EPISODE 6 [ข้อเสนอและสิ่งที่อยากได้]
ใต้ปีกพายัพ : EPISODE 6
[ข้อเสนอและสิ่งที่อยากได้]
ก๊อก ๆ
ขณะที่เราได้แต่นั่งจ้องตากันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น ทำให้พายัพตวัดสายตามองไปที่ประตูทันที
“ใคร!”
“ผมเองเฮีย มีเรื่องด่วนครับ” เสียงของเก้า ลูกน้องคนสนิทของเขานั่นแหละ
“เดี๋ยวกูออกไป” พายัพส่งเสียงตอบ ก่อนจะหันมามองหน้าฉัน
“...”
“ถือว่าเธอโชคดี ต้องขอบคุณไอ้เก้าที่มาขัดจังหวะนรกของเธอ” เขาพูดขึ้นเสียงเย็น แล้วผละร่างฉันให้ลงจากตัก
“อาจจะนรกของนายก็ได้ใครจะไปรู้” ฉันว่าเสียงหยันอย่างไม่ยอมแพ้ หมอนี่มันปากกรรไกรจริง ๆ
“เก็บเสียงไว้ครางตอนฉันมาเล่นกับเธอจะดีกว่า เรื่องสนุกของเรามันยังอีกยาวสาวน้อย” ไม่ว่าเปล่าเขายังยื่นมือมาบีบแก้มฉันอีกต่างหาก ขยันทำให้ฉันเหลืออดจังนะ
“เหอะ! ระวังตัวไว้ให้ดีแล้วกัน” ฉันเอ่ยเตือน เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ท่าทางฉันคงต้องหาอะไรมาป้องกันตัวแล้วจริง ๆ
เช้าวันต่อมา...
โชคดีที่เมื่อคืนพายัพไม่ได้ย้อนกลับมารังควานฉันต่อ และการหนีออกไปครั้งนี้ เขาไม่ได้สั่งงดข้าวงดน้ำฉันเช่นสองครั้งที่ผ่านมา แน่นอนว่าต่อให้เขาสั่งงดข้าวจริง ฉันก็ไม่อ้อนวอนขอให้เขาอภัยหรอก คนอย่างใบข้าวศักดิ์ศรีมันค้ำคอ
กริ๊ก!
“ว้าย! นี่นายโรคจิตรึไงถึงเที่ยวเข้ามาในห้องคนอื่นแบบนี้” ทันทีที่เปิดประตูห้องน้ำออกมา ฉันก็ต้องร้องเสียงหลงเมื่อเห็นว่าพายัพกำลังนั่งสูบบุหรี่อยู่ที่ปลายเตียง
เขาเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมฉันไม่ได้ยินเสียงลูกบิดประตูเลยล่ะ
“ฮัลโหล! นี่บ้านฉัน” และนั่นคือคำตอบที่มาพร้อมสีหน้ายียวนกวนอารมณ์โมโหแต่เช้า ซึ่งฉันทำได้เพียงส่งสายตาค้อนวงใหญ่ไปให้เขา หมอนี่มันหน้าด้านจริง ๆ
“นายมีปัญหาอะไร” ฉันถามอย่างตรงไปตรงมาก่อนจะคว้าผ้าขนหนูอีกผืนมาคลุมไหล่ตัวเองไว้ เพราะสายตาของเขานั่นแหละที่เอาแต่มองมาที่ฉันอย่างจาบจ้วงไม่หยุด
“ฉันมีเรื่องจะตกลงกับเธอ” เขาพูดอย่างไม่อ้อมค้อม พร้อมตบมือลงที่ว่างข้างตัว
“มีอะไรก็พูดมา ฉันยืนตรงนี้ก็ฟังรู้เรื่อง” ฉันว่าอย่างไม่ยอมทำตามใจพายัพ ใครจะบ้าเดินไปนั่งข้างเขา คิดว่าฉันพิศวาสเขามากรึไง
“มานี่...” เขาสั่งอีกครั้งพร้อมขยี้มวนบุหรี่จนมอดแล้วโยนส่ง ๆ ไปที่พื้น
