บทที่ 2 เสียตัว 2
“ใจเย็นๆ นะนก อย่าเกร็ง อีกไม่นานเธอจะเสียวแล้วจะลืมความเจ็บทั้งหมดไป” เขาบอกเช่นนั้น
“หนูเจ็บมาก” เธอบอกเสียงอ่อน หยดน้ำทิ้งลงมาจากหางตา ซึ่งเขาเองก็รู้สึกปวดร้าวไม่ต่างจากเธอ ความเป็นหญิงคับแคบและรัดรึงจนเขาปวดตุบๆ แทบระเบิดเลยทีเดียว
เขาค้างแช่ไว้อย่างนั้นพักหนึ่ง ก่อนจะเริ่มโยกสะโพกซอยเข้าออก จากเบาๆ ก็เร่งจังหวะหนักหน่วงขึ้น เนื้อตัวเธอสะท้านสะเทือนตามแรงกระแทก
ฉันท์ชนกหอบหายใจถี่ๆ ครางเบาๆ ความเจ็บเริ่มคลาย กลายเป็นความเสียวซ่านรัญจวนใจอย่างที่ไม่เคยประสบพบเจอมาก่อน ยิ่งเขาดึงเข้าๆ ออกๆ เร็วมากเท่าไหร่ เธอยิ่งรู้สึกเพลิดเพลินและสนุกมากเท่านั้น
เวลาผ่านไป เขากระแทกเน้นๆ สามสี่ครั้ง ร่างสูงกระตุกเกร็ง ก่อนจะปลดปล่อยน้ำอุ่นๆ เข้ามาในช่องคลอดของเธอ
“อ๊า...” เธอกางแขนเต็มที่นอน หลับตาพริ้ม เพิ่งอาบน้ำเมื่อครู่ แต่กลับมีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดซึมตามไรผม
เขาถอนกายออกจากเธอแล้วดึงผ้าห่มมาคลุมร่างเธอให้ จากนั้นก็เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบสูทชุดใหม่มาสวม ปรายตามองคนที่ยังนอนอยู่ แล้วพูดว่า
“ฉันจะไปงานศพแล้ว แต่ก่อนไป เดี๋ยวจะเอาเสื้อผ้ามาให้”
“ค่ะ” เธอตอบรับโดยไม่ยอมลืมตาขึ้นมองเขา
หลังจากแต่งตัวเสร็จแล้ว เขาก็ออกจากห้องไป ไม่ถึงห้านาทีก็กลับมาพร้อมเสื้อผ้าชุดหนึ่งในมือ
“ใส่ไปก่อน เป็นของน้องสาวฉันเองนั่นแหละ” เขาวางชุดไว้ให้บนโต๊ะหัวเตียง แล้วเดินกลับออกไป ทิ้งให้เธอนอนอยู่ตามลำพังอย่างโดดเดี่ยว
ดวงตาคู่โตเปิดขึ้นอย่างช้าๆ คราวนี้ไม่รู้น้ำตามาจากไหน ไหลทะลักเปรอะสองแก้ม เธอซบหน้ากับหมอนแล้วคร่ำครวญด้วยเสียงอู้อี้ปิ่มว่าจะขาดใจ
“ฉันเสียตัวแล้ว เสียตัวให้คนที่ฉันเพิ่งเจอหน้าไม่ถึงครึ่งวัน แถมฉันยังไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อของเขาอีก ! ”
กันต์ธรไปร่วมงานศพญาติห่างๆ ฝั่งบิดาด้วยจิตใจที่ว้าวุ่น พอเสร็จธุระก็รีบขับรถกลับ ช่วงที่มือจับพวงมาลัยรถ สายตามองตรงไปข้างหน้า ความคิดเขากลับวนเวียนอยู่ที่ฉันท์ชนก
เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ถึง...ถึงทำอย่างนั้นกับเธอได้
โธ่เว้ย ! ทำไมถึงอดใจไม่ไหวนะ ทั้งที่เธอเพิ่งจะอายุสิบห้า
