บท
ตั้งค่า

บทที่ 16 เด็ดดอกลึกลับ

ราชางูพลันโมโหจัด บิดตัวอย่างบ้าคลั่ง ยกหางขึ้นสูง ละทิ้งสองคนนั้นชั่วคราว ตวัดใส่เฉินซ่าอย่างแรงทันที

น้ำหนักของหางงูนั้นหนักอย่างน้อยหนึ่งร้อยกิโลกรัม หากโดนเข้าอย่างจังไม่ตายก็พิการ แต่หัวงูกลับบิดเป็นองศา เข้าโจมตีเฉินซ่า ในสถานการณ์เช่นนี้ ถ้าเขาอยากหลบ จะทำได้เพียงหลบไปทางขวา แต่ทางขวามีอิงกับองครักษ์อยู่ ด้านหลังพวกเขาคือโหลชี!

โหลชีเข้าใกล้ดอกลึกลับอย่างระมัดระวัง พลางสังเกตเหตุการณ์ทางด้านนี้ พอเห็นฉากนี้ ดวงตานางหรี่เล็กลง ไปทางซ้ายคือเข้าทางงู โดนหางหนักร้อยกิโลกรัมฟาดเข้าให้ เฉินซ่าจะเลือกยังไงนะ? อิงกับองครักษ์เป็นลูกน้องเขา จะสละชีวิตเพื่อเขาก็ไม่แปลก แล้วนางล่ะ ก็แค่สาวใช้ที่เขาเก็บได้กลางทาง ให้นางตายคงดีกว่าเขาตายกระมัง?

นิ้วมือขยับอย่างว่องไว รอเพียงเขาล่อราชางูมาทางนี้

วินาทีต่อมา ดวงตานางพลันเบิกกว้าง

"เดรัจฉานสมควรตาย" เฉินซ่าสีหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์ ร่างสูงใหญ่พุ่งไปทางซ้าย เขากล้าได้ยังไง? เขากล้าเลือกแบบนี้ได้ยังไง? นั่นคือพุ่งเข้าปากงูเลยนะ!

"นายท่าน!" อิงกับองครักษ์อุทานอย่างตกใจ และลงมือพร้อมกันพุ่งกระบี่ในมือใส่ร่างงู

เฉินซ่าพลันสะบัดแขนอย่างแรง ร่างบินพุ่งจากที่เดิม ราชางูง้างเขี้ยวกัดขาเขา มือซ้ายเขาสะบัด ใช้ฝ่ามือผลักพลังให้ร่างตนที่อยู่กลางอากาศพุ่งขึ้นสูงอีกครึ่งเมตร เท้าหนึ่งลงเหยียบบนหัวงู เทียบเท่าน้ำหนักห้าร้อยกิโลกระแทกหัวงูลงพื้นอย่างแรง

"ข้ามีหรือจะสยบเดรัจฉานเยี่ยงเจ้ามิได้"

คำพูดอหังการโอหังนัก ปึ้งดังขึ้น หัวงูโดนเหยียบกระแทกพื้นอย่างแรง จนรอบด้านฝุ่นฟุ้งกระจาย

โหลชีคลายนิ้วมือออก พ่นลมหายใจออกมาแผ่วเบา วิ่งไปทางบ่อน้ำมืดอย่างรวดเร็ว

ราชางูตัวใหญ่เพียงนั้น ไม่มีทางโดนเฉินซ่าสยบได้ง่ายขนาดนี้อยู่แล้ว มันบิดตัวอย่างบ้าคลั่งในทันใด ร่างอันอวบอ้วนและยาวของงูบิดตัวอยู่บนพื้น พริบตาเดียวฝุ่นคลุ้งเต็มพื้นที่ และเท้าของเฉินซ่าเหยียบย่ำบนหัวงูถนัดถนี่ ไม่ขยับแม้เพียงนิด ยอมให้หางงูสะบัดโบกมาทางเขาอย่างหนักหน่วง

