ตอนที่ 1 สัญญาแต่งงาน
ตอนที่ 1
สัญญาแต่งงาน
“นำป้ายหยกนี้ไปที่สกุลกู้...เจ้ามีสัญญาหมั้นหมายเอาไว้ต่อจากนี้จะได้ไม่ต้องตัวคนเดียว”
นี่คือประโยคสุดท้ายที่ท่านปู่กำชับนางเอาไว้ก่อนที่จะสิ้นใจ
ครั้งเมื่อฝีเท้าเล็กมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูจวนใหญ่ที่มีป้ายติดอยู่เหนือประตูจวนอย่างชัดเจนว่าเป็นจวนสกุลกู้ หลิงฉงหลง ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วอย่างสงสัยว่าตัวนางอาจมาผิดที่หรือไม่
หญิงสาวที่มาจากบนเขานอกเมืองอย่างนางจะไปมีสัญญาหมั้นหมายกับสกุลใหญ่ร่ำรวยเช่นนี้ได้อย่างไรกัน
ตอนที่นางตัดสินใจจะรั้งเท้ากลับไปหาตั้งหลักที่โรงเตี๊ยมเล็กๆ สักแห่งก่อนแล้วค่อยไปสอบถามว่าในเมืองยังมีสกุลกู้อื่นอีกหรือไม่ก็ประจวบเหมาะกับประตูจวนถูกเปิดออกมาจากด้านในพร้อมกับที่มีฮูหยินวัยกลางคนผู้หนึ่งที่หน้าตางดงามก้าวออกมาและหันมามองนางซึ่งยืนอยู่พร้อมในมือที่มีป้ายหยกที่ได้รับมาจากท่านปู่ถือเอาไว้
“ข้าขอดูป้ายหยกในมือแม่นางน้อยชัดๆ หน่อยได้หรือไม่” ฮูหยินผู้นี้เอ่ยกับนางอย่างใจดี
“ได้เจ้าค่ะ” หลิงฉงหลงยื่นป้ายหยกในมือตนไปให้ฮูหยินท่านนี้ดูอย่างไม่นึกหวง
ฮูหยินวัยกลางคนเมื่อรับป้ายหยกจากมือนางไปก็สัมผัสอย่างระมัดระวัง ในแววตาของนางปรากฏความตื่นเต้นยินดีขึ้นมาอย่างไม่อาจปกปิด
“สาวน้อยเจ้าเป็นอะไรกับพ่อเฒ่าหลิงหรือ”
“ข้าน้อยเป็นหลานสาวของท่านปู่เจ้าค่ะ” หญิงสาวเอ่ยตอบไปในทันที นางยังไม่ได้บอกชื่อสกุลตัวเองให้ฮูหยินท่านนี้ทราบแต่นางกลับถามหาท่านปู่ได้อย่างถูกต้องซึ่งนั่นก็เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นได้ว่าฮูหยินท่านนี้กับท่านปู่นั้นเคยรู้จักกันมาก่อน
“พ่อเฒ่าหลิงเล่า” กู้ฮูหยินเอ่ยถาม
“ท่านปู่เสียแล้วเจ้าค่ะเมื่อสามเดือนก่อน”
“ข้าเสียใจด้วยนะสาวน้อย” กู้ฮูหยินเอ่ยด้วยน้ำเสียงเศร้า นางไม่ลืม ที่จะเอื้อมมือไปจับมือเล็กของหญิงสาวเป็นเชิงต้องการให้กำลังใจ
“ขอบคุณเจ้าค่ะฮูหยิน” นางเอ่ยพร้อมกับส่งยิ้มเล็กน้อยไปให้เป็น เชิงบอกว่าในตอนนี้นางทำใจได้บ้างแล้ว ไม่ได้รู้สึกเศร้าโศกมากมายอย่าง ช่วงวันแรกๆ ที่สูญเสียอีกแล้ว
