บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 9 ยอดเขาฟ้าร่วง

บนยอดเขาฟ้าร่วง อวี้ถิงถูกจัดให้พักอยู่ในห้องโกโรโกโส หนึ่งในห้องแถวคล้ายกับบ้านเช่า อยู่ทางฝั่งซ้ายของยอดเขา

ยอดเขาแห่งนี้นับว่าแตกต่างจากยอดเขาอื่นเป็นอย่างมาก เหมือนจะเป็นที่ที่ห่างไกลความเจริญ ห้องพักก็เก่าแก่ใกล้จะผุพัง ทั้งยังมีน้อยกว่าจำนวนศิษย์ ทำให้ศิษย์หลายคนต้องอยู่รวมกัน

ห้องพักชายอยู่ด้านขวา ห้องพักหญิงอยู่ด้านซ้าย สูงขึ้นไปอีกชั้นเป็นของศิษย์เก่า แต่ไม่ว่าจะเป็นชั้นไหน สถานะก็ไม่แตกต่าง ทุกคนล้วนเป็นพวกที่ถูกสำนักตีตราว่าไร้ค่า

นับว่ายังดีที่อวี้ถิงถูกจัดให้พักร่วมห้องกับศิษย์หญิงเพียงคนเดียว ไม่ได้ถูกจับยัดเข้าไปในห้องที่มีหลายคน

เด็กสาวที่อวี้ถิงพักอยู่ด้วยมีนามว่าม่านตี้ เป็นคนที่มีพละกำลังมากแต่เหมือนว่าจะไม่ชอบไช้สมอง แต่ก็นับว่าเป็นคนที่น่าคบหาผู้หนึ่ง แต่ที่ผู้คนไม่อยากเข้าใกล้ เพราะรูปร่างของนางใหญ่โตราวกับบุรุษ ซ้ำยังมีกล้ามเป็นมัด ทำให้ปิงปิงนึกไปถึงนักเพาะกายขึ้นมาทันที

"ข้าดีใจมากเลย ที่เจ้ามาอยู่ด้วย ที่นี่มีแต่คนรังเกียจข้า"

ม่านตี้ยัดซาลาเปาเข้าไปเต็มปากซ้ำยังพูดจนเศษซาลาเปากระเซ็น

ปิงปิงเห็นแล้วก็ไม่แปลกใจที่นางจะไม่มีใครคบ แต่สำหรับปิงปิง เด็กสาวตรงหน้า ดีกว่าสหายของอวี้ถิงตั้งไม่รู้กี่เท่า

"ข้าก็ดีใจ ว่าแต่ พวกเราต้องไปอาบน้ำล้างหน้ากันที่ใดหรือ?"

ห้องนี้ไม่ได้มีที่แบ่งไว้สำหรับทำที่อาบน้ำ หากจะพูดให้ถูก คือมันไม่เหลือที่พอให้ทำอะไรเลยมากกว่า แค่เตียงเดี่ยวสองหลังก็ตั้งเกือบเต็มแล้ว

"ห้องอาบน้ำรวม เจ้าเดินไปร้อยก้าวก็ถึงแล้ว"

"อ้อ"

"กินไหม"

ปิงปิงส่ายหน้าปฏิเสธซาลาเปาที่อีกฝ่ายยื่นมาให้ ก่อนจะสอบถามเกี่ยวกับกฎข้อบังคับบนยอดเขา เพราะเท่าที่รู้มา ที่นี่ไม่เคยมีกฎ นับเป็นยอดเขาที่ถูกสำนักฉือคุนทอดทิ้งโดยสิ้นเชิง

"เสี่ยวไป๋หลับหรือ?"

