บทย่อ
ในอดีตนางนั้นร้ายกาจเป็นสตรีชั่วช้าอันดับหนึ่งในหล้า วันที่นางตกต่ำเขากลายเป็นบุรุษที่อยู่เหนือใต้หล้าและพร้อมจะทวงทุกหนี้แค้นที่เคยมีต่อกัน หลี่จื้อฉิงเป็นพระธิดาเพียงคนเดียวขององค์หญิงใหญ่แห่งฉางหมิง ทั่วทั้งแผ่นดินนี้ไม่รู้บ้างว่าฉางหมิงนี้มีใครเป็นผู้ปกครอง นิสัยของนางจึงร้ายกาจและหยิ่งยโส ไม่เกรงใจและไว้หน้าผู้ใด ในค่ำคืนต้นคิมหันต์ฤดู เสด็จแม่เรียกนางให้ไปพบและส่งสัตว์เลี้ยงเนื้อตัวมอมแมมมอบให้กับนางเป็นของขวัญ ในวันที่นางตกต่ำ เขาได้กลับคืนสู่สถานะเดิม การแก้แค้นเอาคืนในสิ่งที่นางเคยกระทำจึงเริ่มต้นขึ้น
นิยายรักโรแมนติกนิยายจีนโบราณดราม่าข้ามมิติครอบครัวใช้ความรุนแรงจีนโบราณแต่งงานแทนพระชายาแต่งงานก่อนรัก
บทนำ
อาการบาดเจ็บที่หน้าแข้งด้านขวารุนแรงยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ หลี่จื้อฉิง ค่อย ๆ ประคับประคองร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลไปตามเส้นทางอันมืดมิดในป่าชานเมือง เสียงลมหายใจของนางเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าและอ่อนแรง โชคดีที่ในป่ายามค่ำคืนนั้นมืดสนิท อีกทั้งยังเป็นคืนข้างแรม ทำให้การเคลื่อนไหวของนางยังไม่ถูกจับได้
ร่างเล็กเห็นโพรงไม้เล็ก ๆ ที่พอจะยัดเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในนั้นได้ จึงค่อย ๆ เสือกตัวเข้าไปแอบ แม้จะไม่รู้ว่าด้านในเต็มไปด้วยสิ่งใด ขืนเดินป้วนเปี้ยนทั้งที่ขาเจ็บเช่นนี้ หากไม่ถูกคนกลุ่มนั้นสังหาร ก็คงหนาวตาย เมื่อคิดได้เช่นนั้นจึงตัดสินใจ
เสียงฝีเท้าของคนกลุ่มใหญ่มุ่งหน้ามายังทิศที่นางหลบซ่อน หลี่จื้อฉิงใช้มือเล็กปิดปากของตนเองเอาไว้ไม่กล้าปริปากส่งเสียงใด ๆ ออกไป
ในเวลานี้ไม่มีผู้ใดที่นางไว้ใจได้ทั้งนั้น แม้กระทั่งมารดาและบิดาของนางเอง
“ท่านหญิงออกมาเถอะ องค์หญิงใหญ่ให้พวกเราออกมาตามหาท่าน” หนึ่งในคนกลุ่มนั้นตะโกนร้องเรียก
“เสด็จแม่ทรงคิดถึงท่านหญิงนะพ่ะย่ะค่ะ” คนผู้นั้นยังคงเอ่ยถึงสตรีสูงศักดิ์ผู้เป็นเจ้านายของตนเอง
แต่ใครจะเชื่อกัน หากก่อนหน้านั้นนางไม่ไปได้ยินแผนการลับของหลี่หย่าถิงผู้เป็นมารดาของตนเสียก่อน หลี่จื้อฉิงคงจะกระวีกระวาดเปิดเผยตนว่า หลบซ่อนอยู่ที่ใด
หญิงสาวหลับตาปี๋กลั้นหายใจ มั่นใจแล้วว่า ไม่ส่งเสียงใด ๆ ออกไป แต่กระนั้นเสียงฝีเท้าก็ยังมาหยุดอยู่ที่โพรงไม้ที่นางแอบซ่อนราวกับรู้อยู่แล้วว่านางต้องอยู่ที่นี่ คบไฟสีแดงฉานฉายสาดส่องไปที่ปากทางเข้า
“ท่านหญิง... ในที่สุดก็เจอตัวแล้ว” น้ำเสียงของชายที่นางไม่รู้จักเย็นเฉียบไม่ต่างอะไรไปจากสายลมในค่ำคืนนี้
ทันทีที่พวกเขาพบเป้าหมาย หลี่จื้อฉิงถูกลากออกมาอย่างไร้น้ำใจ บาดแผลที่ขาด้านขวาทวีความเจ็บปวดรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
“ปล่อยข้านะ” ร่างเล็กต่อสู้ดิ้นรน “ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยข้าด้วย ข้าเป็นใคร พวกเจ้าเป็นใคร” นางกู่ร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ
“น่าเสียดายจริง ๆ” หนึ่งในคนพวกนั้นใช้มือแตะสัมผัสไปทั่วทั้งร่างนุ่มนิ่ม ใบหน้างดงามกลิ่นกายหอมกรุ่นเรียกได้ว่าเป็นโฉมงามอันดับหนึ่ง ผิดกันกับนิสัยแสนหยาบช้า
“เจ้าคนสารเลว” หญิงสาวถ่มน้ำลายใส่หน้าคนพวกนั้น “อย่ามาแตะต้องตัวข้า รู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร พวกขี้ข้าอย่างเจ้ามีสิทธิ์อะไรมาแตะต้องตัวข้า”
“ท่านหญิงยังคิดว่าตนเป็นผู้สูงศักดิ์ ฐานันดรเหนือกว่าผู้ใดอยู่อีกหรือ” เขาเอ่ยเสียงเรียบ ดวงตาเต็มไปด้วยการดูถูกเหยียดหยาม ผ่านไปครู่หนึ่ง ทหารองครักษ์ที่อยู่ในชุดใกล้เคียงกัน ลากสตรีตัวเล็กไปหยุดอยู่ที่หน้าผาสูงชัน “น่าเสียดายที่พวกข้าไม่มีเวลาเล่นสนุกกับท่าน” มือหยาบสัมผัสใบหน้าแสนงดงามของสตรีตรงหน้าอย่างไร้มารยาท และสุดแสนเสียดาย
“พวกเจ้าจะทำอะไรข้า” ดวงตางดงามของหลี่จื้อฉิงเบิกโพลงเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก เมื่อถูกลากตัวมาหยุดอยู่ขอบหน้าผา หัวใจของนางกระตุกวูบ ร่างเล็กหวาดกลัวจนตัวสั่นรู้ได้ในทันทีว่า จากนี้จะเกิดอะไรขึ้น สายลมแห่งสารทฤดูเย็นเฉียบหนาวเหน็บราวกับถูกมีดกรีด ต้องโทษที่นางโง่เขลา ต้องโทษที่นางดื้อด้านคิดต่อต้านสตรีผู้นั้น
มาถึงตอนนี้สิ่งเดียวที่นางไม่คิดเสียใจคือการปล่อยเขา ปล่อยให้เขาได้กลับสู่ดินแดนของตนเอง ก่อนที่ตัวของนางเองจะตกที่นั่งลำบาก
“ท่านหญิงล่วงเกินแล้ว”
จบประโยค ร่างเล็กแบบบางก็ถูกผลักให้ร่วงหล่น หายไปกับเงามืดยามราตรี