เขาแวะห้างสรรพสินค้า ซื้อของใช้จำเป็นสำหรับเด็กสาวแล้วบึ่งกลับบ้าน
ท่ามกลางความรู้สึกผิดที่ประดังประเดเข้ามาในสมอง เขาไม่รู้จะหาทางออกอย่างไรดี อันที่จริงจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ก็ได้ แต่เขาไม่เคยทำแบบนี้กับใครมาก่อน จะให้เขาเห็นแก่ตัวปล่อยให้เรื่องมันจบง่ายๆ โดยไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลยได้ยังไง
นึกถึงร่างเล็กๆ ที่สั่นสะท้าน ท่าทางหวาดระแวง และเนื้อตัวที่มีแต่รอยเขียวช้ำๆ ไปหมดนั่นอีก
ทันทีที่กลับถึงบ้าน เขาก็เดินหาแม่จนทั่ว และก็ไปเจอพรทิพากึ่งนั่งกึ่งนอนดูโทรทัศน์อยู่ในห้องนั่งเล่น
เขาเปิดประตูผางเข้าไป สองมือหิ้วของพะรุงพะรัง พูดเสียงดังฟังชัดว่า
“คุณแม่จะว่าอะไรไหมครับ ถ้าเจ้าสาวของผมจะมีอายุแค่ 15 ! ”
ประโยคนี้ของลูกชาย ทำให้พรทิพานิ่งอึ้งไปพักใหญ่ก่อนผุดลุกขึ้น อุทานเสียงหลง
“ว่าไงนะ ! ”
เขาถอนหายใจยาว ก่อนเรียกสาวใช้ให้มารับของขึ้นไปให้ ฉันท์ชนกบนห้อง แล้วเดินมานั่งบนโซฟา ดึงมือแม่ให้นั่งข้างกัน
“นกเสียตัวให้ผมแล้ว”
“โอ๊ยตาย ! ” หญิงสูงวัยตบหน้าผากป้าบ เอนหลังพิงพนักเบาะ ก่อนหยิบรีโมตเบาเสียงโทรทัศน์ “บอกแม่ทีว่าแม่หูฝาด”
“คุณแม่ไม่ได้หูฝาดหรอกครับ เป็นแบบนั้นจริงๆ” เขากล่าวเสียงเคร่งขรึม ไม่มีแววล้อเล่นเลยแม้แต่น้อย
“ปกติธรไม่ใช่คนอย่างนั้น”
“นี่เป็นครั้งแรกจริงๆ ” เขาเองก็เครียดไม่น้อยเหมือนกัน
“เพิ่งเจอกันไม่ทันไร แถมฝ่ายผู้หญิงก็อายุแค่ 15 เรียกว่าพรากผู้เยาว์ได้เลยนะ”
“นกไม่มีญาติฝ่ายไหนแล้ว เธอเหมือนตัวคนเดียวครับ”
“ผู้หญิงมากมายที่คู่ควรกับธร แม่ไม่เห็นด้วยนะถ้าจะแต่งงานกับนกเพื่อรับผิดชอบ เด็กคนนั้นเหมือนเราซื้อมาแล้ว ถ้าธรจะเลี้ยงดูไว้เป็นบ้านเล็ก แม่ไม่ว่า แต่ให้ออกหน้าออกตา แม่ไม่โอเค”
“คุณแม่น่าจะเข้าใจผู้หญิงด้วยกันนะครับ นกเสียให้ผมแล้ว ผมควรรับผิดชอบ”
“รับผิดชอบทำไม” พรทิพาเสียงสะบัด “ก็แค่ลูกเลี้ยงของลูกหนี้ ทางโน้นเขาไม่ต้องการถึงมายกให้เรา นกไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน ไม่มีใครเขามาเรียกร้องถามหาความรับผิดชอบจากธรหรอก คิดจะแต่งงานกับเด็กสิบห้า ไม่อายเพื่อนนักธุรกิจด้วยกันบ้างหรือไง แม่ก็ไม่ได้รังเกียจนกหรอกนะ แต่ผู้หญิงคนนั้นไม่มีทางช่วยส่งเสริมให้ธรไปได้ไกลกว่านี้หรอก มีแต่จะคอยถ่วง”