“ถ้าไม่พูดก็ออกไป อย่าทำเหมือนฉันอยากอยู่ใกล้นายนักได้ไหม” ฉันว่า แล้วยืนนิ่งไม่ขยับไปไหนทั้งนั้น นั่นทำให้พายัพลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เขาเดินตรงมาทางฉันทันที
“ทำไมเธอพูดยากนักวะ” เสียงทุ้มพึมพำ
“หยุด! หยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะ!” เมื่อร่างสูงกำยำย่างสามขุมเข้ามาใกล้ ฉันจึงดึงแปรงสีฟันที่ฝนจนปลายด้ามแหลมคมมาชี้หน้าเขา
“ให้ตายเถอะใบข้าว! เธอนี่แม่งเหลือเกินจังวะ” เมื่อเห็นว่าวันนี้ฉันประดิษฐ์อาวุธใหม่มาป้องกันตัว พายัพก็ยิ่งหัวเสียเข้าไปใหญ่
“อย่าคิดจะเข้ามา” ฉันเตือน ทว่าคนที่ดุนลิ้นกับกระพุ้งแก้มอย่างเหลืออดกลับพุ่งตัวเข้ามาคว้าข้อมือข้างนั้นของฉันไว้ ทำให้ฉันพลิกตัวหนีอย่างรวดเร็ว ทว่าข้อมือข้างนั้นกลับถูกสันมือของพายัพซัดเข้าอย่างแรงจนแปรงสีฟันร่วง ก่อนที่เขาจะกระชากร่างฉันขึ้นอุ้มพาดบ่าแล้วพากลับมาที่เตียง
“อ๊ะ! โอ้ย...ปล่อยฉันลงนะ” ฉันดิ้นรนพร้อมทุบกำปั้นใส่หลังเขาไปด้วย แต่พายัพท่าทางจะหนังหนาตราช้างสินะ หมอนี่ถึงได้ทนตายยากขนาดนี้
ตุบ!
“ให้ตาย! ทำไมเธอชอบรุนแรงกับฉันนักวะ” พายัพสบถพร้อมโยนฉันลงบนเตียง ทำผ้าขนหนูที่ฉันนุ่งอยู่ถึงกับเปิดเปิงจนต้องรีบคว้าผ้าห่มมาคลุมตัวไว้
“นายนี่มันโรคจิตชะมัด!” ฉันสบถด่าเขา เขาโยนฉันแบบนี้สองครั้งแล้วนะ
“เธอพูดยากทำไม” เขาเถียงกลับ
“แล้วทำไมฉันต้องฟังนายด้วย” แน่นอนว่าฉันเองก็ไม่ยอมแพ้เช่นกัน ฉันไม่ใช่ลูกน้องของเขานะ อย่ามาเบ่งบารมีซะให้ยาก
“เธอนี่มัน...” พายัพเอ่ยลอดไรฟัน แล้วนั่งลงที่ปลายเตียง ก่อนจะหันมาคว้าข้อเท้าฉันแล้วกระชากมันอย่างแรงจนร่างฉันถลามาตามแรงรั้งของเขา
“โอ๊ย! ปล่อยขาฉัน” ฉันส่งเสียงเขียว เมื่อมือใหญ่ ๆ ของเขากำจับข้อเท้าฉันไว้แน่น
“หยุดดิ้นแล้วฟังฉัน” เขาว่าเสียงเรียบ
“มีอะไรก็พูดมา” สุดท้ายฉันก็เหนื่อยที่จะยื้อตัวออกจากเงื้อมมือเขา
“เร็ว ๆ นี้ฉันต้องเข้าไปที่บ้านใหญ่ ซึ่งเธอต้องไปกับฉันด้วย” พายัพพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ตลกอ่อ? ระแวงว่าจะโดนฉันฆ่าจนเสียสติไปแล้วรึไง ทำไมฉันต้องไปกับนายด้วย” ฉันพูดขึ้น นั่นมันเรื่องไร้สาระอะไรแต่เช้า
“ฉันไม่ได้ให้เธอไปฟรี แต่มีข้อเสนอ ถ้าเธอทำตัวดีตามคำสั่งฉัน รับรองว่าถ้าจบเรื่องนี้ ฉันจะปล่อยเธอไป และถ้าเธออยากจะกลับมาฆ่าฉันอีกก็แล้วแต่เธอ” เขาว่า สีหน้าและน้ำเสียงบ่งบอกว่าการไปบ้านใหญ่อะไรนั่นมันค่อนข้างซีเรียสจริง ๆ
“ทำไมต้องให้ฉันไปด้วย” ฉันอ้อมแอ้มถาม ไม่ได้อยากรู้นักหรอก
“เธอมาฆ่าฉันก็น่าจะรู้ว่าฉันเป็นลูกชายคนโต ตอนนี้น้องชายของฉันถูกจับให้หมั้นกับผู้หญิงคนหนึ่ง แน่นอนว่าคนเป็นพี่อย่างฉันไม่นานก็ต้องแต่งงาน แต่ฉันไม่อยากได้คนที่พ่อแม่จัดให้” เขาเล่า
นั่นคงเป็นเหตุผลที่ตรีทัพย้ายมาอยู่กับพี่ชายสินะ นายคนปากเสียนั่นโดนจับคลุมถุงชนเหรอเนี่ย ให้ตาย! ไม่รู้จะสมน้ำหน้าเป็นภาษาอะไรดีถึงจะสะใจ
“นายคงไม่ได้คิดแผนน้ำเน่าแบบละครหลังข่าว ด้วยการให้ฉันแกล้งเป็นแฟนนายหรอกนะ” ฉันถาม ทำให้พายัพมองสบตาฉันนิ่ง
“ท่าทางสมองเธอจะใช้การได้ดี” เขาว่า
“นั่นแผนไอ้เก้า แต่ฉันคิดว่าก็น่าจะใช้ได้ ไหน ๆ เธอก็มาอยู่ฟรีกินฟรีที่บ้านฉันพักใหญ่แล้วนี่ หัดทำประโยชน์ให้ฉันบ้างจะได้ไม่เสียข้าวสุก” ตรรกะเห็นแก่ตัวชะมัด!
“ฮัลโหล! นายเป็นคนจับฉันขังไว้ที่นี่ไง คิดว่าฉันอยากอยู่ที่นี่รึไง” ฉันว่าแล้วกรอกตามองบนใส่เขา
“ฉันบอกแล้วไงว่ามีข้อเสนอ หนึ่งคือเชื่อฟังฉัน สองคือถ้าเธอไม่ตกลงพรุ่งนี้ก็เตรียมไปอ้าขาให้ลูกน้องที่เดินอยู่รอบบ้านฉันได้เลย รับรองเลยว่ารสชาติเซ็กส์หมู่จะต้องทำให้เธอซาบซึ้งฉันไปอีกนาน” พายัพตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มร้าย บอกเลยว่าในสมองหมอนี่มันสะสมไว้แต่เรื่องชั่วจริง ๆ
“นายคิดว่า...”
“ฉันไม่ได้ขู่ ชีวิตฉันไม่ได้ขาดแคลนผู้หญิงขนาดนั้น สิ่งที่ฉันอยากได้...คือเธอที่เชื่อฟังฉัน” ยังไม่ทันที่ฉันจะเถียงอะไรออกไป พายัพก็แทรกเสียงเย็นเยียบขึ้นมาเสียก่อน
ฉันเลือกอะไรได้บ้าง...เพราะข้อเสนอของเขามันมีแค่ตัวเลือกเดียวตั้งแต่แรก เขารู้ว่าสิ่งที่ผู้หญิงหวาดกลัวที่สุดคือเรื่องอะไร และเขาก็ใช้มันกับฉันเช่นกัน
“แฟ้มบนโต๊ะนั่นลองอ่านดู ถ้าเธอตกลงก็แต่งตัวแล้วลงไปหาฉัน” พายัพว่าพร้อมหยัดตัวลุกขึ้นเดินออกจากห้องไป
ตุบ!
ฉันได้แต่กระแทกหมัดลงกับที่นอนอย่างคนที่กำลังเดือดดาลเพราะไม่มีทางให้เลือก ก่อนจะพาตัวเองมาแต่งตัวให้เรียบร้อย และมานั่งอ่านแฟ้มที่พายัพทิ้งไว้ ซึ่งมันคือข้อมูลคร่าว ๆ ของคนในครอบครัวเขา
“ให้เป็นแฟนหมอนั่นเนี่ยนะ...” ฉันพึมพำอย่างหงุดหงิด ก่อนจะปิดแฟ้มลง