บทที่ 9
ในเช้าวันที่ฤกษ์งามยามดี ซึ่งเป็นวันที่มธุรินจะต้องเดินเข้าสู่ประตูวิวาห์กับราล์ฟ เดริโก้ร์ บุณยกร ว่าที่เจ้าบ่าวที่ยังไม่โผล่หน้ามาให้เห็นสักที หญิงสาวได้ถูกมารดาและมาดามแคทลีนปลุกตั้งแต่ตีห้าของเช้าวันใหม่ เพื่อมาแต่งหน้าทำผมโดยช่างมืออาชีพ ที่มาดามแคทลีนอีกนั่นแหละเป็นคนจัดแจงติดต่อหามาให้
ว่าที่เจ้าสาวอย่างมธุรินไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นดีใจเฉกเช่นเจ้าสาวทั่วๆ ไป หญิงสาวนั่งซึมกระทือราวกับตุ๊กตาไขลาน
ไม่ว่าช่างแต่งหน้า ช่างทำผม จับให้หมุนไปทางไหน หญิงสาวก็หมุนตัวตามโดยไม่รู้สึกรู้สา เวลามาดามแคทลีนกับมารดามายืนใกล้ๆ คอยกำชับให้ช่างฝีมืออาชีพแต่งหน้าให้สวยงามตามที่นางต้องการ หญิงสาวก็ฝืนยิ้มให้ท่านทั้งสอง เพื่อให้มองดูว่าเธอนั้นกำลังดีใจหนักหนา ที่จะได้ร่วมหอลงโรงกับเจ้าพ่อแห่งเดริโก้ร์กรุ๊ป
“นี่พวกเธอ แต่งหน้าลูกสะใภ้ฉันเอาให้สวยไม่มีที่ติ ส่วนผมก็ทำให้ประณีต อย่าให้หลุดลุ่ยออกมาแม้แต่เส้นเดียว เข้าใจไหม”
มาดามแคทลีนสั่งกำชับช่างเสริมสวยระดับมืออาชีพ ซึ่งเคยแต่งหน้าทำผมให้กับดารานางแบบในกรุงโรมมาแล้ว ขณะที่สั่งช่างเสริมสวยให้ทำงานสุดฝีมือ นางก็เดินรอบๆ ตัวว่าที่ลูกสะใภ้ เพื่อเพ่งพิศพิจารณาว่างดงามเพียบพร้อมที่จะออกไปปรากฏตัวให้บรรดาแขกเหรื่อ ที่มาร่วมงานได้ยลโฉมความงดงามหรือยัง
“รับประกันความงดงามแน่นอนค่ะมาดาม วันนี้คุณมธุรินจะเป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุดในกรุงโรม ใครได้เห็นก็ต้องตกตะลึงตามๆ กันอย่างแน่นอนค่ะ”
ช่างเสริมสวยมือหนึ่งที่มีฝีปากคารมคมคายพอๆ กับฝีมือการแต่งหน้าทำผม ได้เอ่ยชมเจ้าสาวแสนสวยอย่างจริงใจ เพราะตั้งแต่แต่งหน้าทำผมเจ้าสาวมา เธอเพิ่งเคยเห็นเจ้าสาวที่แสนงดงาม อรชรอ้อนแอ้น ผิวพรรณยองใย ยิ่งมองยิ่งพิศอย่างมธุริน
“หน้ากับผมเรียบร้อยแล้ว เชิญคุณมธุรินในห้องแต่งตัวนะคะ เดี๋ยวดิฉันจะช่วยสวมชุดไทยให้ค่ะ”
ช่างเสริมสวยคนเดิมเอ่ยบอก พร้อมกับช่วยประคองร่างบอบบางให้เดินเข้าไปในห้องแต่งตัว ส่วนว่าที่เจ้าสาวก็ลุกขึ้นตามแรงประคองของช่างเสริมสวยไม่ต่างจากหุ่นยนต์บังคับวิทยุ พอถูกสั่งให้ลุกขึ้นก็รีบทำทันที แต่ทว่าเป็นการทำตามอย่างไร้ชีวิตชีวา
มธุรินหายเข้าไปในห้องแต่งตัว พร้อมกับช่างเสริมสวยอีกสองคนนานเกือบสิบนาที จึงได้เดินออกมาจากห้องแต่งตัว พร้อมกับพกพาความงดงามดั่งนางในวรรณคดี ออกมาให้ทุกคนในห้องได้ชื่นชมและอ้าปากค้างไปตามๆ กัน
“สวยมากเลยลูก สวยราวกับหญิงโบราณ งดงามดั่งนางในวรรณคดีไม่มีผิด”
มาดามแคทลีนหลุดปากชมว่าที่ลูกสะใภ้ไม่ได้หยุดปาก ส่วนบิดามารดาของมธุรินเอง ก็มีอาการไม่ต่างจากทุกคนในห้อง เพราะทันทีที่ได้เห็นลูกสาวเดินออกมาจากห้องแต่งตัวก็ถึงกับเบิกตาโต ไม่นึกว่าลูกสาวตัวน้อยๆ ของพวกตน
จะงดงามถึงเพียงนี้
“ต้นหยก...หนูสวยมากเลยลูก งามเหมือนนางในวรรณคดี เหมือนที่มาดามได้บอกเลยลูก”
คุณมนรดาสวมกอดลูกสาวไว้แน่นด้วยความตื้นตันดีใจ จนหยาดน้ำตาเอ่อคลอเบ้า เมื่อได้เห็นลูกสาวดูสง่างามในชุดไทยจักรีสีกลีบดอกบัวชมพูอ่อนดูงดงามยิ่งนัก
“เดี๋ยวใส่ชุดทองคำลงยาสุโขทัยนะลูก ทองคำชุดนี้มาดามยกให้หนูต้นหยกทั้งหมดเลยลูก”