“คุณแม่”
“แม่รู้ว่าธรลำบากใจ แต่อย่าไปจริงจังอะไรกับเด็กที่เพิ่งเจอกันได้ไม่พ้นวันเลยนะ”
เขามองมารดาด้วยสายตาที่ผิดหวัง เคยคิดว่าแม่จะเป็นที่ปรึกษาที่ดี แต่พอเอาเข้าจริงๆ แม่ทำให้เขาเครียดหนักกว่าเดิมซะอีก
“แม่น่ะเตรียมดูผู้หญิงที่คู่ควรกับธรไว้ให้แล้ว ส่วนเด็กคนนั้นก็ให้อยู่ที่นี่ต่อไปก็ได้ ให้กินอิ่มนอนอุ่นมีเงินใช้ คนยากจนที่ไม่เคยมีอะไรมาก่อนอย่างนกคงจะยินดี”
“ผมหมดเรื่องจะคุยกับคุณแม่แล้วครับ” ชายหนุ่มผุดลุกขึ้นยืน สีหน้าเย็นชา
“ธร...แม่พูดแบบนี้ก็เพราะรักและห่วงธรน่ะ”
“ผมเข้าใจครับ”
ชายหนุ่มขึ้นชั้นสองไปที่ห้องตัวเอง ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปเห็นสาวน้อยในชุดเดรสกระโปรงสีโอรส ผมถักเป็นเปียสองข้างไว้ ถึงแม้ว่าผิวจะยังมีรอยจ้ำๆ อยู่ แต่ก็ดูเปล่งปลั่งมากขึ้น อาจเป็นเพราะ สีของกระโปรงที่ขับผิวให้นวลลออขึ้นก็เป็นได้
พอหวีผม มัดผมดีๆ แม้จะทาเพียงแป้งเด็ก ไม่มีเครื่องสำอางอย่างอื่นติด แต่เธอก็ดูน่ารักสมวัยมากๆ น่ารักซะจนเขารู้สึกว่าตัวเองแก่ขึ้นมาทันที
“คุณคะ เป็นยังไงบ้างคะ หนูลองใส่ชุดที่คุณซื้อมาให้”
“ก็เหมาะดี” เขาตอบอ้อมแอ้ม “ชุดยังไม่ได้ซักเลยนี่”
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูไม่เคยใส่เสื้อผ้าแบบนี้มาก่อนเลย”
“ถ้าเธอชอบ ฉันก็ดีใจ ว่าแต่...” กันต์ธรกระแอมเล็กน้อย “เธอยังไม่รู้จักชื่อฉันเลยสินะ ฉันชื่อกันต์ธรนะ เรียกว่าธรก็ได้”
“ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักกันอย่างเป็นทางการนะคะ” เด็กสาวยื่นมือมาให้ เขายื่นมือไปจับกับมือเธอ ก่อนดึงเธอเข้าสู่อ้อมอก
“ว้าย ! ”
“ต่อไปนี้นอนห้องเดียวกับฉันนะนก”
“หนูต้องเสียตัวกี่ครั้งคะถึงจะเป็นอิสระ” เธอถามตรงๆ และเขาก็ตอบตรงๆ เช่นกัน
“จนกว่าฉันจะพอใจ” พูดจบก็จูบปากเธออย่างดูดดื่ม เด็กสาวหลับตาพริ้ม เรียนรู้ที่จะนิ่งเฉยไม่โวยวาย พร้อมตอบสนองกลับไปแม้จะไม่ประสีประสาก็ตาม
เป้าหมายของเธอคือ...รอวันได้เป็นอิสระจากทุกคน
สักวันหนึ่งเธอจะไปตั้งหลักอยู่ต่างจังหวัด จะใช้ชีวิตเพื่อตัวเอง ทำเพื่อตัวเองอย่างแท้จริง !