บท
ตั้งค่า
1 พบกันครั้งแรก
อากาศคิมหันต์ฤดูร้อนอบอ้าวจนน่าหงุดหงิด สตรีแสนงดงามปรายตามองบ่าวไพร่อย่างไม่สบอารมณ์ เมื่อหลายวันก่อนนางถูกพระมารดาต่อว่า และลงโทษในเรื่องที่ไร้เหตุผล คนผู้นั้นอยากลงมือกระทำการเช่นใดกับนางก็ย่อมได้ แม้แต่เสด็จพ่อก็มิอาจยื่นมือเข้าช่วยเหลือ จนบางครั้งหลี่จื้อฉิงมีความคิดว่า นางนั้นใช่บุตรสาวที่แท้จริงหรือไม่
“ท่านหญิงเพคะ” หญิงรับใช้เคาะประตูห้องเอ่ยเรียกสตรีสูงศักดิ์ที่อยู่ด้านในเพียงแผ่วเบา
คนตัวเล็กที่อยู่ในชุดเนื้อผ้าบางเบาเตรียมตัวจะเจ้าเข้านอน ส่งสัญญาณให้นางกำนัลในห้องเปิดประตู ทันทีที่ประตูห้องถูกเปิดออก กาน้ำชาร้อน ๆ ถูกเขวี้ยงใส่หน้าของหญิงรับใช้ที่มารบกวนช่วงเวลาพักผ่อนของนางในยามดึก
“ถ้าไม่มีเหตุผลดี ๆ ในการมารบกวนข้า ข้าจะลงโทษเจ้า” คนตัวเล็กแผดเสียงดังอย่างไม่พอใจ
“หม่อมฉันผิดไปแล้วเพคะ ปะเป็น...องค์หญิงใหญ่ องค์หญิงทรงมีประสงค์จะพบท่านหญิงเพคะ” นางกำนัลผู้นั้นรีบคุกเข่าลงกับพื้น
เมื่อได้ยินว่าเป็นความต้องการของพระมารดา หลี่จื้อฉิงย่อมต้องปฏิบัติตาม เรื่องที่นางถูกเรียกให้ไปพบนั้นเกี่ยวข้องกับสิ่งใดมิอาจนึกออก เป็นเพราะเสด็จแม่ของนางล้วนแล้วแต่ทำเรื่องที่มิอาจคาดเดา
“เข้าใจแล้ว” หลี่จื้อฉิงตั้งท่าจะเข้าไปแต่งตัว หากไปในชุดเช่นนี้คงมิวายถูกตำหนิ
“ทะ...ท่านหญิง” นางกำนัลคนเดิมร้องเรียก
“อะไร”
“องค์หญิงใหญ่บอกให้ท่านหญิงไปพบเดี๋ยวนี้เลยเพคะ ไม่จำเป็นต้องผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าใด ๆ ทั้งสิ้น”
โทสะของหลี่จื้อฉิงล้นปรี่ แต่กระนั้นนางก็มิอาจขัดคำสั่งของอีกฝ่ายได้ เมื่อจัดการคลุมเสื้อให้เรียบร้อย จึงเร่งรีบเดินทางไปยังตำหนักบูรพาอันเป็นที่พำนักของนางในทันที
ใช้เวลาเพียงไม่นานรถม้าของหลี่จื้อฉิงก็มาหยุดอยู่หน้าประตูทางเข้าตำหนักบูรพา ราชองครักษ์ที่นางไม่ชอบหน้า คล้ายกับจะรอนางอยู่แล้ว ทันทีที่ได้พบหน้า ชายผู้นั้นก็เอ่ยทักทาย
“ท่านหญิง”
“เสด็จแม่ล่ะ”
“องค์หญิงอยู่ด้านในพ่ะย่ะค่ะ” สตรีผู้นี้ยโสโอหังเสียเหลือเกินแม้แต่รอยยิ้มเพียงเล็กน้อยนางก็ไม่เคยมีให้กับเขา
