บท
ตั้งค่า

บทที่๓│พบพาน (๓)

สืบเนื่องมาจากคีรีถึงคราวตกที่นั่งลำบาก จากพนักงานขนส่งธรรมดากลับกลายเป็นคนรักของมหาเศรษฐีระดับประเทศ หากอีกฝ่ายไม่คิดจะกำจัดดวงวิญญาณของเขาเพื่อให้วาริได้กลับเข้าร่าง บางทีเขาอาจมีชีวิตที่ดีขึ้น ได้ทำงานในเครือของรัชสีห์กรุ๊ปที่ยิ่งใหญ่ ได้อยู่ในเมืองหลวงซึ่งเป็นเมืองเศรษฐกิจ ได้สิงสู่ในร่างที่ผิวพรรณนวลเนียนจากการดูแลอย่างดี แต่กลับกลายเป็นว่าเขาถูกล่าจนต้องมาอาศัยอยู่ในบ้านหมอธรรมท่านหนึ่งที่ก็ยินดีให้อยู่อาศัยจนกว่าเรื่องนี้จะจบลง

เกิดคำถามขึ้นในใจว่ามันจะจบลงได้อย่างไรในเมื่อฝ่ายนั้นต้องการให้เขาตายตกไปเพื่อที่จะได้ร่างนี้ไปครอง

ด้วยประการทั้งปวง คีรีจึงได้รับอนุญาตให้อยู่ที่บ้านของพ่อครูพัลลภ เพราะเขาไร้หนทางให้เดินหน้า จะกลับบ้านที่พัฒนานิคมก็คงเป็นไปไม่ได้ จะกลับไปหาจงเจตก็เหมือนเดินเข้าห้องเชือดให้คนพวกนั้นฆ่า สำคัญที่สุดคือเขาไม่มีทรัพย์สินติดตัวสักบาท โทรศัพท์มือถือก็ไม่มี

คีรีไร้หนทางโดยสมบูรณ์ ทางรอดเดียวจากคนมีอำนาจอย่างจงเจตและภูตผีร้ายคือการอยู่กับพัลลภ

“เอ็งจะนอนที่ไหนล่ะ”

บริเวณนี้มีเพียงหนุ่มใหญ่วัยสามสิบแปดกับชายหนุ่มผิวพรรณดีเพียงสองคน มรุตกับสมาแยกย้ายกันไปอาบน้ำเพื่อเข้านอนหลังจากคุยธุระเสร็จสรรพเรียบร้อย

คิ้วเรียงสวยได้รูปเลิกขึ้นสูง “ครับ? ก็ต้องนอนที่นี่ไงครับ”

“หมายถึงห้องไหน”

“อ้อ”

“บ้านนี้มันมีแค่สองห้อง ห้องไอ้พวกนั้นมันแบ่งคนละครึ่ง ถ้าเอ็งจะไปนอนกับพวกมันก็ได้แต่คงต้องเบียดบนเตียงใครสักคนไม่ก็เอาเสื่อไปปูแล้วนอนที่พื้น”

คนอายุน้อยกว่าพยักหน้ารับคำทันที “ได้ครับ ผมอยู่ง่ายกินง่าย”

“ถ้าไม่อยากนอนบนพื้นก็ไปนอนที่ห้องข้า”

เขารีบส่ายหน้าด้วยความเกรงใจ “ไม่ได้หรอกครับ พ่อครูเป็นใครแล้วผมเป็นใคร จะให้ตีตนเสมอท่านไม่ได้ เดี๋ยวผมนอนในห้องน้องแสนกับพี่แมะเองครับ ไม่รบกวนพ่อครูดีกว่า เพราะเท่าที่พ่อครูยื่นมือมาช่วยเหลือผมนี่ผมก็ไม่รู้ว่าจะตอบแทนยังไงแล้วล่ะครับ”

คิ้วเข้มมุ่นเข้าหากัน

“จะต้องตอบแทนอะไร แค่จ่ายเงินข้าก็พอ”

“ครับ?”

