ตอนที่ 2 มาร์ติน ออสก้า ลี
“ระ..เราต้องแต่งตัวแบบนี้จริงๆ หรอ” หล่อนหลบอยู่หลังผ้าม่าน ไม่กล้าเดินออกมาเพราะชุดที่ใส่ค่อนข้างโป๊ สำหรับคนอื่นอาจจะดูไม่โป๊มาก แต่สำหรับเธอมันโป๊ที่สุดในชีวิตแล้ว
“ชุดนี้ยังถือว่าเบานะ ดูอย่างพวกพี่ๆ สิ” น้ำใสปรายตาไปอีกฝั่ง เห็นสาวสวยหลายสิบคนกำลังนั่งแต่งหน้า ทั้งหมดอยู่ในชุดนุ่งน้อยห่มน้อยกันทั้งนั้น ที่ไนท์คลับจะเรียกคนกลุ่มนี้ว่า 'บันนี่เกิร์ล' มีหน้าที่เอนเตอร์เทรนแขก ซึ่งต่างคนต่างก็ใจจดใจจ่อกับการแต่งหน้าโดยไม่มีใครสุงสิงกับใคร เพราะต้องรีบแต่งตัวสวยๆ ออกไปรับแขกกระเป๋าหนัก
“ตะ..แต่ฉันก็ยังไม่มั่นใจอยู่ดี นี่มันแทบจะเห็นนมฉันทั้งเต้าเลยนะ”
“โอ้ยยัยอ้อม! มาถึงขนาดนี้แล้ว เลือกเอาละกันว่าจะไปทำงานแค่ไม่กี่ชั่วโมงแล้วได้มือถือ หรือต้องเก็บเงินทั้งปีเพื่อซื้อมือถือเครื่องใหม่...คิดเอาละกัน”
สิ้นสุดคำขู่ของเพื่อน เอมิกาก็ค่อยๆ โผล่ออกมาจากหลังผ้าม่าน เธออยู่ในชุดเดรสรัดรูปสีแดงเพลิงแหวกอก อวดหุ่นอรชนสุดแสนเซ็กซี่ แม้จะยังไม่ได้แตกเนื้อสาวเต็มที่แต่บางสิ่งบางอย่างกลับใหญ่โตเกินอายุ และชุดที่สวมใส่ก็ยังมีฟองน้ำดันทำให้หน้าอกของเธอใหญ่ขึ้นไปอีกเป็นเท่าตัว ส่วนชายกระโปรงก็สั้นจนแทบจะเห็นแก้มก้นงอนๆ นี่ถ้าไม่ติดว่าต้องใช้มือถือทำงานส่งคุณครู เธอคงไม่มาทำอะไรแบบนี้หรอก ถ้าพ่อกับแม่เลี้ยงรู้เข้า ท่านทั้งสองคงไม่ให้เธอกลับบ้านแน่ๆ
สองสาวถูกช่างแต่งหน้าซึ่งเป็นคนชักชวนน้ำใสเข้ามาทำงาน จับแต่งหน้าทำผมจนดูสวยหมดจดเกินอายุ เอมิกานั่งอ้าปากค้างเมื่อเห็นเงาของตัวเองสะท้อนในกระจก ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยแต่งหน้าแต่งตัวจัดเต็มขนาดนี้มาก่อน
แต่จะว่าไปเราก็สวยเหมือนกันนะ....เธอคิดในใจ
“โอ้โห! เธอชักจะสวยเกินหน้าเกินตาฉันไปแล้วนะอ้อม” หล่อนแซว ตกตะลึงกับความสวยของเพื่อน ปกติเอมิกาก็เป็นคนสวยอยู่แล้ว ไม่คิดว่าแค่จับแต่งหน้าแต่งตัวนิดหน่อยก็สวยหมดจดได้ขนาดนี้ เห็นทีบรรดาลูกค้าที่เป็นเซเลปต้องชอบแน่ๆ “สวยๆ ยั่วๆ แบบนี้ลูกค้ากระเป๋าหนักต้องชอบแน่ๆ”
“ฉันขอทำแค่วันนี้วันเดียวพอนะ หลังจากนี้ฉันจะไม่กลับเข้ามาที่นี่อีก”
“ได้เสมอ”
“น้องน้ำใส...น้องอ้อม เชิญมารับหมายเลขจ้า”
เสียงของพี่ช่างแต่งหน้าคนเดินดังขึ้น ก่อนที่สองสาวจะเดินต่อแถวเพื่อรับหมายเลข ซึ่งหนึ่งห้องจะมีเด็กเอ็นเตอร์เทรนจำนวนห้าคน โชคร้ายที่เอมิกาดันไม่ได้อยู่ห้องเดียวกับเพื่อนสนิท แต่จะเปลี่ยนก็ไม่ทันแล้วเพราะเพื่อนสาวเข้าห้องไปแล้ว ทำให้เอมิกาเดินต้องตามกลุ่มอื่นไปอย่างงงๆ จนกระทั้งหยุดอยู่ที่หน้าห้อง VIP หมายเลข 9 ก่อนที่พนักงานจะเปิดประตูและเชิญพวกเธอเข้าไปในภายห้องที่มีแสงไฟสลัวๆ
เอมิกาบีบมือให้กำลังใจตัวเอง มาถึงขนาดนี้แล้วจะถอยกลับก็คงไม่ได้ ทำให้เธอต้องเดินตามเข้าไปในห้องลับ ความรู้สึกแรกที่สัมผัสได้คือแอร์ในห้องนี้เย็นมาก ทั้งกลิ่นฉุนของแอลกอฮอล์และกลิ่นบุหรี่ ก็ได้แต่คิดในใจว่า...
ฉันมาทำอะไรที่นี่!
เจ้าของใบหน้าสวยซึ่งอยู่ในชุดเดรสรัดรูปสีแดงยืนงงเป็นไก่ตาแตก ไม่รู้ว่าต้องทำอะไรต่อเพราะเพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรก จนกระทั่งมีเสียงเข้มๆ ของการ์ดดังขึ้น
“ห้ามเอาความลับของลูกค้าออกไปเผยแพร่เด็ดขาด ถ้าใครละเมิดกฎ คุณเตวิชญ์เจ้าของไนท์คลับ....ไม่เอาไว้แน่!”
เอมิกาเริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง แล้วถ้าเธอโดนฆาตกรรมในห้องนี้ล่ะ คงตายฟรีใช่ไหม แค่คิดก็ขาสั่นแล้ว จะเอายังไงต่อดี
“นี่เธอ คนที่ยืนอยู่ตรงนั้นน่ะ!” จู่ๆ เสียงของชายร่างสูงที่นั่งอยู่ในมุมมืดก็ดังขึ้น เอมิกาเพิ่งรู้ตัวว่าพวกผู้หญิงที่เข้ามาด้วยกันต่างก็เข้าไปเอนเตอร์เทรนแขกแล้ว แต่ละคนดูเป็นคนดื่มเก่งมาก
“ฉะ...ฉันหรอคะ” เธอตอบกลับชายที่นั่งอยู่ในมุมมืดซึ่งมองไม่เห็นหน้าคร่าตาเพราะบริเวณที่เขานั่งอยู่มืดเกินไป แต่ถ้าให้ประเมินจากรูปร่าง ผู้ชายคนนี้ต้องเป็นคนหน้าตาดีแน่ๆ เพราะเขาเป็นคนสูงมาก ขายากว่าอนาคตของเธออีกในตอนนี้
“ฉันชี้ไปที่เธอก็ต้องเรียกเธอสิ มารินเหล้าให้ฉัน!”
“เอ่อ...ดะ...ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะ” ให้ตายเถอะ เธอชงเหล้าเป็นซะที่ไหน เพราะตั้งแต่เกิดมาเคยดื่มหนักสุดก็แค่เบียร์
สาวสวยเดินเข้าไปใกล้ร่างสูงมากขึ้นจนได้กลิ่นน้ำหอมจากเมืองผู้ดี แล้วเหตุใดเขาถึงมานั่งหลบมุมอยู่ตรงนี้คนเดียวทั้งๆ ที่เพื่อนๆ ก็นั่งเฮฮาอยู่ในโต๊ะ
จนกระทั่งเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า....ชายคนนี้ก็เอาแต่นั่งก้มหน้า แต่ออร่าและผิวขาวจั๊วของเขาความมืดก็ทำอะไรไม่ได้ ผู้ชายอะไรขาวจัง จมูกก็โด๊งโด่ง ว่าแต่...ทำไมลักษณะของเขาถึงดูคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
“นั่งลงสิ” เขามือตบลงข้างๆ ตัว เอมิกามองด้วยความชั่งใจเพราะยังรู้สึกกลัว แต่ก็ยอมนั่งเพราะขึ้นหลังเสือแล้วลงไม่ได้ ทันทีที่เนื้อตัวสัมผัสกัน เธอก็รับรู้ได้ถึงรังสีอะไรบางอย่างจากผู้ชายคนนี้ แถมกลิ่นตัวของเขาก็ยังหอมหวนชวนหลงใหลอีก “รินเหล้าให้ฉัน”
เขาส่งแก้วเหล้าที่เหลือแต่น้ำแข็งมาให้ มือสั่นยื่นไปรับอย่างกล้าๆ กลัวๆ พยายามเว้นระยะห่างจากผู้ชายคนนี้ แต่เขาก็ไม่ได้แต๊ะอั๋งหรือสัมผัสเนื้อตัวของเธอเลย ถ้าเป็นแบบนี้ทั้งคืนก็คงดี
แต่สิ่งที่ทำให้เธอต้องขมวดคิ้วก็คือขวดสีอำพันจำนวนหลายขวดที่ตั้งอยู่ตรงหน้า แล้วขวดไหนคือเหล้าที่เขาดื่ม แล้วเธอต้องใช้อะไรผสมเพราะทุกขวดล้วนมีแต่ภาษาอังกฤษ ครั้นพอจะเงยหน้าขึ้นไปถามก็เห็นเขาหันหน้าไปอีกทาง ไม่พูดไม่จาอะไรสักคำ ดูเครียดๆ ดูหยิ่งๆ ยังไงก็ไม่รู้
สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจใช้ความรู้สึกของตัวเองชงเหล้าให้เขาแบบมั่วๆ จับขวดนั้นมาผสม จับขวดนี้มาผสม จนกระทั่งได้สีที่น่ากินเธอก็ส่งแก้วเหล้าคืนให้เขาพร้อมรอยยิ้มหวานฉ่ำ
“เหล้าได้แล้วค่ะ”
“ขอบคุณ” เขารับไว้ในมือแต่ยังไม่หันหน้ามา แค่เสี้ยวหน้าก็รู้แล้วว่าผู้ชายคนนี้หล่อจริงๆ หล่อเหมือนมีออร่าอยู่ในตัว ทำให้เธอหยุดมองไม่ได้แม้จะเห็นแค่เพียงเสี้ยวหน้า
ร่างสูงค่อยๆ ยกเหล้าดื่ม คำแรกเหมือนเขาชะงัก ทำเอาหญิงสาวหัวใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม เหงื่อกาฬไหลแตกพราก หรือเหล้าที่เธอชงไปรสชาติมันห่วยแตก ใช่สิ ก็เธอไม่เคยดื่มเหล้านิ!
ชายหนุ่มค่อยๆ วางแก้วลง ในขณะที่อีกคนตาโตเหมือนไข่มองตามไม่ละสายตา จนกระทั่งเขาหันหน้ามา ทำให้เอมิกาเบิกตาโพลงเข้าไปอีก อ้าปากเพราะตกใจ ไม่คิดว่าจะเจอผู้ชายคนนี้ที่นี่ ผู้ชายที่เคยเห็นบ่อยๆ ในทีวีและผู้หญิงครึ่งค่อนเอเชียต่างก็คลั่งไคล้ เพื่อนๆ ในห้องของเธอลงทุนซื้อตั๋วสุดแพงเพื่อบินไปงานแฟนมีตติ้งที่ต่างประเทศ
“คุณมาร์ติน ออสก้า ลี!!”