บทที่3 ผู้หญิงในคืนนั้น
วันต่อมาหลังจากทริปการพาพนักงานในบริษัทไปพักผ่อนที่พัทยาจบลงประธานหนุ่มอย่างประภากรณ์ และพนักงานทุกคนในบริษัทก็กลับเข้าสู่โหมดทำงานตามปกติ ทันทีที่มาถึงบริษัทเขาก็สั่งให้พายัพไปเอาแฟ้มประวัติของพนักงานหญิงทุกแผนกที่มีสถานะโสดมาให้ ยังไงเขาก็จะต้องรู้ให้ได้ว่าเธอเป็นใคร
หลังจากอ่านแฟ้มประวัติครบทุกคนก็สั่งให้พายัพทยอยเรียกพนักงานที่คิดว่าน่าจะเป็นผู้หญิงในคืนนั้นมาพบทีละคน แต่เรียกมาพบจนเกือบครบทุกแผนกแล้วก็ยังไม่ใช่จนเขาเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาพานนึกโกรธตัวต้นเหตุที่ทำให้เขาต้องมานั่งทำอะไรแบบนี้ ยังเหลือแผนกบัญชีอีกแผนกเดียวหวังว่าจะพบสักที
“อย่าให้รู้นะว่าเป็นใครจะลงโทษให้หนักเลย” เสียงทุ้มเอ่ยอย่างคาดโทษ ก่อนจะออกคำสั่งกับลูกน้องคนสนิทอีกครั้ง “ไปตามกัญญารัตน์ เติมรัก และคามิลลาพนักงานแผนกบัญชีมาพบฉันหน่อยให้เข้ามาหาทีละคน”
“ครับ” พายัพพยักหน้ารับคำสั่งแล้วหมุนตัวเดินออกไปจากห้อง ทันทีที่ประตูปิดลงประภากรณ์ก็ค่อย ๆ หลับตาลงเอนหลังพิงพนักเก้าอี้เพื่อพักผ่อนสายตา และสงบอารมณ์หงุดหงิดงุนง่านของตัวเองระหว่างรอพนักงานแผนกบัญชีมาพบ
ก็อก! ก็อก!
เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้คนที่หลับตาลงได้เพียงห้านาทีค่อย ๆ ปรือตาขึ้นมาพร้อมกับเปล่งเสียงตะโกนออกไป “เข้ามา”
สิ้นเสียงทุ้มประตูก็ถูกเปิดเข้ามาก่อนจะเผยให้เห็นร่างอรชรของพนักงานสาวแผนกบัญชีเดินเข้ามา วินาทีแรกที่เห็นหน้าเขาก็รู้แล้วว่าเธอคือเติมรักเพราะไม่ได้ต่างจากรูปที่ติดในแฟ้มประวัติสักเท่าไร
ดวงตาคมกริบไล่มองร่างบางที่เดินตรงมายังโต๊ะทำงานอย่างพินิศพิจารณาพลางใช้นิ้วเคาะบนโต๊ะเป็นจังหวะ ประเมินจากรูปร่างก็มีส่วนคล้ายกับเรือนร่างผู้หญิงในคืนนั้นแต่จะให้ชัวร์คงต้องพิสูจน์อะไรอีกเยอะ
“สวัสดีค่ะท่านประธาน” นิ้วเรียวที่เคาะบนโต๊ะชะงักกึก ปลายคิ้วเข้มกระตุกขึ้นเล็กน้อยเมื่อกลิ่นน้ำหอมของร่างบางที่เดินมาหยุดตรงหน้าลอยแตะจมูกมันเป็นกลิ่นแบบเดียวกันกับคืนนั้นไม่ผิดเพี้ยนในที่สุดเขาก็ได้เห็นหน้าคนที่ปีนขึ้นเตียงสักที
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นประดับมุมปากหนาเสี้ยวนาทีแล้วหายไป เขาจะแสร้งทำเป็นไม่รู้ต่อไปค่อย ๆ ต้อนเธอให้จนมุมทีละนิดเพราะเกรงว่าพูดไปตรง ๆ กระต่ายตัวน้อยตัวนี้จะตื่นตูมจนวิ่งหนีเตลิดเปิดเปิงเหมือนคืนนั้นอีก
“การทำงานเป็นยังไงบ้าง” เขาพยักหน้ารับคำทักทายของพนักงานสาว ก่อนแสร้งทำเป็นถามไถ่เรื่องทั่วไปแบบเจ้านายกับลูกน้องไม่อยากทำให้ผิดสังเกต