อิงกับองครักษ์สะบัดกระบี่ฟันหางงูพร้อมกัน

ยามที่พวกเขากำลังโรมรันพันตูกับงู โหลชีมาถึงริมบ่อน้ำมืด กำลังเอื้อมมือไปเด็ดดอกไม้ ทันใดนั้นพลันเห็นว่า บนกลีบดอกไม้และเกสรดอกไม้มีผงเกสรสีเขียวบางๆ อยู่หนึ่งชั้น สมองนางหมุนเวียนความคิดอย่างรวดเร็วและนึกถึงคำที่นักพรตเลวเคยพูดไว้ว่า เชื้อราของพิษร้ายบางชนิด จะเหมือนผงเรืองแสง ชอบอยู่บนเกสรดอกไม้ที่มีฤทธิ์ยาสูง ถ้าดอกไม้นี้สามารถเอามาทำกระสายยาได้ ถ้าอย่างนั้นต้องล้างเชื้อราพวกนี้ออกก่อน แต่ไม่ใช่น้ำทั้งหมดจะล้างพวกมันได้ ถ้าล้างมั่วซั่ว กลับจะทำให้ผงเชื้อราพวกนี้แทรกซึมเข้าเกสรดอกไม้ และทำให้ดอกไม้นี้เปลี่ยนเป็นดอกไม้พิษ อย่างนั้นก็จะใช้เป็นกระสายยาไม่ได้แล้ว

ไม่รู้ว่าพวกเฉินซ่ารู้เรื่องนี้กันไหม?

โหลชีมองดูบ่อน้ำมืดนั้น สายตากลอกไปมาเล็กน้อย ยังไงนางไม่ต้องคอยจัดการทุกเรื่องมั้ง? บางทีพวกเขาอาจจะรู้เรื่องนี้สิน่า

"เร็วหน่อย!" เสียงของเฉินซ่าดังขึ้น

โหลชีเด็ดดอกลึกลับขึ้นมาทั้งดอก พลันกัดฟันเปลี่ยนใจ ตะโกนไปทางอิง "ถุงน้ำ!"

อิงกำลังโดนหางงูโจมตี บินเข้าหานางทั้งตัว จนแทบจะชนเข้ากับกำแพงหน้าผาบนบ่อน้ำมืดอยู่รอมร่อ โหลชียื่นมือไปคว้าจับสายรัดเอวเขา และดึงลงมาทั้งตัว ยื่นมือจับหมุนตัวดึงลงมา ร่างเขายืนนิ่ง สองเท้าลงพื้นเรียบร้อย

อิงแอบประหลาดใจ แต่ยังไม่ทันได้คิด หางงูนั่นพลันตวัดมาอย่างแรงอีกครั้ง เขาไม่มีเวลาครุ่นคิดต่อ คว้ากระบี่พุ่งเข้าไปอีก ก่อนหน้านี้โหลชีได้คว้าถุงน้ำจากเอวเขาลงมาอย่างรวดเร็ว เทน้ำใสในนั้นทิ้ง และเติมน้ำให้เต็มถุงน้ำในบ่อน้ำมืด

ปิดจุก ถอยอย่างรวดเร็ว ให้ไกลที่สุด

ในตอนที่นางเริ่มถอย งูตัวนั้นหมุนตัวมาแล้ว เห็นว่าดอกไม้ที่ตนพิทักษ์หายไปแล้ว ก็โกรธจัด แล่นเลื้อยมาทางโหลชี

โหลชีถอยร่นไม่หยุด ร่างใหญ่โตหนึ่งทะยานมาขวางหน้านาง สะบัดแขน กำปั้นพลันส่งประกายแสงสีแดงบางๆ ออกมา เขาชกกำปั้นเข้าใส่หัวงูที่เลื้อยเข้ามาหนึ่งหมัดทันที

บรึ้มดังขึ้น งูทั้งตัวโดนเขาชกกระเด็นออกไป พิชิตวันเล่มนั้นในมือเขาแทงเข้าไปที่เจ็ดชุ่นของงูตัวนั้นอย่างแรงทันที

ร่างงูใหญ่มหึมาตกกระแทกลงพื้น เกิดเสียงดังสนั่น

"ฮุ ในที่สุดก็ตายแล้ว เกลียดสัตว์เหล่านี้จริงๆ " อิงปาดเหงื่อที่หน้าผากออก

"ควักเอาดีงูกับลูกแก้วจิตออกมา" เฉินซ่าพูด เขาพึ่งพูดจบ องครักษ์ได้ฆ่าและควักดีงูออกมาแล้ว

เฉินซ่าหมุนตัวมามองโหลชี นางเงยหน้าเผยรอยยิ้มเลื่อมใสให้เขา พูดอย่างประจบประแจงว่า "นายท่านร้ายกาจนัก วิทยายุทธ์ดียิ่ง กล้าหาญ รักพวกพ้อง ทั่วทั้งใต้หล้าจะหานายท่านที่ดีเยี่ยงนี้ได้ที่ไหนกัน"

แหวะ เมื่อก่อนนางเคยแต่ประจบนักพรตเลว ตอนนี้กลับเพิ่มมาอีกคน คิดๆ แล้วก็สงสารตัวเองชะมัด