คนตัวเล็กพยักหน้าแบบขอไปที แผ่นหลังเหยียดตรงแสดงท่าทางเย่อหยิ่งและสูงศักดิ์ ทุกครั้งที่ย่างกรายเข้ามาที่นี่ หัวใจของหลี่จื้อฉิงมักจะเต้นโครมครามอยู่เสมอ เพราะมักจะมีเรื่องที่มิอาจคาดเดาและทำให้นางประหลาดใจอยู่ทุกครั้ง
ร่างเล็กในชุดเสื้อผ้าโปร่งบางเดินเข้าไปอย่างเชื่องช้า ภายในตำหนักจุดตะเกียงเพียงไม่กี่ดวง ทำให้ทัศนวิสัยย่ำแย่ เมื่อมองไปยังเก้าอี้ประธานพบว่าพระมารดานั่งรออยู่ก่อนแล้ว
“ถวายพระพรเสด็จแม่” นางยอบกายทำความเคารพ
“ลูกสาวของข้า” หลี่หย่าถิงยิ้มอย่างอารมณ์ดี
“นางกำนัลบอกว่า เสด็จแม่มีเรื่องสำคัญ” ผู้เป็นบุตรสาวมิอยากอยู่ที่นี่นานนัก จึงเข้าเรื่องในทันที
รอยยิ้มของหลี่หย่าถิงปรากฏอยู่บนใบหน้า ยามเมื่อแสดงไฟในตะเกียงกระทบใบหน้างดงามหยาดฟ้า ดูแล้วคล้ายกับจอมปีศาจ ทั้งดุดันและน่าเกรงขาม แม้จะเป็นพระมารดาของนาง แต่ทว่าหลี่จื้อฉิงมิอาจชินชากับความน่ากลัวเช่นนั้นได้
“เด็กดี ปีนี้เจ้าอายุเท่าไร” หลี่หย่าถิงไม่เคยจำว่าบุตรสาวของตนอายุเท่าไร
“สิบเจ็ดปีแล้วเพคะ” นางตอบ
“สิบเจ็ดแล้วเหตุใดจึงยังไม่แต่งงาน” ผู้เป็นพระมารดาลุกขึ้นเดินเข้าประชิดตัวบุตรสาว “เป็นถึงบุตรสาวของข้าองค์หญิงหย่าถิง คนพวกนั้นมีตาหามีแววไม่” หลี่หย่าถิงเชยใบหน้าของบุตรสาวขึ้นมาพิจารณา “กลิ่นกายหอมประดุจดอกกุ้ยฮวา ผิวขาวราวกับหิมะ ใบหน้างดงามประดุจเทพธิดาเช่นนี้ มันผิดพลาดที่ตรงไหนกันนะ”
ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าเพราะด้วยเหตุผลใด แต่หลี่หย่าถิงก็ยังเอ่ยไม่หยุด
คนตัวเล็กกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ รู้สึกว่าลำคอของตนนั้นแห้งผาก สตรีเช่นนาง ชายใดจะกล้ามาสู่ขอ เรื่องนั้นนางรู้ตัวดี จึงมิได้ผูกสมัครรักใคร่กับบุรุษใดในแผ่นดิน และต่อให้นางสนใจผู้ใดก็ตามสตรีที่เป็นพระมารดาของนางคงกีดกันและกำจัดเขาให้พ้นทาง
“เป็นเพราะหม่อมฉันอยากอยู่รับใช้เสด็จแม่ไปจนวันตายเพคะ หม่อมฉันอยากอยู่รับใช้ปรนนิบัติพระองค์” นางมิรู้จะเอ่ยสิ่งใด จึงพูดจาป้อยอ
“โธ่ ลูกสาวที่น่ารักน่าเอ็นดูของข้า”
หลี่หย่าถิงดีดนิ้วหนึ่งครั้ง ราชองครักษ์ที่รออยู่แล้ว จึงเดินเข้ามาอย่างรู้หน้าที่ คนพวกนั้นเดินเข้าพร้อมกับก้อนเนื้อชิ้นหนึ่งที่นางมองไม่ออกว่าเป็นบุรุษหรือสตรี รูปร่างผอมบางแต่ก็ตัวสูงกว่าราชองครักษ์ มือทั้งสองข้างถูกใส่ตรวน ผมเผ้ารุงรังติดเป็นสังกะตัง เนื้อตัวเหม็นราวกับซากสัตว์
“ก้อนเหม็น ๆ นั่นคืออะไรหรือเพคะ” หลี่จื้อฉิงย่นจมูก กลิ่นมิต่างไปจากซากหนูตาย ยิ่งเข้าใกล้ก็ยิ่งรู้สึกอยากจะอาเจียน
ผู้เป็นพระมารดาจับข้อมือเรียวของบุตรสาวขึ้นมาพร้อมกับสวมกำไลเงินประดับอัญมณีสีแดงเม็ดเล็ก ๆ ทันทีที่มันถูกสวมใส่บนข้อมือของนาง มันก็หดรัดจนขนาดพอดีกับวงแขนเรียวเล็กมิอาจถอดหรือทำลายทิ้งได้อีก หลี่จื้อฉิงมิอาจคาดเดาได้ว่า มันคือสิ่งใด มือเรียวเล็กใช้มือสัมผัสวนเวียน และกดไปที่มณีสีแดงอย่างไม่ตั้งใจ ทันใดนั้นเองเจ้าก้อนเนื้อตัวผอมบางก็ล้มลงดิ้นรนอย่างทรมาน
“อ๊าก!!!!” เขาหวีดร้องเสียงดังลั่น ดวงตาเป็นสีแดงก่ำมองมาที่หลี่จื้อฉิงและพระมารดา
“เสด็จแม่” คนตัวเล็กตื่นตระหนก
หลี่หย่าถิงเดินอ้อมหลังไปที่ชายหนุ่มตัวผอม ที่เวลานี้ไร้หนทางสู้ นางกระชากเส้นผมของชายผู้นั้นให้เขาเงยหน้าขึ้น ที่คอของก้อนเนื้อตัวเหม็น มีโลหะประดับอัญมณีสีแดงที่มีลักษณะคล้ายกันกับกำไลของนางสวมเอาไว้
“เด็กดี เจ้าลองกดแรง ๆ ที่มณีแดงดูสิ” หลี่จื้อฉิงมิอาจขัดใจได้นางกระทำตาม และทันทีที่มือกดลงไป เจ้าก้อนเนื้อเหม็นเน่าก็กรีดร้องอย่างทุกข์ทรมานอีกครั้งหนึ่ง
“อ๊าก!!!! นางปีศาจ” สายตาของเจ้าก้อนเนื้อ
เมื่อรู้ถึงผลลัพธ์ของกำไลประดับมณีแดงชิ้นนี้ หลี่จื้อฉิงจึงคลายมือออกจากตำแหน่งนั้น และเก็บความตื่นตระหนกเอาไว้ไม่เปิดเผยออกไป
“เห็นถึงผลของมันหรือยังเด็กดี” หลี่หย่าถิงเอ่ย
“เพคะ หม่อมฉันเห็นแล้ว” คนตัวเล็กยิ้มเหยียดมองไปที่ก้อนเนื้อเหม็นเน่าที่นอนทุรนทุรายอยู่บนพื้น “ว่าแต่เสด็จแม่...” สตรีผู้นี้มีอาจคาดเดาได้ว่า นางต้องการสิ่งใดหลี่จื้อฉิงจึงแสร้งโง่คิดไม่ออกว่านางกำลังต้องการสิ่งใดกันแน่
“ตายแล้ว ลูกสาวที่น่ารักของแม่ ข้าลืมบอกเรื่องสำคัญไปสินะ”
“เพคะ”
“บัดนี้ข้าขอมอบมันเป็นสามีให้กับเจ้า”