“การทำงานราบรื่นดีค่ะท่านประธาน” เติมรัก หญิงสาวเจ้าของใบหน้าหวานตอบด้วยน้ำเสียงประหม่า มือทั้งสองข้างประสานเข้าหากันแน่นข่มความรู้สึกมากมายที่เกิดขึ้นในใจเมื่อต้องอยู่ต่อหน้าผู้บริหารหนุ่มไฟแรงหน้าตาหล่อเหลา หนำซ้ำยังเคยได้ยินพนักงานเก่า ๆ ที่นี่บอกว่าเขาเป็นคนเข้มงวดมากทุกอย่างต้องแป๊ะและเนี้ยบ
“แล้วทริปที่พาพนักงานไปพักผ่อนประจำปีคุณคิดว่าดีไหม” ประภากรณ์เพียงพยักหน้ารับกับคำตอบ แล้วเริ่มพูดตะล่อมเธอทีละน้อย สายตาก็จับพิรุธเธออยู่ตลอดเวลา
“ดีมากค่ะ”
“คุณคิดว่าปาร์ตี้คืนสุดท้ายที่ทางบริษัทจัดให้พนักงานจะชอบไหม”
“คิดว่าทุกคนน่าจะชอบค่ะ”
“แล้วคุณชอบไหม”
“ชอบค่ะ”
เขาตะล่อมถามร่างบางตรงหน้าเรื่อย ๆ จนจับสังเกตได้ถึงความผิดปกติบางอย่างที่เธอเผลอแสดงออกมาทางสีหน้า และดวงตาที่เลิ่กลั่กไปมาราวคนมีความผิดเพราะพนักงานคนอื่นไม่ได้มีอาการแบบเธออาจมีบ้างก็แค่เกร็ง ๆ
ดวงตาคมกริบจ้องมองคนที่ยืนหน้าถอดสีมีท่าทีรน ๆ ประสานมือเข้าหากันแน่นนิ่ง ๆ นานนับนาที ก่อนเปล่งเสียงพูดต่อด้วยน้ำเสียงและสีหน้าปกติ แต่ประโยคที่ถามไม่เกี่ยวกับเรื่องบริษัทสักนิด “น้ำหอมคุณหอมดีนะ ผมไม่เคยได้กลิ่นแบบนี้มาก่อนเลย"
“กลิ่นนี้ไม่มีขายตามท้องตลาดค่ะท่านประธานเพราะน้ำหอมกลิ่นนี้เป็นกลิ่นที่เพื่อนดิฉันผสมขึ้นมาเองค่ะ มีแค่ดิฉันกับเพื่อนสองคนที่ใช้”
“เพื่อน?” คำตอบจากพนักงานสาวทำเอาประภากรณ์ถึงกับขมวดคิ้วชนกัน เขาคิดว่าเธอจะเป็นคนเดียวที่ใช้น้ำหอมกลิ่นนี้เสียอีก ความสงสัยเริ่มก่อขึ้นในสมองเล็กน้อยจนต้องรีบถามไถ่ไปให้กระจ่าง “ แล้วเพื่อนคุณทำงานที่นี่ด้วยไหม”
“ทำที่นี่ค่ะอยู่แผนกเดียวกันด้วยค่ะ”
คนฟังถึงกับถอนหายใจหนัก ๆ ออกมาด้วยความหงุดหงิดนึกว่าหาตัวผู้หญิงในคืนนั้นเจอแล้วเสียอีก แต่ที่ไหนได้กลับเพิ่มมาอีกคนมา งั้นก็เท่ากับว่าเขาต้องหาทางพิสูจน์ให้ได้ว่าระหว่างคนที่ยินตรงหน้ากับเพื่อนสาวของเธอใครกันแน่ที่เป็นคนในคืนนั้น
เขาหลับตาลงพร้อมพรูลมหายใจเข้าออกเบา ๆ ระงับอารมณ์หงุดหงิดในใจ ก่อนพูดต่อ “เรียกเพื่อนคุณเข้ามาพบผมหน่อย ส่วนคุณกลับไปทำงานต่อได้”
“ค่ะ” เติมรักน้อมรับคำสั่งประธานหนุ่มแล้วรีบหมุนตัวเดินออกไปทันที
ประภากรณ์มองตามแผ่นหลังบางจนประตูปิดลงจึงหยิบแฟ้มของทั้งสองสาวมาเปิดเทียบกัน
เติมรักกับคามิลลามีอะไรหลายอย่างที่เหมือนกันไม่ว่าจะเป็นน้ำหนัก หรือส่วนสูงอีกทั้งยังจบจากมหาวิทยาลัยเดียวกันมีความชอบคล้ายกัน ให้ตายเถอะเขาชักเริ่มโมโหแล้วสิมันน่าจับทั้งสองมาเค้นเอาคำตอบตรง ๆ นักจะได้ไม่ต้องเสียเวลาและปวดหัว
แกร็ก!
มือหนาปิดแฟ้มประวัตทั้งสองสาวลงแล้วเลื่อนไปไว้ริมโต๊ะเมื่อเสียงเปิดประตูดังขึ้น ก่อนตวัดสายมองร่างบางที่เปิดประตูเข้ามาอย่างสำรวจ รูปร่างของเธอดูผอมเพียวกว่าเติมรักเล็กน้อย หน้าตาสวยคมตามแบบฉบับลูกครึ่ง ส่วนเติมรักหน้าตาออกไปแนวหวาน ๆ น่ารัก ๆ
ยิ่งเธอเดินเข้ามาใกล้เท่าไรกลิ่นน้ำหอมก็ยิ่งชัดเจนขึ้นเหมือนกลิ่นบนตัวเติมรักไม่มีผิด แล้วสรุปสองคนนี้คือใครกันที่อยู่กับเขาในคืนนั้น
“สวัสดีค่ะท่านประธาน” ใบหน้าหล่อเหลาเพียงพยักรับคำทักทายจากพนักงานสาวที่เดินเข้ามายืนหน้าโต๊ะทำงาน ปลายคิ้วเข้มกระตุกเล็กน้อยกับน้ำเสียงของเธอที่ฟังดูแหบ ๆ คล้ายกับคนไม่สบาย
ไม่รู้ว่าไม่สบายจริง ๆ หรือน้ำเสียงเป็นแบบนี้อยู่แล้วกันแน่ ซึ่งนั่นทำให้ใจของเขาเริ่มเอนเอียงไปทางเติมรักแล้วเพราะน้ำเสียงเธอนุ่มคล้ายกับคนในคืนนั้น แต่เพื่อไม่ให้ผิดพลาดเขาก็คงต้องพิสูจน์ให้มากกว่านี้
“คุณไม่สบายเหรอ” เสียงทุ้มเปล่งถามด้วยความสงสัยหลังจากนิ่งเงียบนานนับนาที ขณะที่สายตาก็จับพิรุธอยู่ตลอดเวลา
“ค่ะ” คามิลลาหญิงสาวเจ้าของใบหน้าคมคายตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่มีทีท่าประหม่า หรืออาการใด ๆ ออกมาให้เห็นเหมือนกับเติมรัก
“การทำงานเป็นไงบ้าง มีปัญหาตรงไหนไหม” เขาเพียงพยักหน้ารับแล้วถามไถ่ต่อด้วยคำถามธรรมดาเหมือนเจ้านายกับลูกน้องทั่วไป
“ไม่มีปัญหาอะไรค่ะท่านประธาน”
“แล้วทริปที่บริษัทพาพนักงานพักผ่อนคุณมีความคิดเห็นว่ายังไงบ้าง” หลังจากได้รับคำตอบเขาก็เริ่มถามไถ่ต่อด้วยคำถามที่คล้าย ๆ กับถามเติมรักพลางจับพิรุธไปด้วย
“เป็นทริปที่ดีมากเลยค่ะ ดิฉันคิดว่าเป็นการเติมพลังกาย และเติมไฟให้พนักงานได้ดีมากค่ะ” ใบหน้าหล่อเหลาพยักรับน้อย ๆ กับคำตอบฉะฉานของพนักงานสาว ก่อนยิงคำถามต่อ “แล้วปาร์ตี้คืนสุดท้ายเป็นยังไงบ้าง คิดว่าทางบริษัทจัดได้สนุกไหม”
“สนุกมากค่ะ” คามิลลาขมวดคิ้วเล็กน้อยกับคำถามของประธานหนุ่ม แต่ก็ตอบไปตามความรู้สึกแม้จะเกิดความสงสัยเกี่ยวกับคำถามเล็กน้อย
ตอนนี้ประภากรณ์เริ่มมั่นใจเกินห้าสิบเปอร์เซ็นต์แล้วว่าเติมรักคือผู้หญิงในคืนนั้นเพราะคามิลลาไม่ได้แสดงพิรุธอะไรออกมาเลย ตอบทุกคำถามได้อย่างฉะฉาน สีหน้าก็ราบเรียบตั้งแต่เข้ามาจนถึงตอนนี้ต่างจากเติมรักสิ้นเชิงกว่าจะตอบได้แต่ละประโยคเหมือนต้องกลั่นกรองแล้วกลั่นกรองอีก สีหน้าท่าทางรน ๆ เหมือนคนกลัวอะไรสักอย่างตลอดเวลา
เมื่อไร้ความสงสัยใด ๆ กับพนักงานสาวเขาจึงอนุญาตให้เธอกลับไปทำงานต่อ “ผมเรียกคุณมาสอบถามแค่นี้แหละ คุณกลับไปทำงานต่อเถอะ”
“ค่ะ” คามิลลาน้อมรับคำพูดเจ้านายหนุ่มแล้วหมุนตัวเดินออกไปจากห้องทันที
“เติมรัก” หลังจากคามิลลาปิดประตูลงประภากรณ์ก็เอื้อมไปหยิบแฟ้มประวัติเติมรักมาเปิดดู ไล่สายตาอ่านทุกตัวอักษรบนกระดาษอย่างละเอียด ก่อนจับจ้องรูปถ่ายของเธอด้วยสายตาคาดโทษ
รอยยิ้มบาง ๆ ผุดขึ้นประดับมุมปากหนาอย่างมีเลศนัยเมื่อความคิดบางอย่างแวบเข้ามาในสมอง เขาคิดออกแล้วล่ะว่าจะทำยังไงให้เธอยอมรับว่าเป็นผู้หญิงในคืนนั้น
มือหนาปิดแฟ้มประวัติลงแล้วเลื่อนกลับไปไว้ที่เดิม ก่อนจะหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะขึ้นมาต่อสายเรียกพายัพให้เข้ามาหาเพื่อสั่งงาน