"ไม่ ข้าแค่พักสายตา"

ความจริงก็คือเจ้านกตัวดีกำลังเพลิดพลินกับทรวงอกอวบอิ่มเลยคุดตัวนิ่งอย่างสบายอารมณ์อยู่ในอกเสื้อของปิงปิง

"อยากออกมาสูดอากาศบ้างไหม"

"ไม่! เอ่อ.. พอดีว่าข้าไม่ค่อยมีแรง"

"อ้อ ถ้าอย่างนั้น เดี๋ยวข้าค่อยไปอาบน้ำก็..." พรึบ! ปิงปิงยังเอ่ยไม่ทันจบเจ้าตัวเล็กก็รีบถลาออกจากอก "อาบตอนนี้เลย ข้าอยากอาบน้ำ"

"__" ปิงปิง

แปะ! กระบี่ไม้ร่วงลงไปกองกับพื้น

จากนั้นหนึ่งคนหนึ่งนกหนึ่งกระบี่ก็พากันไปอาบน้ำ

ความจริง ในเวลาเช่นนี้ ศิษย์ใหม่ต้องไปรวมตัวกันอยู่ในสนามเพื่อฝึกฝนทักษะเบื้องต้น แต่ม่านตี้มักจะถูกไล่กลับมาเสมอ จนนางไม่อยากไป บนยอดเขาจึงเหลือเพียงพวกนางสองคน

รอจนถึงมื้อเที่ยงทั้งสองก็พากันมาที่โรงอาหาร ปิงปิงเคยเห็นสภาพศิษย์จากหุบเขาฟ้าร่วงมาแล้ว นางจึงไม่มีปัญหาอะไรที่จะรอ และไม่ได้คิดจะสร้างปัญหา

แต่นางไม่คิด ไม่ได้แปลว่าผู้อื่นจะไม่คิด

"นี่พวกเจ้าเห็นอะไรไหม จำเอาไว้นะ คนเราอย่าได้หยิ่งผยองเกินไป เพราะเมื่อใดที่ตกต่ำ อาจมีสภาพไม่น่าดูเหมือนใครบางคน"

เสียงคุ้นเคยดังมาจากเบื้องหลัง ปิงปิงย่อมรู้ทันทีว่าเป็นผู้ใด เลยคร้านจะหันกลับไปมอง มีเพียงม่านตี้ที่นิ่วหน้ามองกลุ่มเด็กสาว "อาอวี้ เจ้าว่าพวกนางเอ่ยถึงใคร เหตุใดถึงได้มองมาทางข้า?"

"อย่าไปสนใจเลย พวกนางแค่จิตใจไม่ปกติ"

"คนบ้าน่ะหรือ?"

"อืม"

"อ้อ มิน่าเล่า ถึงทำหน้าทำตาประหลาดยิ่ง ที่แท้พวกนางก็เป็นคนบ้านี่เอง ช่างหน้าสงสารยิ่งนัก" ม่านตี้เอ่ยด้วยสีหน้าเป็นจริงเป็นจัง ซ้ำยังส่ายหน้าให้เด็กสาวทั้งสี่ราวกับรู้สึกสงสารเสียเต็มประดา

ความจริงแล้วม่านตี้หาได้ล้อเลียนอันใด แต่นางเชื่อตามที่อวี้ถิงบอกจริงๆ แต่ผู้อื่นหาได้รับรู้กับนางไม่

"นางคนชั้นต่ำ เจ้าว่าใครเป็นคนบ้าหา!!!" เสียงตวาดดังก้องโรงอาหาร ทำให้ผู้คนพากันหันมามอง

ม่านตี้ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ได้แต่คิดโทษตัวเองในใจ ว่าไม่น่าไปยุ่งกับคนบ้า ส่วนปิงปิงจำต้องหันกลับมามองเหล่าสหายของอวี้ถิงด้วยความเหนื่อยหน่าย ก็แค่พวกเจ้าเดินเข้าไปกินข้าวดีๆ มันจะตายไหมนะ เด็กพวกนี้นี่ กำลังจะอ้าปากขอโทษ

ปิงเอ๋อ ในโลกของผู้ฝึกตนที่ใช้พลังวัดความถูกต้อง เจ้าต้องแสดงอำนาจให้ผู้อื่นเห็นบ้าง จะได้ไม่โดนข่มเหง แต่พอได้ยินน้ำเสียงเฉื่อยชาของเสี่ยวไป๋ ประโยคที่ออกจากปากก็เปลี่ยนไป

"นางก็ว่าพวกเจ้านั่นแหละ ถามได้ คนสติดีที่ไหน จะเที่ยวเอาเวลามาพูดจากระแนะกระแหนผู้อื่น"

"อวี้ถิง! นี่เจ้ากล้า!"

"เหตุใดจะไม่กล้า ข้าเป็นอย่างไรก็ยังเป็นอย่างนั้น ไม่เหมือนพวกเจ้า เมื่อก่อนแทบจะเลียแข้งเลียขาข้า แต่ตอนนี้ ดูที่พวกเจ้าทำเข้าสิ ขนาดข้าอยู่ของข้าดีๆ แท้ๆ พวกเจ้ายังมาหาเรื่อง"

ปากของปิงปิง จริงๆแล้วก็หาใช่ย่อย เป็นรองกระบี่อัปลักษณ์เพียงไม่กี่ขุมเท่านั้น ไหนเลยพวกลูกคุณหนูจะตามทัน

อวี้ถิงเหยียดปากมองกลุ่มเด็กสาวอย่างดูถูก ซ้ำยังกวาดมองศิษย์ที่มุงอยู่รอบๆ ด้วยสายตาไม่ต่างกัน

"ดี! ข้าจะดูสิว่าฝีมือของเจ้าจะเก่งอย่างปากหรือไม่ อวี้ถิง! ข้าขอท้าประลองกับเจ้า!"

สำนักฉือคุนมีกฎห้ามลูกศิษย์ต่อสู้กันเอง หากอยากต่อสู้ ต้องแจ้งผู้อาวุโสขอเปิดสนามประลอง ต้องมีอาวุโสสองคนคอยดูแล และที่สำคัญที่สุด ห้ามให้มีการตายเกิดขึ้นในการประลองเด็ดขาด

"ย่อมได้ ไม่มีปัญหา เจ้านัดเวลามาเลย" ปิงปิงตอบรับคำท้า ทั้งๆ ที่จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าคนที่ท้าประลองชื่ออะไร เพราะสหายของอวี้ถิงกลุ่มนี้ นางไม่คิดจะคบหาตั้งแต่แรก เลยคร้านจะจดจำ

ข่าวการประลองของศิษย์ใหม่ ยังไม่ทันพ้นวันก็ดังไปทั่วสำนัก ด้วยความที่ศิษย์ส่วนใหญ่ไม่ค่อยชอบคุณหนูอวี้ถิง หลายคนจึงพากันรอดูนางขายหน้า

ยกเว้นศิษย์ของยอดเขาฟ้าร่วง เพราะนี่นับเป็นครั้งแรก ที่มีศิษย์ในหุบเขาถูกท้าทาย ทั้งศิษย์เก่าศิษย์ใหม่ จึงรู้สึกชื่นชมอวี้ถิงเป็นอย่างมาก

"อาอวี้ ข้าต้องขอโทษเจ้าด้วยที่ทำให้เจ้าถูกท้าประลอง"

"ไม่ได้เป็นเพราะเจ้าหรอก พวกนางนิสัยไม่ดีเอง"

"แต่ข้าเป็นห่วงเจ้า พวกนั้นถึงจะเป็นศิษย์ใหม่ แต่ก็เป็นศิษย์ของยอดเขาเทียมจันทร์ ข้ากลัวว่า...