“เงินน่ะเงิน ข้าไม่ได้ทำงานอาสา ไม่ได้จะให้อยู่หรือช่วยเอ็งฟรีๆ สักหน่อย”

เขาเงียบไปราวนาที “แต่พ่อครูครับ ตอนนี้ผมไม่มีเงินติดตัวสักบาท ให้ผมทำงานแลกเงินได้ไหมครับ” เขามองอย่างเว้าวอนคนอายุมากกว่า ได้แต่หวังว่าอีกฝ่ายจะนึกเมตตากัน “ผมขอสัญญาว่าจะทำงานทุกอย่างที่พ่อครูสั่งอย่างไม่อิดออด ขอแค่ช่วยชีวิตผมก็พอ”

“อืม” คีรียิ้มออกกับคำตอบนั้น “ทำอะไรได้บ้างล่ะ”

“หมายถึงงานด้านไหนครับ อย่างปกติผมจะขับรถส่งของ”

“ที่นี่ไม่มีของให้ส่ง”

“...ครับ” คีรีกล่าวต่อเมื่อตั้งหลักได้ “ผมทำกับข้าวเป็น”

“ไอ้แมะทำกับข้าวถูกปากข้าพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้เอ็งทำ”

ชายหนุ่มยังทำใจดีสู้เสือ “ถึงผมจะเป็นผู้ชายแต่งานบ้านก็ทำเป็น ที่ผ่านมาผมทำเองทั้งหมด กวาดบ้าน ซักผ้า ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้เลยครับ”

“เอ็งไม่ใช่ผู้ชายคนเดียวที่ทำเป็น ไอ้แสนก็ทำเป็น”

นัยน์ตาเรียวกะพริบถี่ พยายามคิดหาทางออกให้กับตัวเอง เขาขุดคุ้ยความสามารถพื้นฐานมาพูด แต่ไม่ว่าจะยกอะไรมากล่าวอ้าง พัลลภก็ปัดตกอย่างไม่ไยดี

“ผมพอจะเป็นลูกศิษย์ของพ่อครูได้ไหมครับ”

“ข้ามีลูกศิษย์อยู่สองคน ไอ้แมะกับไอ้แสน ทั้งคู่เป็นพวกใจถึง พวกนี้ไม่ใช่พวกใจเสาะ เอาเป็นว่าข้ายอมรับในความใจสู้ของเอ็งที่เอาตัวรอดจากพวกนั้นมาได้ แต่การที่เอ็งเห็นเงาตะคุ่มแล้ววิ่งป่าราบโดยไม่ตั้งสติเพ่งให้แน่ชัด มันไม่ใช่คุณสมบัติของคนที่จะมาเป็นลูกศิษย์ข้า”

เขาอ้ำอึ้ง “ผม...ผม” คีรีเม้มปากแน่น “ผมกลัวครับ ตอนนั้นผมเพิ่งเจอเรื่องสั่นประสาทมาก็เลยเตลิด”

“ถ้าเอ็งเป็นลูกศิษย์ข้า เอ็งจะได้เจอเรื่องสั่นประสาทบ่อยๆ โดยไม่ทันตั้งตัว และถ้าเอ็งเอาแต่เตลิดข้าก็คงเสียงานเสียการ”

“ผมจะเตรียมตัวให้พร้อมรับกับทุกสถานการณ์ไม่ว่าจะฉุกเฉินแค่ไหนครับ ขอแค่พ่อครูพร้อมให้โอกาสสั่งสอนผม ผมสัญญาว่าจะเป็นลูกศิษย์ที่ไว้ใจได้”

“งั้นรึ”

ยังไม่ทันที่คีรีจะได้ตอบคำถาม ร่างของอะไรบางอย่างก็ห้อยหัวลงมาจากคานบ้าน ใบหน้าของเขาและสิ่งนั้นห่างกันแค่คืบ ดวงตาถลนออกจากเบ้าคล้ายจะหลุดมิหลุดแหล่ ลิ้นยาวถูกแลบออกมาหวังปัดป่ายไล้เลียใบหน้า แต่ชายหนุ่มกลับเปล่งเสียงหวีดร้องด้วยความตกใจพร้อมกับประเคนหมัดเข้ากลางหน้าหนึ่งที

‘โอ๊ย!’ เสียงโอดครวญแหลมเล็กของเด็กน้อยดังขึ้นพร้อมกับร่างนั้นลงมายืนที่พื้น เด็กน้อยทิ้งตัวนั่งลงไม่ใกล้ไม่ไกลกับเขา สองมือยกขึ้นมากุมใบหน้าของตน ก่อนดึงมือออกแล้วตวัดสายตามาทางสมาชิกใหม่ของบ้าน ‘ต่อยมาได้ เปี๊ยกเจ็บนะ’

คีรีจึงได้เห็นว่าใบหน้าของผู้พูดกลับมาเป็นปกติไม่เหมือนที่พบเจอเมื่อสักครู่

เด็กผีรึ?