“ต่อจากนี้เจ้าเรียกข้าว่าท่านป้ากู้เถิด มาพวกเราเข้าไปคุยข้างใน จวนกันให้สบายๆ เจ้าเดินทางมาคงเหนื่อยแย่”
หลิงฉงหลงตามท่านป้ากู้เข้าไปในจวนใหญ่สกุลกู้ ท่านป้านั้นต้อนรับนางเป็นอย่างดีน้ำชากับขนมชั้นดีถูกนำมารับรองในเวลาไม่นานนัก อีกทั้งท่านป้ายังสอบถามความชอบเกี่ยวกับรสชาติขนมและอาหารของนางอย่างใส่ใจอีกด้วย
“ฉงหลงตัวน้อยเหตุใดเจ้าจึงไม่สวมชุดไว้ทุกข์แล้วเล่า เจ้าว่าท่านผู้เฒ่าเพิ่งจากไปได้สามเดือนมิใช่หรือ” ฮูหยินกู้เอ่ยถามอย่างสงสัย เมื่อนึกขึ้นมาได้และเห็นว่าเด็กสาวตรงหน้าสวมชุดสีเขียวอ่อนที่แบบชุดไม่ทันสมัยเนื้อผ้าก็ดูธรรมดา
“เป็นความต้องการของท่านปู่เจ้าค่ะ ท่านปู่สั่งให้ข้าไว้ทุกข์ให้ท่านสามเดือนเท่านั้นและให้ลงเขามาไม่ให้รั้งอยู่ที่เรือนไม้ไผ่บนเขาอีก”
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ เจ้าเป็นสตรีอยู่บนเขาผู้เดียวนานเกินไปอันตรายจริงๆ ป้าเข้าใจความห่วงใยของท่านผู้เฒ่าหลิงได้ อีกทั้งลงเขามาเมื่อไม่ต้องไว้ทุกข์แล้วก็สามารถแต่งงานได้ในทันที”
“ท่านป้า...ข้ารู้ดีว่าแม้ท่านปู่จะเอ่ยบอกว่าข้ามีสัญญาหมั้นหมายแต่ข้าเป็นเพียงสตรีจากบนเขาไหนเลยจะคู่ควรกับคุณชายของบ้านท่าน หากท่านต้องการบอกเลิกสัญญาข้าย่อมไม่ดื้อรั้นเจ้าค่ะ” นางเอ่ยขึ้นอย่างรู้ดีว่าตัวนางนั้นเป็นเพียงสตรีธรรมดาไหนเลยจะคู่ควรเป็นสะใภ้ในสกุลเศรษฐีเช่นนี้ “เพียงแต่ข้าลงจากเขามาไร้ญาติขาดมิตรให้พึ่งพา คงต้องรบกวนให้ท่านป้าช่วยเหลือแทน” ท่านให้เงินข้าสักก้อนให้ไปตั้งตัวหาที่อยู่และเป็นทุนทำมาหากินเลี้ยงตัวเอง นี่คือสิ่งที่นางแฝงความในอยากจะเอ่ยกับกู้ฮูหยินผู้นี้และนางก็คิดว่ากู้ฮูหยินย่อมเข้าใจที่นางอยากจะบอก
นางไม่แต่งงานก็ได้แต่ต้องได้เงินสักก้อนติดมือออกไป...นี่คือความตั้งใจอีกอย่างหนึ่งของนางหากไม่อาจแต่งงานตามที่ท่านปู่ต้องการก่อนจากไปได้
“แต่งสิ ต้องแต่งสกุลกู้เราจะผิดสัญญาได้อย่างไร ผู้เฒ่าหลิงมีบุญคุณช่วยชีวิตสามีของข้าเอาไว้ยามนี้หลานสาวเพียงคนเดียวของเขาไร้ที่พึ่งสกุลกู้จะไม่ทำตามสัญญาได้อย่างไร” กู้ฮูหยินรีบร้อนเอ่ยขึ้นราวกับว่าเป็นเรื่องใหญ่โต