"อาม่าน ข้าเองก็เคยเป็นศิษย์ของยอดเขานั้นเหมือนกัน เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง อย่าคิดมาก นี่ก็ค่ำแล้ว ข้าจะออกไปบ่มเพาะที่หลังเขา เจ้าเองก็ควรพักผ่อน"

เด็กสาวร่างใหญ่นั่งน่าเศร้า พยักหน้ารับตาละห้อย อวี้ถิงเห็นเช่นนั้น ก็ยกมือตบไหล่กว้างไปสองสามทีพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะคว้ากระบี่ เปิดประตูออกจากห้อง

"เสี่ยวไป๋ เจ้าพอจะสอนทักษะการต่อสู้ให้ข้าได้หรือไม่" พอมาถึงป่าหลังเขา ปิงปิงก็เอ่ยถามเจ้าตัวเล็กที่ซุกอยู่ในอกทันที เพราะนางไม่รู้วิธีการต่อสู้อะไรเลย ตั้งแต่มาถึงไม่ฝึกพูดอ่านเขียนก็ใช้เวลาหมดไปกับการบ่มเพาะจนลืมนึกถึงเรื่องนี้

"ทักษะของข้าเป็นทักษะขั้นสูง หากเจ้านำไปใช้ เกรงว่าคงสร้างความแตกตื่นให้สำนักเล็กๆ แห่งนี้เป็นแน่ ดีไม่ดี ตัวเจ้าจะถูกสอบสวน" เจ้าตัวเล็กตอบเสียงเฉื่อยชา ก่อนจะบินออกจากทรวงอกมาเกาะลงบนบ่า ถูไถหัวล้านเลี่ยนเข้าที่ซอกคอของปิงปิง

"ฮะๆ เสี่ยวไป๋ ไม่เอา อย่าทำแบบนี้ มันจั๊กจี้"

"ก็ข้าชอบนี่"

"อย่าซนสิ ช่วยข้าคิดก่อน อีกวันเดียวก็ต้องประลองแล้ว"

"เจ้าลองถามตัวอัปลักษณ์ในมือดู"

"ข้าพอจะรู้ทักษะระดับต่ำที่เป็นของสำนักนี้อยู่เหมือนกัน" ไม่ต้องรอให้ปิงปิงได้เอ่ยถาม กระบี่ไม้ก็ลอยออกจากมือของนาง ขึ้นมาจวดส่วนปลายลงบนหน้าผาก จากนั้นก็ถ่ายทอดทักษะการต่อสู้เข้าไปในหัวของปิงปิง

"วิชากระบี่?"

"อืม ก็สำนักนี้เน้นการฝึกกระบี่ ทักษะการต่อสู้ส่วนใหญ่จึงเป็นวิชากระบี่ แต่เจ้าแค่จำไปใช้สักสองสามกระบวนท่าหลอกตาผู้คนก็พอ เพราะอย่างเจ้า แค่ตบนางด้วยมือเปล่าก็คงสลบไปเป็นเดือนแล้ว"

"อืม ถ้าอย่างนั้นข้าลองฝึกดูเลยก็แล้วกัน จะได้ไม่เสียเวลา ว่าแต่ เสี่ยวเฮ่ย เจ้าจะยอมให้ข้าใช้ในงานประลองหรือเปล่า?"

"ไม่ใช่ว่ายอมหรือไม่ยอม แต่พลังของข้ามีมากเกินไป ต่อให้แสร้งหลับใหล เด็กคนนั้นยังตายได้เลย ทางที่ดีเจ้าควรเลือกกระบี่ที่สำนักเตรียมให้จะดีกว่า"

จากที่กระบี่ไม้พูด ปิงปิงเริ่มที่จะเข้าใจอะไรมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นขั้นพลังหรืออาวุธประจำกายของนาง ล้วนเหนือกว่าเด็กสาวผู้นั้น ต่อให้ไม่ต้องมีทักษะอะไรเลยก็เอาชนะได้อย่างสบาย แต่ที่ต้องฝึกก็แค่เอาไว้บังหน้า

"เจ้าก็รีบๆ ฝึกเข้าเถิด นี่ก็ค่ำมากแล้ว ข้าอยากเข้าไปนอน" เสียงของเสี่ยวไป๋ ทำให้กระบี่ไม้ที่ลอยอยู่แทบจะร่วงลงกับพื้น

เพราะตอนนี้ เหมือนว่าท่านจอมมารผู้ยิ่งใหญ่จะใช้ทรวงอกของอวี้ถิงเป็นที่หลับนอนไปเสียแล้ว มิหนำซ้ำยังดูท่าจะติดที่นอนเอามากๆ ด้วย

