทำให้นางไม่เอะใจอันใด ยังลุกขึ้นแต่งเนื้อแต่งตัวตามปกติ มีเพียงเสี่ยวเฮ่ยเท่านั้น ที่อึดอัดคันปากจนอกแทบแตก แต่มันจะทำอะไรได้ ก็ได้แต่ปล่อยให้ปิงปิงโง่งมต่อไป
"ปิงเอ๋อ เหตุใดไม่ปลุกข้า" แต่พอเห็นเสี่ยวไป๋เสแสร้งทำท่างัวเงียคล้ายพึ่งรู้สึกตัวตื่น เสี่ยวเฮ่ยก็ร่วงลงไปกองที่พื้นทันที ในใจทั้งก่นด่าทั้งสาปแช่งจอมมารไม่มีเหลือ บัดซบเอ๊ย! ท่านนี่มันตัวลามกโดยแท้ นี่ขนาดเป็นเพียงร่างจำแลงนะ ฮึ่ย!
มีเพียงปิงปิงเท่านั้น ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว เดินเข้ามาหยิบกระบี่กลับขึ้นไปวางบนโต๊ะดังเดิม ก่อนจะช้อนเจ้าตัวเล็กขึ้นมาเสมอใบหน้า กดจุมพิตลงบนขนสีดำของมัน "ข้าเห็นเจ้าหลับสบายก็เลยไม่อยากปลุก พวกเราควรเดินทางได้แล้วกระมัง"
"อืม รีบไปเถิด ข้าอยากให้เจ้าแข็งแกร่งขึ้นไวไว" เสี่ยวไป๋เอ่ยจบก็บินเข้าไปซุกตัวในทรวงอก ปิงปิงเห็นเช่นนั้น ก็ได้แต่ส่ายหน้ายิ้มๆ ก่อนจะคว้ากระบี่มาถือไว้ในมือ ก้าวออกจากห้อง
ปิงปิงออกจากเมืองป้อมปราการในตอนสาย ไม่ได้คิดจะขี่กระบี่บินเหมือนเช่นผู้ฝึกตนคนอื่น เพราะนางอยากเห็นธรรมชาติในดินแดนชั้นสูง แต่นางไม่นึกว่าจะมีคนตามมา ถึงแม้จะรู้ตัว แต่ปิงปิงก็ไม่ได้กระโตกกระตาก ยังเดินชมนกชมไม้อย่างใจเย็น จนกระทั่งห่างป้อมมาไกลพอควร พวกที่ตามมาก็เข้ามายืนขวางหน้า
หนึ่งในนั้นเป็นชายวัยกลางคนท่าทางชั่วร้ายพร้อมกับชายหนุ่มอีกสองคน ศีรษะแต่ละคนโล้นเลี่ยนมีอักขระวาดเอาไว้ หูและจมูกใส่ห่วงวงใหญ่ ปิงปิงเห็นแล้ว ทำให้นึกตัวโกงในหนังการ์ตูนขึ้นมา
"นังหนูเจ้าคงพึ่งเคยมาดินแดนจักรพรรดิครั้งแรกสินะ เจ้าสมควรต้องมีคนดูแลรู้หรือไม่ อย่าเห็นว่าดินแดนแห่งนี้มีกฎอยู่บนกำแพงเชียวนา เพราะแท้จริงแล้ว คนที่นี่ไม่เคยมีกฎ ให้พวกเราคุ้มครองเจ้าจะดีกว่า พรรคเสวียนซู่ของเรามีแต่คนเกรงกลัว"
ชายวัยกลางคนเอ่ยจบก็เลียริมฝีปาก มองปิงปิงหื่นกระหาย ไม่เพียงแค่นั้น ยังมองไปยังกระบี่ในมือของนางด้วย
เสี่ยวไป๋เห็นเช่นนั้น ก็โผล่หัวเล็กๆ ออกมาจากทรวงอก หรี่ตามองชายทั้งสามด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะสั่งเสียงเย็น "ปิงเอ๋อ ฆ่ามันเลย มดปลวกพวกนี้น่ารำคาญนัก ควักลูกตามันออกมาด้วย"
แต่ด้วยความที่มันเป็นเพียงนกตัวเล็ก ท่าทางของมันนอกจากจะไม่น่ากลัวแล้ว ยังดูน่าตลกขบขันเสียมากกว่า จึงทำให้ชายทั้งสามพากันหัวเราะเสียงดัง "ฮ่าๆ เจ้านกนี่ตลกชะมัด จับย่าง อั่ก!" หนึ่งในนั้นยังเอ่ยไม่ทันจบ หัวก็กลิ้งหลุนๆ กระเด็นไปอยู่ข้างทาง ไม่รู้ว่าปิงปิงชักกระบี่ออกมาตอนไหน "ข้าขี้เกียจมานั่งควักลูกตาพวกมัน ตัดหัวไปเลยก็แล้วกันนะเสี่ยวไป๋"
"อืม ก็ดีเหมือนกัน งั้นก็ตัดให้หมดเลย"
หนึ่งคนหนึ่งนกพูดเรื่องตัดคอคนราวกับเป็นดินฟ้าอากาศ จนสองคนที่เหลือปากอ้าค้าง หวาดกลัวจนก้าวขาไม่ออก ต่อให้เห็นกับตา แต่พวกมันก็ยังไม่อยากเชื่ออยู่ดี ว่าเด็กสาวที่ดูอ่อนแอบอบบาง จะโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ กว่าที่พวกมันจะเชื่อ ก็ตอนที่หัวหลุดออกจากลำตัวไปแล้ว