บทที่ 4 แผนร้ายของหลัวซูหนิง
เมื่อหลัวเหมยเห็นพี่สาวต่างมารดาเดินย้อนกลับมาเพื่อตามหานาง แม้ไม่ได้เกิดจากความเป็นห่วง แต่นางก็ดีใจเหลือเกินที่ฝ่ายนั้นนึกถึงนางและย้อนกลับมาดู ทว่า รอยยิ้มของเหมยซูหนิงยามนี้กลับทำให้นางเกิดความหวั่นใจแปลกๆ
“เหมยเอ๋อร์?”
สีเทียนหยางปล่อยมือจากหญิงสาวพร้อมทวนชื่อของนาง
หลัวเหมยหันกลับมามองชายหนุ่ม เห็นว่าอีกฝ่ายเอาแต่จ้องมอง ซ้ำสายตาลึกล้ำยากหยั่ง นางจึงรีบก้มหน้างุด
ทางด้านของเหมยซูหนิง พอรู้ความลับของใต้เท้าผู้ตรวจการ นางเชิดหน้าพูดอย่างคนที่อยู่เหนือกว่า
“เรียนใต้เท้าตามตรง เหมยเอ๋อร์คือน้องสาวต่างมารดาของข้าน้อย แต่นางทั้งโง่เขลาทั้งขี้ขลาด ถูกคนรังแกได้ง่าย จึงมีชีวิตเหมือนสาวใช้มากกว่าคุณหนูรอง”
“อ๋อ แบบนี้เองหรอกหรือ” สีเทียนหยางตอบนิ่งๆ
“ใต้เท้า... ท่านสนใจเหมยเอ๋อร์หรือเจ้าคะ ถ้ายังไง ช่วงที่ท่านไม่สบายให้เหมยเอ๋อร์คอยปรนนิบัติดูแลท่านดีหรือไม่ ส่วนเรื่องที่บ้าน ข้าจะกลับไปรายงานต่อท่านพ่อเอง”
ในเมื่อสีเทียนหยางไม่ยินดีรับของกำนัล แต่กลับสนใจเหมยเอ๋อร์ที่ทั้งสดและขาว เช่นนั้นบ้านสกุลหลัวก็มีหวัง ดีนะที่คืนนั้นเขาหนีไปได้ ไม่เช่นนั้นนางต้องถูกคนแก่โรคจิตอย่างเขาย่ำยีแน่ๆ
หลัวซูหนิงคิดอย่างดูแคลน
สีเทียนหยางทำหน้าครุ่นคิด สักครู่หนึ่งจึงบอก
“จะว่าไป ในเรือนของข้าไม่มีสาวใช้คอยปรนนิบัติ ความคิดของคุณหนูหลัวดีไม่น้อยทีเดียว”
หลัวเหมยส่ายหน้าระรัวอย่างหวาดผวา ก่อนหันไปขอความช่วยเหลือจากหลัวซูหนิง
“พี่ใหญ่ ท่านพูดเล่นใช่หรือไม่เจ้าคะ”
“ข้าพูดจริง และข้าคิดว่าท่านพ่อท่านแม่คงคิดแบบเดียวกับข้า” หลัวซูหนิงพูดกับหลัวเหมยไม่เหมือนพี่สาวคุยกับน้องสาว แต่แววตาและน้ำเสียงแสดงออกถึงความไร้เยื่อใย คล้ายบ่าวกับเจ้านายมากกว่า “เหมยเอ๋อร์ ใต้เท้าสีเป็นคนสำคัญในเมืองเฉาหลัว เจ้าได้ปรนนิบัติใต้เท้าย่อมดีเท่าไรแล้ว หญิงสาวบ้านอื่นต้องทำบุญกี่ชาติถึงจะมีโอกาสเหมือนเจ้า”
ได้ยินคำพูดของหลัวซูหนิง สีเทียนหยางยิ่งมั่นใจว่า ดีแค่ไหนแล้วที่เมื่อคืนเขาหนีออกมาจากบ้านสกุลหลัว ไม่ปล่อยให้เกิดเรื่องเลยตามเลยกับสตรีใจแคบเช่นนี้ อีกอย่าง บ้านสกุลหลัวจะเป็นที่แรกที่เขาจะไม่ข้องแวะด้วย แต่ผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงกลางระหว่างเขากับหลัวซูหนิงน่าสนใจจนเขาไม่อาจปล่อยมือได้
“คุณหนูหลัวพูดมาก็ถูก” สีเทียนหยางเอ่อออเห็นด้วย
หลัวซูหนิงยิ้มเจ้าเล่ห์ “ให้เหมยเอ๋อร์อยู่ที่นี่คอยปรนนิบัติใต้เท้าสีตอนนี้เลยก็ได้นะเจ้าคะ”
“ดีเหมือนกัน แค่กๆ ข้าเองก็อยากพักผ่อนเต็มแก่แล้ว” สีเทียนหยางบอก ก่อนจะไอออกมา “คุณหนูหลัว ข้าไม่ส่งนะ”
พูดจบ เขาหมุนตัวเดินกลับเข้าห้องส่วนตัว ที่เหลือคือให้พี่สาวกับน้องสาวตกลงกันเอง และนั่นทำให้สีเทียนหยางตาสว่าง รู้ว่าบ้านสกุลหลัวนั้นเห็นแก่ตัวมากเพียงใด นั่นเพราะคำพูดของหลัวซูหนิงแสดงออกชัดเจนมาก นางเห็นหลัวเหมยเป็นสิ่งของ ซื้อขายกันได้
“เหมยเอ๋อร์ เจ้าอยู่ดูแลใต้เท้าสีที่นี่แหละ ข้าจะกลับไปบอกท่านพ่อให้เจ้าเอง”
หลัวซูหนิงเวลานี้เหมือนมีความหวัง ในเมื่อสีเทียนหยางสนใจเหมยเอ๋อร์ เหตุใดนางไม่ใช้โอกาสนี้สนับสนุนคนทั้งสอง ส่วนนางจะได้แต่งกับลูกชายบ้านสกุลจาง
ได้ยินคำพูดของหลัวซูหนิง เหมือนมีก้อนแข็งๆ ติดในลำคอของหลัวเหมย หากเป็นไปได้ นางอยากร่ำไห้ออกมาตรงนี้เลย แต่นางก็ทำไม่ได้ จึงอ้อนวอนตรงๆ
“พี่ใหญ่ ข้าไม่อยากอยู่ที่นี่...”
หลัวซูหนิงมองน้องสาวด้วยแววตาหงุดหงิด
“เจ้าก็รู้ความประสงค์ของท่านพ่อ ยังจะกล้าขัดอีกหรือ”
หลัวเหมยไม่รู้ว่าในอกนางควรจะหวาดกลัวหรือโกรธคนอย่างสีเทียนหยางดี ที่ทำให้นางต้องตกที่นั่งลำบาก แต่ที่รู้ๆ นางไม่พอใจกับการกระทำของบ้านสกุลหลัวเอามากๆ ไม่พอใจกับแผนการของบิดา ต้องการอำนาจของใต้เท้าผู้ตรวจการมาหนุนหลังกิจการอย่างไม่เลือกวิธี
ส่วนพี่สาวชอบเงิน ไม่ได้ชอบใต้เท้าผู้ตรวจการจริงๆ นั่นเพราะนางพูดเสมอว่า ใต้เท้าผู้ตรวจการอายุสามสิบสมควรแต่งภรรยาเข้าจวนนานแล้ว แต่คงบกพร่องอย่างใดอย่างหนึ่ง อาจจะด้านสมรรถภาพจึงไม่มีภรรยาเสียที นั่นคือสิ่งที่ทุกคนในบ้านสกุลหลัวหวั่นวิตก อีกอย่าง พี่ใหญ่ชอบพอกับลูกชายบ้านสกุลจาง ทั้งหนุ่มกว่าและหล่อเหลากว่า ในใจของนาง แน่นอนว่ายกให้ฝ่ายหลังไปหมดแล้ว
เมื่อคืน นางรู้ว่าใต้เท้าสีเทียนหยางกำลังถูกหมัดมือชก บิดาวางยาปลุกกำหนัดในเหล้า เพื่อให้ข้าวสารกลายเป็นข้าวสุกกับพี่สาว นางเห็นว่าไม่ถูกต้องจึงช่วยเขาออกมาจากคฤหาสน์
ทว่ากลับกลายเป็นว่า... ถึงนางจะช่วยสีเทียนหยางหนีออกมาจากบ้านสกุลหลัว แต่... แต่เขากลับเนรคุณปลุกปล้ำนาง
หากเรื่องนี้ล่วงรู้ถึงบุคคลที่สาม ผู้ที่เสียหายก็คือเขา และนี่อะไร เขายังรั้งให้นางอยู่ต่อ ยิ่งตอกย้ำความเสื่อมเสียให้กับเขา
นางไม่เคยกลัวว่าตนจะเสื่อมเสีย เพราะไม่มีสิ่งใดหนักหนาไปกว่าการมีชีวิตอยู่ในบ้านสกุลหลัวด้วยฐานะเช่นนางอีกแล้ว แต่ใต้เท้าผู้ตรวจการมีอนาคตที่รุ่งโรจน์สดใสรออยู่เบื้องหน้า นางไม่ควรเป็นตัวทำลาย ร้างความเสื่อมเสียให้เขา
“พี่ใหญ่ ให้ข้ากลับบ้านไปกับท่านด้วยนะ” หลัวเหมยอ้อนวอน นางยอมถูกเฆี่ยนตีดีกว่าอยู่ที่นี่
“เหมยเอ๋อร์ ทำตามที่ข้าบอก หากเจ้ากลับบ้านก่อนที่ข้าจะอนุญาต เจ้าไม่ตายดีแน่” หลัวซูหนิงข่มขู่ จากนั้นเดินเชิดหน้าออกจากเรือนของสีเทียนหยาง
“พี่ใหญ่...” หลัวเหมยถึงแม้ไม่อยากอยู่ที่นี่ แต่คำสั่งของพี่ใหญ่ทำให้นางไม่กล้าก้าวขาเดินตามไป
นางมองแผ่นหลังของหลัวซูหนิง จากนั้นมองคนด้านใน
ตอนนี้นางไม่ได้หวาดกลัวว่าตนจะตายแบบไหน แต่นางกลัวคนที่อยู่ข้างในนั้นต่างหาก
ในใจของหลัวเหมยเกิดความย้อนแย้ง หวาดกลัวสีเทียนหยาง แต่ก็ไม่อยากสร้างความเดือดร้อนให้กับเขา ด้วยฐานะของนางแล้วจะอย่างไรก็ช่าง