บทที่ 5
ในขณะที่ภายในคฤหาสน์จักรภัทรมีเรื่องวุ่นๆ เกิดขึ้นไม่ต่างจากเปลวไฟที่กำลังลุกไหม้บ้าน ทางด้านของเจ้าสัวคมณ์ก็กำลังจะเผชิญกับสถานการณ์ที่เลวร้ายไม่ต่างกัน
เจ้าสัวคมณ์เดินผิวปากอย่างอารมณ์ดี ขณะเดินตามทางเดินภายในคอนโดหรูหราตรงไปยังห้องชุดของอีหนูคนสวย ดวงตาและสีหน้าเต็มไปด้วยความกระสั่นอยากในกามารมณ์ และด้านหลังเขาก็มีร่างของแก้วสันต์ที่หอบกล่องของขวัญกล่องใหญ่เดินตามผู้เป็นนายมาด้วย
พอเดินมาถึงหน้าห้องชุดที่ตนเองเป็นคนจ่ายเงินหลักล้านซื้อให้เมียน้อยอยู่อย่างสุขสบาย เจ้าสัวคมณ์ก็ไขกุญแจเปิดประตูห้องโดยไม่มีการเคาะประตูเรียกให้คนข้างในรู้ตัว และก่อนจะมาหาเมียน้อย เจ้าสัวก็ไม่ได้โทรบอกล่วงหน้าด้วย เพราะเขาต้องการเซอร์ไพรส์เมียน้อย
และเจ้าสัวคมณ์ก็เซอร์ไพรส์สมใจ เมื่อเดินเข้ามาภายในห้องชุด ตรงไปยังห้องนอนที่ประตูเปิดแง้มอยู่พอให้ได้ยินเสียงครางกระเส่า และได้เห็นภาพที่เมียน้อยของตนเปลือยกายเริงรักกับชู้รัก
‘โอ้...ผัวขา...เมียชอบ...เหลือเกิน’
‘ผัวบริการให้ถึงใจไหมเมียจ๋า’
‘ค่ะ ถึงใจที่สุด’
‘ระหว่างผมกับไอ้ผัวแก่ คุณชอบใครมากที่สุด’
‘อย่าพูดถึงไอ้แก่ตอนนี้สิค่ะ ได้ยินแล้วนิด้าอารมณ์เสียค่ะ’
‘ทำไมล่ะครับทูนหัว ไอ้แก่มันบริการไม่ถึงใจหรือครับ’
‘ก็ใช่สิค่ะ นกกระจอกไม่ทันกินน้ำ มันก็เสร็จแล้ว จากนั้นก็ปล่อยให้นิด้าค้างเติ่งอยู่คนเดียว ที่นิด้ายอมนอนกับมันก็เพราะนิด้าชอบเงินของมันค่ะ’
เสียงเนื้อกระทบเนื้อ เสียงเยาะเย้ยถากถางที่ดังเล็ดลอดสลับกับเสียงครางระงมของชายชั่วหญิงเลว ทำเอาเจ้าสัวคมณ์ต้องกัดฟัน กำมือเข้าหน้ากันแน่น ใบหน้าอวบอูมแดงก่ำด้วยความโกรธจัดจนขาดสติ
‘ไอ้แก้ว มึงไปเอาปืนในรถมาให้กูเดี๋ยวนี้’
คนที่ได้รับคำสั่งถึงจะตกใจแทบทำกล่องของขวัญหล่นจากมือ ใบหน้าซีดเผือด เบิกตาโพลง ส่ายหน้าปฏิเสธช้าๆ พร้อมกับห้ามเจ้านายว่า
‘ท่านเจ้าสัวใจเย็นๆ นะครับ อย่าเสี่ยงคุกเพราะผู้หญิงคนนี้เลยครับ’
‘กูบอกให้มึงไปเอาปืนมา’
ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ เจ้าสัวคมณ์เค้นเสียงสั่งลอดไรฟัน ดวงตาแดงก่ำจ้องมองลูกน้องเขม็ง ออกคำสั่งผ่านสายตาแข็งกร้าวให้ลูกน้องไปทำตามที่ตนเองสั่ง
‘ผัวขา...เร็วๆ คะ เมียใกล้แล้ว’
เสียงครางระงมของคนเลวทั้งสองคน เป็นตัวตัดสินให้สติของเจ้าสัวคมณ์ขาดผึ่ง! เจ้าสัวหันไปมองคนขับรถแล้วสั่งเสียงเย็นยะเยือกอีกครั้ง
‘ปืน! กูต้องการปืนเดี๋ยวนี้ ถ้ามึงไม่เอามาให้กู มึงจะตายเป็นศพแรก ไอ้แก้ว!’