‘ไม่ใช่!’ เจ้าตัวตวาดลั่น ‘ไม่ใช่เด็กผีสักหน่อย เปี๊ยกเป็นลูกพ่อครู ไม่ใช่ผี’

เขามั่นใจว่าตั้งคำถามอยู่ในใจนะ...

“ถ้าไม่ใช่ผีแล้วเป็นคนเหรอ ไม่จริงหรอก คนที่ไหนจะแลบลิ้นปลิ้นตาได้”

‘ไม่ใช่คนแต่ก็ไม่ใช่ผีไง เข้าใจอะไรยากจัง’ ว่าจบก็หันไปหาพัลลภ ‘พ่อครูคร้าบ พี่เขาต่อยเปี๊ยก’

หนุ่มใหญ่แค่ปรายตามองลูกกรอกตัวจิ๋วแล้วหันไปทางคนที่ต้องการจะฝากตัวเป็นศิษย์ ปากก็บอกว่าพร้อมตั้งรับกับทุกสถานการณ์ แต่แค่ให้เจ้าเปี๊ยกแกล้งทำหน้าตาน่ากลัวใส่ก็ร้องเสียงหลง ไหนเล่ายังทำร้ายร่างกายลูกรักเขาอีก แบบนี้เห็นทีจะไม่ผ่านเกณฑ์

พัลลภทอดถอนลมหายใจออกมาอย่างไม่ปิดบัง “ตอนเปี๊ยกแกล้งไอ้แสนมันมาน่ากลัวกว่านี้อีก ไอ้เด็กนั่นยังใจแข็งได้ ข้าว่าเอ็งไม่เหมาะกับงานพวกนี้หรอก”

“แต่พ่อครูครับ-”

“งานนี้ไม่ใช่ใครก็จะเป็นได้ มันท้าทายกับจิตใจไม่หยอกเลย เอ็งอาจตกใจกลัวจนช็อกตายก็ได้ ข้าว่ามันได้ไม่คุ้มเสียน่ะสิแบบนั้น” ว่าจบก็หันไปทางเด็กน้อย “ไปนอนเถิด พ่อแค่เรียกเอ็งมารับขวัญพี่เขา”

‘พี่เขาจะอยู่ที่นี่กับพวกเราใช่ไหมครับ’

พัลลภไม่ตอบ พอดีกับที่ร่างนั้นหายวับไปกับตา

ผีชัดๆ เลย

‘บอกว่าไม่ใช่ผี!’

คีรีสะดุ้งโหยง สองมือยกมากุมอกให้สงบจากอาการผวากับเสียงนั้น ที่แม้ตัวจะหายไปจากครรลองสายตาแล้วแต่ยังตะโกนตอบโต้กับเขาได้

“อย่างที่เห็น เอ็งเป็นลูกศิษย์ข้าไม่ได้หรอก”

แววตาของหนุ่มต่างถิ่นหม่นแสงลงทันที “ถ้าอย่างนั้นพ่อครูจะไม่ช่วยผมเหรอครับ เพราะผมไม่มีเงินมาจ่ายจริงๆ และผมก็ไม่มีประสิทธิภาพพอจะทำงานให้พ่อครูด้วย”

“ช่วย”

เขาเงยหน้าขึ้น สบสายตาคมเข้มแสนดุดันของชายฉกรรจ์ร่างใหญ่ พร้อมกับที่รู้สึกถึงกระแสอะไรบางอย่างที่หลั่งไหลเข้ามาในห้วงคำนึง ส่งผลให้อัตราการเต้นของหัวใจไม่เป็นปกติ

สมองไม่รักดีเอาแต่บอกว่าพัลลภช่างหล่อเหลา ซึ่งมันปฏิเสธไม่ได้เลยว่าร่างกำยำนี้ทรงเสน่ห์จนยากที่จะละสายตา

“เอ็งนึกออกหรือยังว่าอะไรคือสิ่งที่พอจะตอบแทนข้าได้”

“ไม่ครับ เหมือนผมจะไม่มีอะไรดีพอจะใช้ตอบแทนพ่อครูเลย”

ใบหน้าคร้ามคมส่ายไปมาอย่างเชื่องช้า “มีอยู่”

“ครับ?”

“ตัวเอ็งไง”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel