บทที่ 4
“ไม่หรอกค่ะ ฉันแค่เลือกงานที่อยากทำเท่านั้น” ทรายแก้วพยายามทำใจดีสู้เสือ พยายามนิ่งเฉยไม่แสดงปฏิกิริยาตอบโต้ให้อีกฝ่ายคิดไปไกล
“แล้วถ้าฉันให้เธอไปทำงานด้วย เธอจะเรียกเงินเดือนเท่าไหร่”
“งานอะไรหรือคะ” ขณะเอ่ยถามหัวใจของทรายแก้วก็เต้นไม่เป็นจังหวะ เพราะกลัวว่าคำตอบที่จะได้ยินจะใช่ในแบบที่เธอคิด
“งานพิเศษที่ทำกับฉันแค่สองคน” ในที่สุดภีมเผยธาตุแท้ออกมา ทั้งๆ ที่ตั้งใจปล่อยให้ทรายแก้วตายใจอีกนิด ทว่าก็ทนเสียงเรียกร้องของความรู้สึกตัวเองไม่ได้จนต้องแอบลงมาหา
“แพงนะคะ”
“ฉันจ่ายไหว มันจะสักเท่าไหร่กันเชียว” นั่นเพราะทรายแก้วไม่ใช่คนแรกที่เขาเสนองานพิเศษให้ทำ
“เงินสดเดือนละห้าแสน บ้านหนึ่งหลังขอราคาไม่ต่ำกว่าห้าสิบล้าน รถสปอร์ตนำเข้าหนึ่งคัน คนรับใช้ส่วนตัว คนขับรถอย่างละหนึ่ง คุณภีมต้องเซอร์ไพรส์ฉันด้วยแหวนเพชรหนึ่งกะรัตทุกๆ เดือน พาไปเที่ยวยุโรปหรือต่างประเทศทุกๆ สามเดือน”
“ไม่คิดว่าตัวเองเรียกร้องมากไปหน่อยหรือ” ภีมเอ่ยถามอย่างไม่พอใจ เพราะไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนเรียกร้องมากเท่าทรายแก้วมาก่อน
“กำลังดีค่ะ แต่ถ้าคุณภีมจ่ายไม่ไหวจริงๆ ฉันก็เข้าใจค่ะ”
“ฉันนะเหรอจ่ายไม่ไหว” คนตรงหน้าแกล้งหัวเราะออกมา หรือต่อให้จ่ายไม่ไหวจริงๆ เขาก็ไม่มีวันบอกให้ทรายแก้วรู้อย่างเด็ดขาด
“เอาเป็นว่าเราดิวกันไม่ลงตัวนะคะ ส่วนเรื่องที่คุณภีมมายื่นข้อเสนอพวกนั้นให้ฉันจะเก็บไว้เป็นความลับไม่บอกคุณนภา แต่ถ้ายังตามเสนอค่าเหนื่อยให้ฉันไม่เลิกรา ความลับมันก็จะไม่ลับอีกต่อไปเช่นกัน ฉะนั้นเราต่างคนต่างอยู่น่าจะดีกว่านะคะ เพราะคนอย่างฉันต่อให้ทำให้ครอบครัวอื่นบ้านแตกสาแหรกขาด ฉันก็ไม่ใช่คนดีที่จะไปสนใจเท่าไหร่” ทรายแก้วส่งยิ้มหวานให้ภีม ทั้งๆ ที่ในใจนั้นกลับรู้สึกขยะแขยงผู้ชายตรงหน้า ส่วนภีมกลับรู้สึกว่าเขามองคนผิด คิดว่าทรายแก้วจะหัวอ่อนหรือเห็นแก่ความสบาย ที่ไหนได้เธอเองก็ร้ายไม่เบา
“สักวันฉันจะทำให้เธอคลานเข่าเข้ามาแทบเท้าฉัน” เอ่ยบอกเสร็จภีมก็เดินกลับเข้าบ้านไป นั่นเพราะลึกๆ ก็อยากเอาชนะผู้หญิงแบบนี้ดูสักครั้งเหมือนกัน ถ้าทำสำเร็จเขาคงภูมิใจในตัวเองไม่น้อย
เมื่อภีมเดินจากไปไกลแล้ว ทรายแก้วถึงกับเป่าลมออกปากหนักๆ วันแรกที่มาทำงานก็ถูกรับน้องเข้าเสียแล้วแต่จะลาออกเสียตั้งแต่วันนี้ก็ทำไม่ได้อีก เธอจะอดทนทำงานไปอีกสักหน่อยโดยต่อจากนี้จะไม่เปิดช่องให้ภีมเข้ามาประชิดตัวแล้วทำเรื่องบ้าๆ แบบนี้อีกเป็นอันขาด
อารมณ์อยากออกไปเดินรับลมเล่นเพราะนอนไม่หลับของทรายแก้วหายไปเป็นปลิดทิ้ง เธอกลับเข้าห้องใส่กลอนให้เรียบร้อย แต่กลอนมันดูไม่แข็งแรงจึงตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะออกไปซื้อมาติดเพิ่มอีกสักสองสามอัน
งานของทรายแก้วเริ่มตั้งแต่เช้าตรู่ ทันทีที่เตรียมตัวเสร็จเธอก็ขึ้นไปดูไลลาทันที เช้านั้นเธอได้พบกับภีมเพราะชายหนุ่มเข้ามาหาลูกสาวก่อนจะออกไปทำงาน แม้เมื่อคืนเขาจะยื่นข้อเสนอที่ทำเอาทรายแก้วนิ่งงัน ทว่าเช้านี้กลับยังคงส่งยิ้มมาให้ราวกับไม่ได้สะทกสะท้านต่อเรื่องที่ตัวเองก่อ
“คุณพ่อไปทำงานก่อนนะคะน้องไลลา” ภีมเอ่ยบอกอย่างอบอุ่น ก่อนจะใช้มือเขี่ยแก้มยุ้ยๆ ของลูกสาว จากนั้นก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไป
เพียงนภาออกไปส่งสามีที่หน้าบ้าน หอมแก้มเขาเหมือนทุกวันที่เคยทำ ยืนส่งจนรถของภีมนั้นขับออกไปจึงหมุนตัวกลับพร้อมใบหน้าที่เรียบเฉย ต่างไปจากเมื่อครู่นี้ที่ยังคงยิ้มแย้ม เธอเข้าไปหาลูกนั่งป้อนข้าวเช้าให้ เพราะถึงแม้จะมีพี่เลี้ยงอย่างทรายแก้วมาช่วยแต่บางอย่างเธอก็ยังอยากทำหน้าที่แม่ของตัวเองเช่นกัน
เมื่อไลลากินข้าวอิ่มทรายแก้วก็รับหน้าที่พาเด็กหญิงตัวน้อยไปอาบน้ำ เปลี่ยนชุดและให้ดื่มนมก่อนจะกล่อมนอน โดยเธอยังคงนั่งอยู่ใกล้ๆ ชีวิตของทรายแก้ววนหลูบเป็นงานรูทีนที่เคยชิน โดยเวลาส่วนใหญ่ของเธอนั้นจะหมดไปกับการดูแลไลลา เพราะยิ่งเป็นเด็กก็ยิ่งต้องมีคนดูแลอย่างใกล้ชิด กิจกรรมอื่นๆ ก็มีทั้งการเล่นเป็นเพื่อน สอนให้รู้จักนั่นนี่ อ่านหนังสือให้ฟังและอีกมากมาย
“เมื่อคืนนอนหลับสบายดีไหม” เพียงนภาเอ่ยถามทรายแก้วขึ้น
“ค่ะ”
“วันนี้ฉันจะออกไปซื้อของ เธอไปด้วยกันสิ พาน้องไลลาไปด้วย”
“ได้ค่ะ”
“พอดีพี่ชายฉันจะแวะมากินข้าวด้วย เลยอยากทำอาหารที่เขาชอบให้กินนะ” เพียงนภาเอ่ยบอก นานๆ พี่ชายจะแวะมากินข้าวด้วยแบบนี้จึงอดที่จะดีใจไม่ได้ แม้บ้านจะอยู่ติดกันแต่อีกฝ่ายกลับชอบอยู่คอนโดมิเนียมมากกว่า คงเพราะสะดวกในอะไรหลายๆ อย่าง อีกอย่างเธอก็ไม่ค่อยได้พาลูกออกไปไหนมาไหนเลยด้วย
คนขับรถทำหน้าที่ขับรถไปส่งทั้งสามที่ห้างสรรพสินค้าชื่อดัง เพียงนภาเลือกที่จะอุ้มลูกไว้แนบอกก่อนเพราะยังไม่อยากให้นั่งในรถเข็นเด็ก เด็กหญิงไลลาดูตื่นตาตื่นใจกับสภาพแวดล้อมที่ต่างไปจากเดิมแต่ก็ไม่ร้องไห้งอแงแต่อยางใด ส่วนทรายแก้วนั้นก็เข็นรถเข็นเด็กเดินตามทั้งสองคนมาไม่ห่าง
ทั้งสามคนใช้เวลาที่ห้างสรรพสินค้าประมาณสามชั่วโมง ชั่วโมงแรกหมดไปกับการเลือกซื้อของในซุปเปอร์มาเก็ต นานๆ เพียงนภาจะออกมาเดินเลือกซื้อเองจึงค่อนข้างเพลินและสนุก จากนั้นก็ขึ้นไปซื้อของที่แผนกเด็กได้ชุดสวยๆ ของไลลามาหลายชุด รวมไปถึงหมวก รองเท้าถุงเท้าและของเล่นน่ารักๆ ที่เด็กหญิงเป็นคนเลือกมันด้วยตัวเอง
ก่อนจะตบท้ายด้วยการมานั่งกินข้าวด้วยกัน ซึ่งตอนนี้ไลลาหลับอยู่ในรถเข็น เพียงนภาคอยสังเกตทรายแก้วตลอด แต่ไม่นานการจับตามองก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นความเชื่อใจ โดยเฉพาะไลลาที่เข้ากับทรายแก้วได้ดีกว่าที่คิด หลังจากนั้นทั้งหมดตรงกลับบ้าน