หลิงฉงหลงเมื่อได้เห็นท่าทีของท่านป้ากู้แล้วจึงคิดว่านางช่างเป็นคนดีเหลือเกิน ไม่เพียงไม่รังเกียจสตรีบ้านป่าเช่นนางแต่ยังยอมรับเป็นอย่างดีแม้ท่านปู่จะไม่อยู่แล้วแต่ก็ไม่คิดจะผิดสัญญา
“ขอบคุณท่านป้าที่ไม่รังเกียจข้าเจ้าค่ะ” นางลุกขึ้นโค้งคำนับฮูหยินกู้พร้อมรอยยิ้มกว้าง
“ฉงหลงเด็กดีเจ้าน่ารักน่าเอ็นดูถึงเพียงนี้ข้าจะรังเกียจลงได้อย่างไร เจ้ารอแต่งเข้าสกุลกู้เราอย่างสบายใจก็พอเรื่องใดล้วนมีป้าจัดการให้เจ้า”
หลังจากพูดคุยกันต่ออีกเล็กน้อยกู้ฮูหยินก็สั่งให้สาวใช้พาว่าที่ลูกสะใภ้ของนางไปที่เรือนรับรองที่จะให้เป็นเรือนพักชั่วคราวของหญิงสาว อีกทั้งไม่ลืมสั่งให้ดูแลว่าที่สะใภ้ของตนให้ดีอย่าได้ขาดตกบกพร่องใดๆ
เมื่อเหลืออยู่เพียงผู้เดียวในห้องโถงรับรองก็อดจะแย้มยิ้มพึงใจออกมาไม่ได้ ว่าที่สะใภ้ผู้นี้ถือว่ามาแสดงตัวได้ในเวลาเหมาะเจาะที่นางกำลังมีความกังวลเกี่ยวกับเรื่องที่บุตรชายคนโตอย่าง กู้ซืออัน ถูกเล่าลือกันไปทั่วว่าเขานั้นเป็นพวกตัดแขนเสื้อและนิยมชมชอบไม้ป่าเดียวกัน
ข่าวลือเหล่านี้แม้จะลือกันเล็กๆ มาเสมอเพราะรูปโฉมของบุตรชายนั้นงดงามราวสตรีแถมงดงามปานล่มเมืองได้ แต่นางก็ไม่เคยหวั่นใจเท่าในระยะนี้
มีอย่างที่ไหนบุรุษฉกรรจ์ เช่นเขาที่ย่อมมีความต้องการพลุกพล่านตามวัยที่กำลังเร่าร้อนกับไม่เคยข้องแวะสตรีใดเลย แม้แต่สาวใช้ข้างเตียงสักคนก็ไม่มี กิจการหอนางโลมหรือหอบรรเลงดนตรีภายใต้สกุลกู้หรือที่อื่นก็ไม่เคยได้ยินว่าเขาต้องตาต้องใจหรือเรียกใช้สตรีคนใดเลย ยามดึกข้างกายกับไม่เคยมีสตรีทว่ากับสหายบุรุษกับร่ำสุราใกล้ชิดกันในยามค่ำคืน แถมสาวใช้ก็ไม่ยอมให้มีมาปรนนิบัติยามอยู่ในจวนหากไม่ใช้บ่าวชายก็จะไม่ให้อยู่รับใช้ในเรือน
ในเมื่อเป็นถึงขั้นนี้แล้วมารดาอย่างนางจะไม่ร้อนใจได้อย่างไร ไม่ใช่นางไม่คิดหาว่าที่สะใภ้ ทว่าหญิงงามใดที่นางเคยพามาล้วนไม่เข้าตาบุรุษชายสักคน ครั้งนี้จึงทำได้เพียงใช้สัญญาในกาลก่อนที่เคยทำไว้บังคับให้ยอมแต่งงานแล้ว
แม้ฉงหลงน้อยจะมีชาติสกุลต่ำไปหน่อยก็ตามทีแต่ก็ดูเป็นเด็กที่ไม่เลวเลยอีกทั้งยามนี้สกุลกู้ก็ต้องการสะใภ้สักคนอยู่จริงๆ ต่อจากนี้ก็ต้องลำบากนางแล้ว