เฉินซ่ามองดูจุดที่นางยืนอยู่ สายตาเปล่งประกายวาบขึ้น ไม่ได้ตอบคำพูดชมเชยประจบของนาง

แต่ในตอนที่พวกเขากำลังเก็บข้าวของเตรียมหาทางออก โหลชีที่เดินมายืนขางเขาพลันได้ยินเขาพูดขึ้น "ในเมื่อรู้สึกว่าข้าดี เยี่ยงนั้นอยู่ข้างกายข้าตลอดชีวิตสิ"

"เอ๋ เฉินซ่า ท่านทำแบบนี้มิได้ การบอกความในใจมิใช่แบบนี้..." โหลชีโหลชีตีหน้าซื่อไร้เดียงสา ยิ้มเผล่

เฉินซ่าเหล่เขาหนึ่งที จากนั้น "...อยู่ข้างกายข้า ทำหน้าที่สาวใช้ให้ดี"

เชอะ ให้เป็นสาวใช้คนอื่นทั้งชาตินางไม่ทำหรอก

โหลชีมองบน สะบัดมืออย่างไม่แยแส พูดลอยๆ ว่า "ไว้ค่อยว่ากันเถอะ"

แววตาเฉินซ่าขรึมลงอีก หญิงผู้นี้ช่างบังอาจนัก ท่าทีเยี่ยงนี้ดูมิยี่หระสิ่งใดจริงๆ ! เขาเป็นถึงจ้าวครองพั่วอวี้ ทำไมทำเยี่ยงนี้?

เขากลับไม่รู้ว่าโหลชีมาจากที่ใด ในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดสังคมคนเจริญแล้วทุกคนเท่าเทียมกัน ฐานะระดับไม่ได้แบ่งแยกชัดเจนขนาดนี้ ยิ่งไปกว่านั้นในยุคปัจจุบัน นางเองก็เป็นคนทำอะไรเอาแต่ใจ ตอนนั้นยังเคยเจอสมาชิกราชวงศ์ของประเทศต่างๆ นางก็ไม่ได้มองพวกเขาว่าอยู่สูงกว่าใครยังไง

อีกอย่าง นางไม่เข้าใจโลกนี้เลยสักนิด พั่วอวี้อะไร คือที่ไหน?

ไม่รู้จัก!

ในเมื่อไม่รู้ จะหาความเคารพมาจากไหนกัน

อิงได้ยินคำพูดพวกนี้ ทนไม่ไหวหันกลับมาถลึงตาใส่โหลชี แต่ก็พลันนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ รีบถอยมายืนข้างนาง ถามว่า "นี่โหลชี เจ้าเป็นวิทยายุทธ์ใช่หรือไม่?"

เมื่อครู่สถานการณ์คับขัน เขาไม่มีเวลาคิด หากตอนนี้คิดดูอย่างละเอียดแล้ว เขารู้สึกมิชอบมาพากล ตัวเขาใหญ่ปานนี้ น้ำหนักขนาดนี้ ตอนนั้นนางกลับยกเขาขึ้นมาได้ด้วยมือเดียว? หรือว่าสองมือกัน? เขาเริ่มคิดไม่ออก ตอนนั้นนางกระทำการไวมาก ไวจนเหตุการณ์มันเลือนรางเมื่อเขามาคิดตอนนี้

โหลชีเหล่เขา "ข้าทำอันใดมิเป็นทั้งนั้น ข้าเป็นเพียงสาวใช้ เข้าใจหรือไม่?"

พูดจบ นางมองไปรอบด้าน จากนั้นเดินไปทางหนึ่ง อิงขมวดคิ้วมองตามแผ่นหลังนาง แล้วจึงได้ยินนายท่านตนถามว่า "เรื่องอันใดกัน?"

อิงเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ หากว่าเขาเองยังคิดมิตกว่าโหลชีมีวิทยายุทธ์หรือไม่ หรือเมื่อครู่เขาจำเรื่องราวผิด? ถึงสถานการณ์จะคับขันมาก เขามิควรจะถึงกับจำรางเลือนปานนี้ได้

เฉินซ่ามองตามแผ่นหลังของโหลชีอย่างครุ่นคิด

เสียงขององครักษ์ตัดบทความครุ่นคิดของทั้งคู่ "นายท่าน หาทางออกมิได้ขอรับ"

นี่เป็นเรื่องใหญ่ละ หากหาทางออกมิพบ หรือพวกเขาต้องติดอยู่ที่นี่?

เดิมมีน้ำย่อมมีทางออก หากบ่อน้ำมืดแห่งนี้ไหลออกมาระหว่างหุบเหว คงมิอาจทุบกำแพงหน้าผาทั้งหมดกระมัง ทั้งหมดแยกกันตามหาทางออก แต่หาอยู่นาน มิพบอะไรเลย

ถ้ำนี้ประหนึ่งเปิดออกจากในกลางภูเขา อิงเคาะไปทุกทิศก็พบว่าเป็นกำแพงภูเขาจริงๆ มีแห่งหนึ่คล้ายจะเป็นทางออก หากพอไปดู กลับเป็นแค่ทางเข้าถ้ำ คือสามารถเห็นด้านนอกได้ มีลมและแสงเล็กน้อยลอดเข้ามา ประตูถ้ำไม่ใหญ่ หัวลอดออกไปได้ หากพอออกไปแล้วกลับยิ่งสิ้นหวัง เพราะด้านล่างเป็นเหวลึกไร้ก้น ต่อให้พวกเขาสามารถเปิดทางเข้าทางนี้ให้ใหญ่ขึ้น พอให้คนออกไปได้ หากก็มิอาจขึ้นหรือลงได้ เท่ากับไร้หนทางไป

"หมอเทวดาบอกว่า หลังจากพบดอกลึกลับแล้วต้องรีบนำกลับไปภายในสามวัน เขาคิดหาวิธีเก็บรักษา หากช้าเกินไป ฤทธิ์ยาของดอกลึกลับจะสูญสิ้น" อิงร้อนใจมาก เวลานี้ถึงแม้จะพบดอกลึกลับแล้ว แต่ถ้ามิอาจส่งกลับไปได้ทันเวลา เท่ากับเสียแรงเปล่า

เฉินซ่าไม่พูดอะไรเลย สายตาเขาจับจ้องไปที่ตัวโหลชีซึ่งกำลังนั่งยองๆ อยู่มุมหนึ่งนานแล้ว เขาเดินเข้าไปย่อตัวลงข้างนาง มองดูนางจัดการ ขมวดคิ้วถาม "เจ้ามิคิดจะพูดอันใดบ้างรึ?"

"ข้าจะพูดอะไรได้? พวกท่านกำลังหาทางออก ข้าช่วยอะไรมิได้ แต่เห็นเถาวัลย์พวกนี้ดูแข็งแรงยิ่ง อีกทั้งยาว ข้าเลยดึงออกมาดูว่าจะสามารถถักเป็นเชือกได้หรือไม่ ลางทีอาจจะได้ใช้ก็ได้" โหลชีพูดอย่างไร้เดียงสา ในใจคิด รีบชมฉันน่ารักสิ ไม่น่ารัก ว่าโง่ก็ได้ กูไม่ถือ!

อิงเดินเข้ามา เห็นนางนั่งถักเถาวัลย์พวกนั้นไม่หยุด ถามขึ้นอย่างหัวเสียว่า "สิ่งนี้รึ หวายละเอียดเล็กเพียงนี้จะถักเป็นเชือกได้เยี่ยงไรกัน? เจ้าทำเรื่องที่มีคุณค่าได้หรือไม่? อย่างเช่นช่วยหาทางออก!"

และสิ่งที่นางกำลังถักนั้นแปลกยิ่ง สิ่งนั้นรายล้อมนางอยู่กลุ่มหนึ่งแล้ว แต่กลับดึงอย่างไรก็มิเห็นราก ประหนึ่งมีไม่สิ้นสุด มันช่างยาวยิ่งนัก ในสายตาอิง นี่เป็นเรื่องที่น่าเบื่อยิ่งนัก

มิเข้าใจจริงๆ เหตุใดนายท่านต้องนั่งดูราวกับมีเรื่องเช่นนี้จริงๆ ด้วย ไม่ไม่ไม่ ท่านยังยื่นมือเข้าช่วยแล้ว!

เฉินซ่าลงมือช่วยแล้วจริงๆ เขารับเถาวัลย์นั้นจากมือโหลชีมา และลงมือถักเร็วกว่านางยิ่งนัก

สายตาของโหลชีที่มองอิงแทบจะถลนออกมาแล้ว ในใจกลับรู้สึกตลก แต่พอมองชายข้างกาย นางก็รู้สึกไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ หมอนี่ช่างสังเกตเกินไปแล้ว แถมยังหลอกยากเอามากๆ ด้วย สำหรับจุดนี้โหลชีไม่พอใจเอามากๆ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel