บทที่ 5
เมื่อมาถึงเพียงนภาก็เข้าครัวเพื่อเตรียมมื้อเย็นต่อ ส่วนทรายแก้วก็ยังคงอยู่กับไลลาที่ตอนนี้ตื่นแล้วในห้อง เธออ่านหนังสือนิทานให้เด็กหญิงตัวน้อยฟังพร้อมออกเสียงและท่าทางประกอบไปด้วย จนได้ยินเสียงหัวเราะดังขึ้นเป็นระยะๆ แต่ไม่นานเสียงนั้นก็เงียบไปเพราะไลลาหลับนั่นเอง
“คุณไลลาหลับแล้วค่ะ”
“ก็ว่าอยู่ว่าทำไมเสียงหัวเราะเงียบไป ที่แท้ก็หลับนี่เอง” เพียงนภาเอ่ยออกมาด้วยความสุข ซึ่งความสุขเดียวของเธอในตอนนี้คือลูกนั่นเอง
“คุณนภามีอะไรให้ฉันช่วยไหมคะ”
“ไม่มีจ้ะ เธอไปพักเถอะ ทางนี้ฉันจัดการต่อเอง”
“ค่ะ” ทรายแก้วเอ่ยรับ ก่อนจะเดินออกจากห้องครัวไปยังสวนหน้าบ้าน เธอเดินมาเรื่อยๆ กระทั่งถึงซุ้มดอกพวงแสดจึงหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ พร้อมกับหยิบโทรศัพท์ออกมากดูข้อความของแม่ ที่วันนี้ส่งรูปและคำว่าคิดถึงมาให้ รวมถึงฤทัยเองก็ยังคงบอกความเป็นอยู่ให้เธอรู้เป็นระยะๆ เช่นกัน
‘หิมะตกแล้ว ดูแลตัวเองด้วยนะคะแม่’
ทรายแก้วส่งข้อความไปบอกผู้เป็นแม่ ตามด้วยฤทัยว่าเธอคิดถึงถ้าเหงามากๆ ก็ให้หาอะไรทำเช่นการเป็นยูทูปเปอร์มือสมัครเล่น แต่จู่ๆ จังหวะที่กำลังก้มหน้าอ่านข้อความอยู่นั้น ทรายแก้วก็รู้สึกเหมือนมีใครกำลังเดินตรงมายังเธอ จึงเงยหน้าขึ้นมองและเตรียมพร้อมจะขยับให้ห่างถ้าอีกฝ่ายเป็นภีม ทว่าคนที่เธอพบกลับไม่ใช่เขา
“ทราย” ชายตรงหน้าพึมพำชื่อของทรายแก้วออกมาในลำคอ เสียงนั้นเบาจนมั่นใจว่าอีกคนไม่ได้ยินแน่ เขาเองก็ตกใจที่เห็นเธอในบ้านน้องสาวแบบนี้ในขณะที่ทรายแก้วก็ตกใจไม่แพ้กัน
เพราะตั้งแต่วันนั้นก็ผ่านมาเกือบสองปีแล้วที่ไม่ได้เจอกันเลย ไม่ได้ตามข่าวไม่ได้สนใจว่าอีกฝ่ายจะเป็นหรือตาย เพราะหากสนใจเธอก็จะคิดถึงและเจ็บปวดกับการจากลาเสมอ แต่ถึงอย่างนั้นทรายแก้วก็ไม่เคยลืมอัตถ์ไปจากใจเลยสักวันเดียว
“พี่อัตถ์” ทรายแก้วเผลอเรียกชื่ออีกฝ่ายออกมาด้วยความเคยชินเพราะเรียกแบบนี้มาตลอด ก่อนจะรู้สึกไม่ดีกับตัวเองที่ทำในเรื่องที่ไม่ควรทำเข้า
“เรารู้จักกันมาก่อนหรือครับ ทำไมคุณถึงเรียกผมว่าพี่แบบนั้น” น้ำเสียงห้วนๆ บวกกับสายตาแข็งกระด้างของอัตถ์ทำให้ทรายแก้วรู้สึกประหม่าอย่างบอกไม่ถูก เธอรีบลุกขึ้นยืนแล้วขยับไปยืนให้ห่างจากชายหนุ่มอีกนิด พร้อมดึงอารมณ์ของตัวเองให้กลับมาเป็นปกติ ปั้นหน้าให้นิ่งและเย็นชา
“ว่าไงครับ ผมถามว่าเรารู้จักกันมาก่อนหรือเปล่า” อัตถ์ยังคงจี้ถาม นั่นเพราะสองปีที่ผ่านมาเขายังคงจมอยู่กับความเสียใจที่ทรายแก้วเป็นคนก่อขึ้น
“ไม่เคยค่ะ” ทรายแก้วเชิดหน้าขึ้นแล้วตอบ พยายามทำตัวให้เป็นปกติและทิ้งระยะห่างกับอัตถ์ให้มากที่สุด ทำเหมือนคนไม่เคยรู้จักกันได้ยิ่งดี
“แล้วทำไมถึงรู้ว่าผมชื่ออะไรแถมยังเรียกผมว่าพี่อัตถ์”
“คุณชื่ออัตถ์หรือคะ” เมื่อถูกไล่ต้อนหนักเข้าทรายแก้วก็แกล้งทำเบลอใส่แล้วถามเขากลับไป
“ครับ...ผมชื่ออัตถ์” เสียงทุ้มเอ่ยรับแต่ก็ยังคงแฝงความแข็งกระด้างเอาไว้ รวมถึงแววตาที่อัตถ์มองมายังทรายแก้วที่ไม่เหลือเค้าความรักครั้งเก่าแม้แต่น้อย
“ขอโทษค่ะ พอดีคุณหน้าเหมือนคนที่ฉันเคยรู้จัก ไม่คิดว่านอกจากหน้าจะเหมือนกันแล้วชื่อก็ยังเหมือนกันอีกด้วย” ทรายแก้วยอมโกหกต่อหน้าเขา ซึ่งอัตถ์ก็หยิบเอาคำพูดที่เสียดแทงความรู้สึกตัวเองมาทวนซ้ำ
“คนเคยรู้จัก”
“ค่ะ...คนเคยรู้จัก” ขณะเอ่ยตอบทรายแก้วก็สบตากับอัตถ์ไปด้วย แม้ใจจะประหม่าแต่การแสดงออกของเธอตอนนี้กลับดูนิ่ง นั่นก็เพื่อให้อัตถ์เห็นและเข้าใจว่าเธอไม่ได้คิดอะไรกับเขาอีกแล้ว
“แล้วคุณเป็นใคร เข้ามาทำอะไรที่บ้านน้องสาวผม” ในเมื่อทรายแก้วแกล้งทำเป็นไม่เคยรู้จักเขามาก่อน อัตถ์จึงเล่นละครบทเดียวกับเธอบ้าง
ทว่าคำพูดของชายหนุ่มกลับยิ่งทำให้ทรายแก้วตกใจ เพราะไม่คิดว่าอัตถ์จะเป็นพี่ชายของเพียงนภา ไม่คิดว่าโลกนี้มันจะกลมจนชักพาให้เธอกับเขาโคจรมาเจอกันอีกครั้ง แต่สถานการณ์ตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว ในเมื่อเธอเป็นฝ่ายเดินจากเขามาเองทุกอย่างก็จะยังคงเป็นแบบนั้นตลอดไป
“ฉันชื่อทราย เป็นพี่เลี้ยงน้องไลลาค่ะ”
“อ้อ...พี่เลี้ยงไลลา”
“ค่ะ” ทรายแก้วเอ่ยรับ ส่วนอัตถ์ก็พูดทำความรู้จักกับเธออย่างจริงจัง
“ยินดีที่ได้รู้จักอย่างเป็นทางการครับคุณพี่เลี้ยง”
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะคุณอัตถ์”
“แล้วนี่คุณพี่เลี้ยงมานั่งทำอะไรตรงนี้หรือครับ” ในเมื่อทรายแก้วต้องการความเฉยเมย อัตถ์ก็จะทำแบบนั้นกับเธอ ต่อให้เธอจะอยู่ใกล้แค่นี้แต่เขาจะไม่สนใจจะไม่รับรู้อะไรเกี่ยวกับเธอทั้งนั้น เพราะเธอได้ตายไปจากใจเขาตั้งแต่วันนั้นแล้ว
“ฉันมานั่งพักค่ะ พอดีตอนนี้น้องไลลาหลับ”
“แล้วนี่นภาไปไหน”
“คุณนภาเข้าครัวเตรียมมื้อเย็นค่ะ”
“อืม” เสียงทุ้มของอัตถ์เอ่ยรับเพียงแค่นั้น ก่อนจะเดินผ่านทรายแก้วไปเพื่อตรงเข้าบ้านของเพียงนภา แม้ภายนอกจะเต็มไปด้วยความเย็นชาแต่ทว่าในใจกลับโหยหาและอยากได้คำตอบบางอย่าง
ส่วนทรายแก้วเองก็ถึงกับเป่าลมออกปากหนักๆ เมื่ออัตถ์เดินผ่านไปแล้ว พร้อมกับยกมือขึ้นกุมหัวใจของตัวเองที่เวลานี้เต้นโคมครามอย่างไม่เป็นจังหวะ แข้งขาของเธอก็รู้สึกอ่อนแรงจนต้องนั่งลงบนเก้าอี้อีกครั้ง มือทั้งสองข้างเย็นเฉียบและชื้นไปด้วยเหงื่อ
ทรายแก้วสูดอากาศเข้าปอดลึกๆ เพื่อดึงสติที่กระเจิดกระเจิงให้กลับมา พร้อมกับยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นตามไรผม ก่อนที่ภาพเหตุการณ์ในวันนั้นจะฉายกลับเข้ามาในความคิด
“อะไรครับทราย” สีหน้าของอัตถ์บ่งบอกว่าตกใจมาก เมื่อเห็นแหวนแต่งงานที่เขาเป็นคนสวมให้ทรายแก้วไปเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน
“แหวนค่ะ ทรายเอามาคืนให้พี่”
“ทำไมถึงเอามาคืนพี่” อัตถ์เอ่ยถามอย่างตกใจที่จู่ๆ ว่าที่เจ้าสาวก็เอาแหวนมาคืน เขาพยายามคิดในแง่ดีเข้าไว้ ทว่าอีกใจก็กลัวไปหมดเช่นกัน
“เพราะทรายจะมาขอเลิกกับพี่อัตถ์ค่ะ” ประโยคที่ได้ยินทำให้อัตถ์ตกใจอีกครั้ง ครั้งนี้มันมากกว่าครั้งไหนๆ ในชีวิตเลยด้วยซ้ำ
“ทำไม พี่ไม่เข้าใจ” สีหน้าของอัตถ์เต็มไปด้วยความสับสน เพราะการขอแต่งงานก็ผ่านไปได้ด้วยดี อีกอย่างอาทิตย์ที่จะถึงเขากับทรายแก้วก็นัดหมายไปดูชุดแต่งงาน สถานที่และอื่นๆ กันแล้ว
“ทรายขอโทษ แต่ทรายแต่งานกับพี่ไม่ได้จริงๆ” สีหน้าของทรายแก้วจริงจังเสียจนอัตถ์หัวใจอีกฝ่ายหล่นวูบ เพราะไม่คิดไม่ฝันว่าเจอกับสถานการณ์ในตอนนี้
“ทำไมละทราย พี่อยากรู้ว่าทำไมทรายถึงแต่งงานกับพี่ไม่ได้”
