CHAPTER 1
จากการได้พูดคุยทำความรู้จักกัน ทำให้ฉันรู้ว่าอลันไปเรียนต่อต่างประเทศตั้งแต่จบชั้นประถม หลังจากนั้นก็อยู่ที่โน่นมาตลอดจนกระทั่งกลับมาเมืองไทยในฐานะทายาทเพียงคนเดียวของบริษัทอสังหาริมทรัพย์อันดับต้น ๆ ของประเทศ ทำให้เขามีเพื่อนในเมืองไทยน้อย และก็เป็นไปตามแผนเมื่ออลันบอกว่าเขาเพิ่งกลับมาเมืองไทย จึงยังไม่รู้จะออกไปเที่ยวที่ไหน เขาขอให้ฉันช่วยแนะนำให้ ซึ่งฉันก็ตอบตกลงในทันทีแบบไม่ต้องเสียเวลาคิด
ฉันและอลันเริ่มจากการแลกเบอร์มือถือกัน ส่งข้อความคุยกัน จนกระทั่งช่วงหลังที่เริ่มสนิทกันมากขึ้นก็โทรศัพท์คุยกันก่อนนอน อลันเป็นผู้ชายซื่อ ๆ และพูดไม่เก่ง แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะฉันเป็นพนักงานแผนกการตลาดที่สามารถหาเรื่องมาพูดคุยกับคนอื่นได้ทั้งวัน แม้ฉันและเขาจะสนิทกันมากขึ้น แต่ถ้าอยู่ที่บริษัทก็ต่างคนต่างทำงาน ซึ่งเรื่องนี้ฉันเป็นคนขอร้องอลันไว้เอง โดยให้เหตุผลว่าไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าพนักงานธรรมดาอย่างฉันรู้จักกับผู้บริหารของบริษัท แต่เหตุผลที่แท้จริงคือ ฉันไม่อยากให้ใครมาจับตามองความสัมพันธ์ของเรา เพราะการเป็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์และถูกกล่าวถึงเรื่องความสัมพันธ์ จะทำให้แผนจับผู้ชายรวยของฉันยุ่งยากมากขึ้น
จากความสัมพันธ์แค่แลกเบอร์โทรศัพท์คุยกัน จนกระทั่งฉันและอลันสนิทกันถึงขั้นที่นัดออกไปเจอกันในวันหยุด วันเสาร์ที่ปกติฉันจะนอนพักผ่อนอยู่ห้องเพราะไม่ชอบออกไปไหน แต่วันนี้กลับมานั่งตรงข้ามกับอลันที่ร้านกาแฟบรรยากาศสบาย ๆ
“ผู้หญิงสวยมาก”
“ผู้ชายดูไม่ได้เลยสักนิด ไม่เห็นเหมาะกันเลย”
เสียงกระซิบกระซาบจากโต๊ะด้านข้างดังขึ้น ทำให้คิ้วของฉันขมวดขึ้นด้วยความไม่พอใจ ขณะที่กำลังจะลุกขึ้นไปถามคนพวกนั้นว่า ว่างมากหรือไงถึงได้สอดรู้สอดเห็นเรื่องคนอื่น มือหนาของคนที่นั่งตรงข้ามก็ยื่นมือมาจับข้อมือเล็กของฉันไว้ ทำให้การเคลื่อนไหวของฉันหยุดลง
“ขอโทษครับ” เขาดึงมือตัวเองออกอย่างสุภาพ ดวงตาเรียวเล็กของเขามองสบตากลมโตของฉัน พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
“ผมไม่เป็นไร คุณไม่ต้องคิดมากหรอก”
คนโดนนินทายังไม่ถือสา แล้วฉันจะทำอะไรได้ เมื่อเขาพูดแบบนั้น ฉันจึงนั่งลงอย่างกระแทกกระทั้นเพราะความขัดใจ
“คุณไม่โกรธเหรอคะ คนพวกนั้นนินทาคุณนะ”
“ผมก็อ้วนมาตลอด ถ้าจะโกรธก็ต้องโกรธมาทั้งชีวิตแล้ว” เขาบอกฉีกยิ้มกว้างยืนยันหลังพูดจบ รอยยิ้มนั้นกว้างขวางยิ้มจากปากไปจนถึงตา ทำให้ฉันเผลอจ้องมองเขาตาปริบ ๆ ผู้ชายหน้าตาธรรมดาแต่เวลายิ้มแบบนี้กลับทำให้โลกดูสว่างไสวขึ้นมาทันใด แต่ถึงอย่างไรอารมณ์หงุดหงิดของฉันก็ยังไม่ลดลงง่ายๆ
“คุณไม่ใช่ตัวตลกนะคะ ไม่จำเป็นต้องอดทนกับอะไรแบบนี้”
“แค่คุณโกรธแทนผม แค่นี้ผมก็ดีใจแล้วครับ”
เมื่อเจ้าตัวยังคงยืนยันแบบนั้น ฉันจึงไม่รู้จะพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก
“เราออกไปเดินเล่นกันดีไหมคะ อยู่ในนี้หายใจไม่สะดวกเลย” ฉันชวนเขาออกไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะข้าง ๆ แทน จะได้ไม่ต้องทนหงุดหงิดคนพวกนี้ ซึ่งอลันก็ตอบตกลงทันที
ฉันและเขาจึงเดินเคียงคู่กันในสวนสาธารณะ โชคดีที่ช่วงนี้เป็นหน้าหนาว อากาศไม่ร้อน ฉันยืนมองคู่รักหลายคู่ปั่นเป็ดอยู่กลางบึง ไม่รู้คนพวกนั้นคิดอย่างไร ถึงต้องมีกิจกรรมที่ต้องออกแรงให้เหนื่อย แต่อลันที่มองตามสายตาฉันกลับนึกว่าฉันอยากลงไปปั่นเสียเอง
“ขอโทษนะครับที่ลงไปปั่นเป็นเพื่อนคุณไม่ได้ เพราะน้ำหนักของผมเกินมาตรฐาน”
“ฉันไม่ได้อยากปั่นค่ะ” ฉันรีบหันกลับมาปฏิเสธ ถ้าปั่นเป็ดเหงื่อออกเยอะ เขาก็ได้เหม็นเหงื่อกันพอดี จะไปหาความประทับใจมาจากไหน
แม้อากาศจะดี แต่อลันกลับเดินได้ไม่นานก็เริ่มหอบเหนื่อย ฉันหยุดเดินแล้วหันกลับไปมอง ก็เห็นว่าคนที่ควรจะเดินตามหลังมากำลังก้มลงจับเข่าทั้งสองข้างของตัวเองไว้ เห็นดังนั้นฉันก็รีบวิ่งกลับมายืนตรงหน้าเขาด้วยความเป็นห่วง หมอนี่จะมาเป็นอะไรไปตอนที่อยู่กับฉันไม่ได้นะ ฉันรับผิดชอบชีวิตทายาทนักธุรกิจใหญ่ไม่ไหวหรอก
“คุณเป็นอะไรไปคะ”
“ผม...ไม่เคยออกกำลังกายหนักขนาดนี้มาก่อนครับ”
อ่อ…ฉันครางรับในใจ มือก็ช่วยพยุงคนตัวโตไปนั่งที่ม้านั่งตัวยาว เห็นเขามีเหงื่อซึมออกมาตามไรผม เสื้อเชิ้ตสีฟ้าของเขาก็เปียกชุ่มเป็นวงกว้าง ฉันจึงยื่นมือออกไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของเขา แต่มือชื้นเหงื่อของเขากลับรีบตะครุบมือฉันไว้แน่น
“ทำอะไรครับ”
“คุณต้องคลายเสื้อนอกจะได้ช่วยระบายความร้อน”
“อ่อ” ใบหน้าของอลันแดงก่ำ มือหนาปล่อยมือจากมือฉัน ปล่อยให้ฉันคลายกระดุมสองเม็ดบนให้โดยไม่ได้ว่าอะไรอีก ฉันจัดแจงคลายกระดุมเสื้อให้เขาเสร็จ ก็จับจ้องสีหน้าที่เริ่มดีขึ้นของเขาอย่างพึงพอใจ
“นั่งตรงนี้เดี๋ยวนะคะ ฉันจะไปซื้อน้ำมาให้”
ฉันบอกเขาจบก็รีบวิ่งไปทันทีโดยไม่รอฟังว่าเขาจะพูดว่าอะไร กลับมาอีกครั้งพร้อมกับน้ำเปล่าในมือ จัดการเปิดขวดน้ำแล้วยื่นไปตรงหน้าเขา ริมฝีปากแห้งผากของอลันอ้าปากขึ้นดูดน้ำเย็นที่ฉันยื่นให้ ใบหน้าของเขาแดงก่ำขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าหน้าเขาแดงเพราะร้อน เพราะเหนื่อย หรือเพราะกำลังเขินอยู่กันแน่ แต่เมื่อสบตากัน ดวงตาเรียวเล็กของคนที่นั่งอยู่ก็เสหลบมองพื้น ดูออกง่ายมากว่าเจ้าตัวกำลังประหม่า
“ขอบคุณครับ” เขาบอกเมื่อเริ่มรู้สึกดีขึ้นหลังจากได้ดื่มน้ำเย็น ๆ
“แล้วก็…ขอโทษนะครับที่ทำตัวเป็นภาระของคุณ”
“โอ๊ะ!” ฉันรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที “ฉันต่างหากละคะที่ต้องขอโทษที่ทำให้คุณลำบาก”
ฉันชวนเขามาเดินเล่น แต่เมื่อคิดดูแล้วระยะทางที่เดินรอบสวนสาธารณะแห่งนี้ก็นับเป็นระยะหลายร้อยเมตร ลำพังคนที่ปากกัดตีนถีบ ทรหดอดทนมาตั้งแต่เด็กอย่างฉันไม่เป็นอะไรอยู่แล้ว แต่ลูกคุณหนูที่ร่างกายเปราะบางอย่างเขาจะทนได้อย่างไร
“ไม่ใช่ความผิดของคุณหรอก ผมไม่ค่อยแข็งแรงเอง” เขาบอกเมื่อเห็นสายตารู้สึกผิดของฉัน
ฉันมองพิจารณาคนตรงหน้า ก่อนจะตัดสินใจถามออกไป
“คุณอลันร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงเหรอคะ”
“ใช่ครับ เพราะน้ำหนักของผมมากเกิน ทำให้การออกกำลังกายยิ่งเป็นเรื่องยากลำบาก นานวันเข้าก็กลายเป็นว่าแค่ขยับตัวเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็เหนื่อยแล้ว”
ฉันมองผู้ชายตรงหน้า ขณะคิดว่าเขาอายุเพียงสามสิบสี่ปี มีฐานะร่ำรวย ร่างกายไม่แข็งแรง แบบนี้ถ้าฉันได้แต่งงานกับเขาก็ถือว่าเป็นหนูตกถังข้าวสารชัด ๆ ดังนั้นฉันจึงเตือนตัวเองว่า ฉันจะต้องลงเอยกับผู้ชายคนนี้ให้ได้