เมื่อไม่มีทางเลือก แก้วสันต์จึงจำต้องเดินเป็นวิ่งออกจากห้อง กลับไปเอามัจจุราชสีดำมะเมื่อมมาให้กับเจ้าสัวคมณ์ และไม่รู้ว่าด้วยเคราะห์ซ้ำกรรมซัดหรืออย่างไร ระหว่างอยู่ในลิฟต์ เขาพยายามโทรหาคุณหญิงศันสนีย์ ภรรยาของเจ้าสัวคมณ์ แต่คุณหญิงก็ไม่รับสาย พอโทรเข้าเบอร์บ้านในคฤหาสน์ของเจ้าสัว ก็เป็นสายไม่ว่างไม่สามารถติดต่อใครได้เลย
‘ทำยังไงดีไอ้แก้ว มึงควรทำยังไงดี’
แก้วสันต์เกิดอาการมืดแปดด้านหัวสมองหยุดสั่งการไปชั่วขณะ พอได้ปืนอยู่ในมือแล้วก็เกิดอาการลังเล ตัดสินใจไม่ถูก คิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไรดี
และระหว่างลังเลอยู่นั่น จู่ๆ ปืนที่ถืออยู่ในมือก็ถูกกระชากไปจากมือเขาโดยเจ้าสัวคมณ์ ซึ่งไม่รู้ว่าตามลงมาเอาปืนตั้งแต่เมื่อไร
‘ชักช้าจริงๆ เอาปืนมานี่ กูจะไปยิงพวกมันทิ้งเดี๋ยวนี้’
‘เจ้าสัว! ใจเย็นๆ อย่าทำแบบนี้เลยครับ’
แก้วสันต์ตะโกนลั่นขณะวิ่งตามเจ้าสัวคมณ์ ซึ่งกำลังวิ่งไปขึ้นลิฟต์อย่างรวดเร็วเกินกว่าที่เขาจะตามทัน
ลิฟต์ที่มีอยู่สองตัวภายในคอนโดแห่งนี้ถูกเรียกใช้งานหมด กว่าลิฟต์จะวิ่งลงมารับแก้วสันต์ก็กินเวลาไปเกือบห้านาที ซึ่งนั่นมันก็เป็นเวลามากโขสำหรับการลั่นปืนฆ่าหญิงเลวชายชั่วด้วยน้ำมือของเจ้าสัวคมณ์
เปรี้ยง!!! เปรี้ยง!!!
เสียงปืนดังขึ้นสองนัดติดๆ กัน ทำเอาแก้วสันต์ซึ่งเพิ่งวิ่งมาถึงหน้าห้องชุดของเมียน้อยของเจ้าสัวคมณ์ ถึงกับสะดุ้งเฮือกแทบก้าวเท้าไม่ออก และเมื่อลากเท้าอันหนักอึ้งเข้าไปในห้อง เขาก็เข่าอ่อนกับภาพที่เห็น
เมียน้อยและชายชู้นอนตายตาเหลือกอยู่บนเตียงใหญ่ในสภาพเปลือยกาย กลิ่นเขม่าปืน กลิ่นคาวเลือดสดๆ ที่ไหลออกมาจากบาดแผลถูกยิงเหม็นคละคลุ้งไปทั่วห้อง
ส่วนเจ้าสัวคมณ์มีอาการตรงกันข้ามกับคนขับรถในทุกอย่าง ใบหน้าถมึงทึงแสยะยิ้มด้วยความสะใจ ดวงตาทั้งคู่จ้องมองคนชั่วสองคนที่ตนเองยิงกับมือด้วยแววโหดเหี้ยม เค้นเสียงลอดไรฟันเย็นยะเยือก
‘พวกมึงสมควรตาย’
ไม่มีสำนึกผิด ไม่มีหวาดกลัวคุกตะราง เจ้าสัวคมณ์ตะโกนหัวเราะลั่นไม่ต่างจากคนบ้า มือข้างขวายังคงกำปืนไว้แน่น จนเส้นเอ็นปูดโปน
‘ท่านเจ้าสัว...ท่านเจ้าสัว...’