"หึหึ มานี่มา เสี่ยวไป๋จอมขี้เกียจ" ปิงปิงอุ้มเจ้าตัวเล็กขึ้นมาเสมอใบหน้า มองด้วยความเอ็นดู ก่อนจะจุมพิตลงบนหัวล้านเลี่ยนของมันอย่างแผ่วเบา "รอก่อนนะ ไม่นานก็ได้นอนแล้ว"

"อืม เร็วๆ ล่ะ"

"ได้เจ้าค่ะ ท่านวิหคผู้ยิ่งใหญ่ ข้าน้อยจะรีบฝึกเดี๋ยวนี้แล้วเจ้าค่ะ" ใบหน้างามเผยรอยยิ้มล้อเลียน จูบอีกครั้งอย่างประจบเอาใจ อีกฝ่ายถึงได้ยอมบินไปเกาะที่โขดหิน ปิงปิงส่ายหน้ายิ้มๆ ก่อนจะหันไปตั้งสมาธิฝึกทักษะกระบี่ที่อยู่ในหัว

ครึ่งคืนผ่านไป ไม่เพียงแค่สองสามกระบวนท่าแต่ปิงปิงกลับจำได้ทั้งหมด ซ้ำยังออกทักษะได้อย่างคล่องแคล่ว นับว่ารวดเร็วจนน่าเหลือเชื่อ ซึ่งเรื่องนี้ค่อนข้างสร้างความประหลาดใจให้กับตัวอัปลักษณ์ทั้งสองเป็นอย่างมาก

ดวงตาสีแดงจับจ้องร่างบอบบางด้วยความพออกพอใจ แต่พอเห็นที่นอนนุ่มของตัวเองกำลังส่ายไปส่ายมา ก็รู้สึกง่วงขึ้นมาทันที รีบบินอย่างทุกลักทุเลไปเกาะบนบ่าของอวี้ถิง ซุกไซร้ลำคอขาวผ่องด้วยท่าทางออดอ้อน

"ปิงเอ๋อ พอเถิด ข้าอยากนอนแล้ว"

ปิงปิงหยุดชะงักลงทันทีที่ได้ยิน ช้อนเจ้าตัวขี้เกียจมาไว้บนอุ้งมือด้วยรอยยิ้ม รู้สึกเอ็นดูไม่น้อย "เสี่ยวไป๋ง่วงแล้วหรือ?

"อืม"

"ก็ได้ วันนี้พอแค่นี้ก่อนแล้วกัน พวกเรากลับกันเถิด" เจ้าตัวเล็กถูกยัดกลับเข้าไปในทรวงอกอีกครั้ง และท่าทางเหมือนเจ้าตัวจะดีใจไม่น้อย ถึงได้ขยับไม่หยุด จนทำให้ร่างกายของปิงปิงก็รู้สึกแปลกๆ ขึ้นมา

"สะ..เสี่ยวไป๋อย่าดิ้นสิ"

"ปิงเอ๋อ ช่วยเอาผ้านี่ออกไปได้หรือไม่ ข้านอนไม่สบายเลย"

"เอาไว้ให้ถึงห้องก่อนนะ ตอนนี้หยุดดิ้นก่อน"

พอรู้ว่าเด็กสาวจะเอาผ้าซับในออกให้ เจ้านกอัปลักษณ์ถึงได้ยอมหยุดดิ้น แต่ก็ยังไม่วายเอ่ยเร่ง "ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็รีบเดินหน่อย ข้าง่วงจะแย่แล้ว"

ปิงปิงได้แต่ส่ายหน้ายิ้มๆ โดยไม่ได้คิดอะไร แต่ไม่ใช่กับกระบี่ไม้ที่ลอยตามมา ไมรู้ว่าเสี่ยวเฮ่ยร่วงลงไปกองที่พื้นตั้งแต่เมื่อใด ขนาดทั้งสองเดินห่างไปไกลแล้วก็ยังไม่ยอมลอยตามมา

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel