บทที่ 5 พบเจออีกครั้งแต่ต่างฐานะ
“ แล้วมันเรื่องอะไรกัน ทำไมพวกมันถึงต้องวิ่งไล่กวดตามเธอ ” รอนถามขึ้นด้วยความสงสัย หากเธอเป็นพวกหัวขโมยฉกชิงวิ่งราว เขาคงจะรับมาเป็นพี่เลี้ยงของลูกตัวเองไม่ได้ คนเราสมัยนี้รู้หน้าไม่รู้ใจ
“ พวกมันเป็นลูกน้องเสี่ยอ้วน คนที่แม่กับพ่อเลี้ยงของป่านบังคับให้แต่งงานด้วย แต่ป่านไม่อยากไปเป็นเมียน้อยของเสี่ยเลยหาทางหนีออกมา แล้วก็มาเจอคุณช่วยเอาไว้พอดี ป่านคงจะกลับไปไม่ได้อีกแล้วถ้าแม่เจอก็คงจับป่านส่งไปให้เสี่ยอยู่ดี เลยให้เพื่อนช่วยหางานให้ จนมาเจอประกาศหาพี่เลี้ยงของคุณนี่แหละค่ะ ”
เธอตอบเขาด้วยน้ำเสียงเศร้า แววตาหม่นหมอง จากประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้รอนไว้ใจคนยาก แต่กับผู้หญิงคนนี้เขากลับรู้สึกว่าเธอพูดความจริง
“ เสียใจด้วยนะสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นกับเธอทั้งหมด ”
เขารู้สึกเห็นใจจนอยากจะเอื้อมมือไปโอบไหล่ที่คู้ลงอย่างท้อแท้ของเธอเพื่อปลอบโยนปกป้อง แต่สิ่งที่เขาทำคือกล่าวแสดงความเสียใจแล้ววางสีหน้าเรียบเฉยเช่นเดิม
“ ขอบคุณค่ะ ”
เธอตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา พยายามข่มความเสียใจผิดหวังในโชคชะตาของตัวเองเอาไว้
ขณะนั่งรอลูกสาวเขาลงมา ซึ่งก็คงจะอิดออดไม่ยอมลงมาง่ายๆ ตาคมของชายหนุ่มก็กวาดมองไปทั่วร่างของเธอ
เธอดูสวยน่ารักในชุดเสื้อยืดกางเกงยีน ต่างจากวันที่พบกันในครั้งแรก ครั้งนั้นหญิงสาวอยู่ในชุดไทยใบหน้าที่แต่งแต้มไว้สวยงามเข้มจัดเลอะด้วยคราบน้ำตา ทว่าดวงตาคู่งามยังคงสวยซึ้งสะกดใจ
เธอเสมองออกไปด้านนอกหลบสายตาคนตัวใหญ่ ที่เอาแต่จ้องจนเธอรู้สึกเขินอายร้อนวูบวาบไปทั่วร่าง ผมยาวถูกรวบรัดไว้เป็นหางม้าตรงท้ายทอยเผยให้เห็นลำคอขาวเนียนระหง ใบหน้ารูปไข่ นัยน์ตาโตที่มีแพขนตาดกหนางอนงามล้อมกรอบเอาไว้ จมูกโด่งเรียว ริมฝีปากอิ่มเต็ม ครั้นพอมองต่ำลงมาช่วงหน้าอก รอนก็พบว่าเธอดูบอบบางไปนิด ไม่อวบอึ๋มแบบสาวในสเปคของเขา เอวคอดกิ่วช่วงขาเรียวยาวใช้ได้ สะโพกผายบั้นท้ายกลมกลึง …
“ ป่าป๊า เรียกหนูเล็กทำไม หนูเล็กยังไม่หายโกรธป่าป๊าเลยนะ ฮึ ”
เสียงเล็ก ๆ ดังขึ้นก่อนตัวจะปรากฏ ทำให้ชายหนุ่มได้สติละสายตาจากคนตรงหน้า เด็กหญิงตัวน้อยเดินลงส้นตึงตังลงบันไดมาด้วยสีหน้าไม่พอใจ ปากจิ้มลิ้มเม้มเข้าหากันเมื่อเดินมาถึงป่าป๊า และหญิงแปลกหน้าอีกคน
“ นี่คือพี่ป่าน จะมาเป็นพี่เลี้ยงคนใหม่ของหนูเล็กนะคะ ”
รอนบอกพร้อมกับดึงตัวลูกสาวมานั่งบนตักอย่างเอาใจ น้ำเสียงนุ่มนวลอ่อนโยนจนคนได้ยินอยากจะให้เขาพูด ' นะคะ' แบบนี้กับตัวเองบ้างจัง
‘ เขามีเมียมีลูกแล้วเขาเป็นนายจ้าง ' เสียงในหัวเตือนสติจนเธอต้องหยุดอารมณ์เพ้อฝัน แล้วส่งยิ้มหวานอย่างผูกมิตรไมตรีให้กับเจ้านายน้อยที่เธอต้องดูแล
“ หนูเล็กไม่อยากมีพี่เลี้ยง หนูเล็กอยากไปอยู่บ้านตึกกับคุณปู่ ป่าป๊าตีหนูเล็ก จะฟ้องคุณปู่จริง ๆ ด้วย ”
ร่างน้อยกระโดดลงจากตักผู้เป็นพ่อกระทืบเท้าเร่า ๆ แหกปากโวยวายจนแสบแก้วหูไปหมด
ทำให้ป่านรู้ในทันทีว่าทำไมจึงต้องเปลี่ยนพี่เลี้ยงเป็นว่าเล่นแถมจ้างด้วยเงินเดือนแพงลิบขนาดนี้
“ พี่ป่านไม่เป็นพี่เลี้ยงก็ได้ เป็นเพื่อนเล่นของคุณหนูเล็กดีกว่า เอามั้ยคะ คุณหนูจะได้ไม่เหงาไง ” หนูเล็กหยุดโวยวายแล้วหันมามองหน้าพี่เลี้ยงคนใหม่ด้วยแววตาสงสัย
“ แล้วพี่เล่นเกมส์เป็นมั้ย แล้วจะบังคับหนูเล็กทำนู่นทำนี่รึเปล่า ” เด็กหญิงเอียงคอถามอย่างน่ารัก ราวกับไม่ใช่คนเดียวกันกับที่ยืนร้องแหกปากเมื่อครู่ที่ผ่านมา
“ เล่นเป็นสิคะ แต่ถ้าพี่เล่นไม่เป็นคุณหนูจะสอนให้ได้มั้ยคะ ”
“ งั้นก็ได้ แต่ห้ามบังคับหนูเล็กเด็ดขาดเข้าใจมั้ย ”
เด็กหญิงเชิดหน้าออกคำสั่งพร้อมทั้งยกแขนป้อม ๆ ขึ้นกอดอก ไม่ต้องสงสัยเลยว่ากิริยาแบบนี้ถอดแบบมาจากใคร
เธอชำเลืองมองคนที่เป็นป่าป๊าของคุณหนูเล็ก ทันได้เห็นรอยยิ้มบาง ๆ ด้วยความขบขันท่าทีของลูกสาวของตัวเอง ก่อนที่ริมฝีปากหนานั้นจะหุบยิ้มลงใบหน้าไร้อารมณ์เช่นเดิมเมื่อหันมาสบตากับเธอ
‘ มนุษย์หน้านิ่ง จะยิ้มให้คนอื่นสักทีนี่กลัวดอกพิกุลจะร่วงจากปากรึยังไงฮึ '
“ ละอองพาหนูเล็กไปหาขนมกินก่อนไป ฉันจะคุยธุระกับคุณป่าน ”
ละอองก้มหน้ารับคำแล้วพาเด็กหญิงเดินออกไปสู่ห้องครัว เรื่องเดียวที่คุณหนูไม่งอแงคือเรื่องกิน