มาดามแคทลีนยื่นกล่องกำมะหยีกล่องใหญ่ให้มธุริน พอหญิงสาวยกมือไหว้ขอบคุณและเปิดฝากล่องกำมะหยีออกกว้าง บรรดาช่างแต่งหน้า ช่างทำผม คุณมนรดา คุณรวิช รวมทั้งตัวมธุรินเองก็ถึงกับเบิกโต เมื่อได้เห็นชุดทองคำลงยาสุโขทัยอันแสนงดงามเหลืองอร่ามนอนสงบนิ่งอยู่ข้างใน
“แม่ช่วยใส่ให้นะลูก” คุณมนรดาเอ่ยบอก พร้อมกับหยิบเครื่องประดับทองคำ มาใส่ให้ลูกสาวทีละชิ้นจนครบเรียบร้อย
“ต้นหยก หนูลองดูตัวหนูสิลูก ว่างดงามมากเพียงใด” มาดามแคทลีนเอ่ยยิ้มๆ พร้อมกับหมุนร่างเล็กให้ได้มองตัวเองในกระจกเงาบานใหญ่
มธุรินคลี่ยิ้มบางๆ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองกระจกเงาที่อยู่ตรงหน้า พอได้เห็นภาพหญิงสาวแสนงดงาม อรชรอ้อนแอ้น ซึ่งสะท้อนออกมาจากกระจกเงา ก็ถึงกับตะลึงเล็กน้อย เพราะไม่คิดว่าหญิงสาวผู้นั้นจะเป็นตัวเธอเอง
ชุดไทยจักรีสีกลีบดอกบัวชมพูอ่อนดูอบอุ่น ช่วยขับผิวของมธุรินให้ดูขาวผ่องยองใยน่าทะนุถนอมมากยิ่งขึ้น ตัวสไบปักดิ้นทองกรองเป็นดอกพิกุลระยิบระยับ เน้นลวดลายที่ดูอ่อนช้อยพลิ้วไหวตามจังหวะก้าวเดินของผู้ที่สวมใส่ ส่วนเครื่องประดับที่เป็นชุดทองคำลงยา มีทั้งเข็มขัดถักแบบโบราณ สร้อยคอ และกำไลข้อมือถักทั้งสองข้าง ที่เข้าชุดกับตัวเข็มขัด และเครื่องประดับที่งดงาม ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของทุกคนในห้องมากที่สุด เห็นจะเป็นปิ่นโบราณซึ่งปักอยู่ตรงมวยผมของมธุริน
มธุรินหันหลังช้าๆ มาแย้มยิ้มหวานให้มาดามแคทลีนผู้สรรหาทุกสิ่งทุกอย่างให้เธอ จากนั้นก็ยกมือไหว้ขอบคุณแม่สามีอีกครั้ง
“ต้นหยกขอบพระคุณมาดามมากๆ ค่ะ”
มาดามแคทลีนรวบมือเล็กทั้งสองมากุมไว้ ก่อนจะเอ่ยตอบกลั้วหัวเราะ
“ไม่เป็นไรหรอกลูก มาดามรักหนูต้นหยกไม่ต่างจากลูกสาว เพราะฉะนั้นมาดามต้องสรรหาแต่สิ่งที่ดีที่สุดให้หนู ถ้ายังไงหนูต้นหยกตอบแทนมาดามด้วยการมีหลานให้มาดามเร็วๆ นะลูก”
มธุรินยิ้มเขินอายเล็กน้อยกับคำขอของว่าที่แม่สามี แต่ก็ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธคำขอของท่าน จากนั้นก็ได้เอ่ยถามถึงว่าที่เจ้าบ่าวที่ยังไม่เห็นแม้แต่เงา
“มาดามคะ คุณราล์ฟกลับมาถึงหรือยังคะ”
มธุรินเอ่ยถามเบาๆ เพราะเท่าที่เธอรู้ก็คือราลฟ์ยังไม่กลับคฤหาสน์ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว เมื่อคืนเธอนั่งรออีกฝ่ายอยู่เงียบๆ ในห้องนอน รอว่าเมื่อไรราล์ฟจะกลับมา เพื่อที่เธอจะได้แอบดูหน้าตาของนายยักษ์ว่าจะเปลี่ยนไปมากเพียงใด เพราะจะว่าแล้วเกือบสิบห้าปีทีเดียวที่เธอไม่เคยพบอีกฝ่าย แต่ทว่าการรอคอยของเธอก็มีอันต้องล้มเหลว เมื่อนายยักษ์ยังไม่กลับคฤหาสน์สักที และตอนนี้จวนจะเจ็ดโมงเช้าแล้ว เธอก็มั่นใจว่าอีกฝ่ายยังมาไม่ถึงคฤหาสน์เช่นเดียวกัน
มาดามแคทลีนหน้าถอดสีเล็กน้อย ตอนที่ถูกว่าที่ลูกสะใภ้เอ่ยถาม นางจับมือเล็กของมธุรินมากุมไว้ ก่อนจะเอ่ยตอบให้ความมั่นใจ
“เดี๋ยวพี่เขาก็คงมาถึงนะลูก เชื่อมาดามเถอะ ยังไงราล์ฟก็ไม่มีทางผิดคำพูด ที่ได้ให้สัญญาไว้กับมาดาม”
มาดามแคทลีนคิดว่าต้องมีเหตุสุดวิสัยเกิดขึ้นที่โรงแรมแน่ จนทำให้ลูกชายของนางไม่ได้กลับบ้านตามกำหนดที่บอกไว้ แต่ถึงยังไงนางก็เชื่อว่าราล์ฟจะต้องกลับมาทันฤกษ์แต่งงานอย่างแน่นอน