แก้วสันต์ตะโกนเรียกผู้เป็นนาย เมื่อเจ้าสัวไม่รู้สึกตัว จึงเข้าไปเขย่าร่างหนักๆ พร้อมกับคว้าปืนมาถือไว้ในมือ ซึ่งเป็นการกระทำที่โง่ที่สุด!
‘ท่านเจ้าสัว...ได้ยินเสียงผมไหมครับ’
เมื่อการเรียกในครั้งแรกไม่ได้ผล แก้วสันต์จึงทำใจกล้าตบหนักๆ ลงไปบนต้นแขนของเจ้าสัวคมณ์ และคราวนี้ก็ได้ผล เมื่อเจ้าสัวรู้สึกตัวกลับมาเป็นตัวของตัวเองอีกครั้ง ดวงตาที่แข็งกร้าวในก่อนหน้านี้อ่อนแสงลง แต่ยังคงจ้องมองศพตรงหน้าด้วยความสะใจ
‘ไอ้แก้ว! นังนิด้ากับชายชู้มันตายแล้ว’
‘ครับ เจ้าสัวคมณ์ ผมเห็นแล้วครับ เจ้าสัวยิงพวกเขาตาย’
‘เจ้าสัวยิงพวกเขาตาย’
คำพูดของคนขับรถค่อยๆ ซึมเข้าสู่โสตประสาท เมื่อความจริงปรากฏว่าตนเองเป็นฆาตกรฆ่าคนตายถึงสองคน เจ้าสัวคมณ์เกิดอาการตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว...กลัวว่าจะต้องเข้าคุก!
‘ไม่! กูไม่ได้ฆ่าพวกมัน มึงต่างหากที่ฆ่านังนิด้าและชายชู้’
แก้วสันต์ตกใจหน้าซีด ที่จู่ๆ เจ้าสัวคมณ์ป้ายความผิดให้กับเขา ‘ผมไม่ได้ฆ่าพวกเขา เจ้าสัวต่างหากที่ฆะ...’
‘ปืนอยู่ในมือของมึง...มึงยังกล้าปฏิเสธอีกหรือไอ้แก้ว’
เจ้าสัวคมณ์ชี้ไปยังมัจจุราชสีดำมะเมื่อมที่อยู่ในมือของคนขับรถ พลางลอบหัวเราะอยู่ในใจ เมื่อมีแพะรับบาปแทนเขาแล้ว
แก้วสันต์ก้มลงมองปืนในมือของตัวเอง กำลังจะทิ้งปืนลงกับพื้นก็เป็นจังหวะเดียวกันที่ รปภ.และตำรวจสองนายในท้องที่ ได้วิ่งมาถึงห้องที่เป็นแดนประหารเมียน้อยของเจ้าสัวคมณ์
เจ้าสัวคมณ์ช่างฉลาดนัก พอเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจกรูเข้ามาในห้อง ก็รีบชี้นิ้วไปยังคนขับรถ ซึ่งยืนหน้าซีดตัวสั่น แล้วตะโกนพูดเสียงดังลั่น
‘มาตรกรอยู่นี่ครับคุณตำรวจ จับมันเลยครับ ปืนยังอยู่ในมือของมันเลยครับ’