บทที่ 5 ข้าไม่ใช่นาง
เสิ่นหรันหรันล้มป่วยอยู่หลายวันกว่าที่จะได้สติ หลังจากที่ฟื้นขึ้นมาเธอไม่ได้อยู่ในโรงเก็บฟืนแห่งนั้นแล้ว ในตอนที่เธอหมดสติเธอก็ได้ถูกเคลื่อนย้ายมายังสถานที่ใหม่โดยที่ไม่รู้เนื้อรู้ตัว
หลังจากนอนนิ่ง ๆ อยู่หลายวัน เธอก็รู้ตัวแล้วว่าเวลานี้เธอไม่ได้อยู่ในโลกเดิมอีกต่อไปแล้วจากปากของบ่าวคนหนึ่งนามว่ากัวชิงซึ่งถูกส่งมารับใช้เธอ
ในตอนนี้เธอคือองค์หญิงหลินหรันแห่งเผ่าหุยเจียนและได้แต่งงานกับท่านอ๋องโหย่วเฉาผู้มีชื่อเสียงเลื่องลือว่าไร้เมตตาที่สุดในใต้หล้าแห่งแคว้นต้าถัง
กัวชิงเป็นหญิงสูงวัยร่างกายใหญ่โตทว่ามีใบหน้าที่ดูใจดีเป็นอย่างยิ่ง
นางเล่าให้เสิ่นหรันหรันฟังว่า
“ท่านอ๋องมีนามว่า โหย่วเฉา ตกหลุมรักองค์หญิงตั้งแต่แรกพบ แม้องค์หญิงจะมีคู่หมายอยู่แล้วแต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ ลงมือฉุดองค์หญิงมาในคืนหนึ่ง กระทั่งท่านอ๋องหุยเจียนต้องยินยอมให้องค์หญิงแต่งกับท่านอ๋องตามประเพณี”
“แล้วหรันหรันอยู่ไหนคะตอนนี้”
“ค่ายทหารใกล้ชายแดนต้าถังเจ้าค่ะ”
ในเวลาต่อมาเสิ่นหรันหรันยังได้พบกับหมอโจวรุ่ยอีกครั้ง
สายตาของเขาก็ดูเหมือนคนปกติ ไม่ได้โหดร้ายเหมือนสายตาของโหย่วเฉาทำให้เสิ่นหรันหรันอุ่นใจไม่น้อย
แต่โจวรุ่ยก็สงวนถ้อยคำอยู่มากส่วนเสิ่นหรันหรันก็เป็นคนที่ค่อนข้างขี้อายเมื่อต้องเผชิญกับคนแปลกหน้า แม้จะมีคำถามในใจมากมายเธอก็ยังไม่กล้าถามออกไป
โจวรุ่ยยังกล่าวย้ำกับนางหลายหน
“องค์หญิงตอนนี้ท่านมิใช่องค์หญิงหลินหรันแห่งเผ่าหุยเจียนอีกแล้ว ท่านคือพระชายาของโหย่วเฉาอ๋องแห่งต้าถังจดจำให้ขึ้นใจว่าท่านอ๋องคือสามีของท่าน ท่านต้องปรนนิบัติท่านอ๋องให้ดีที่สุด”
“แล้ว หุยเจียนที่เป็นบ้านเกิดขององค์หญิงหลินหรันอยู่ที่ไหน”
“บ้านเกิดของท่านอยู่ติดกับแคว้นต้าถังของเรา เพราะการแต่งงานของพระชายากับท่านอ๋อง ต่อไปด้วยความคุ้มครองของต้าถังจะไม่มีใครกล้ารุกรานเผ่าหุยเจียนอีกต่อไป ท่านก็เห็นแล้วว่าท่านอ๋องนำศีรษะของศัตรูมามอบเป็นสินสอดให้ท่านแล้ว”
เสิ่นหรันหรันริมฝีปากสั่นระริก เมื่อคิดถึงศีรษะของผู้ชายคนนั้น
“หะ หัวของผู้ชายคนนั้นคือสินสอดหรือคะ”
โจวรุ่ยพยักหน้าพร้อมกับจ้องมองใบหน้างาม
ดวงตากลมโตเบิกกว้าง ท่าทางตื่นตระหนก ท่าทางนี้กลับทำให้นางดูน่ารักไม่น้อย คงเป็นเพราะว่านางคือโฉมงามอยู่แล้ว ไม่ว่าจะแสดงท่าทางอันใดก็ล้วนน่าดูชมไปเสียหมด
หัวใจของโจวรุ่ยมิได้แข็งเหมือนโหย่วเฉา แม้ว่าเขาไม่อยากพูดมากแต่ก็อดที่จะพูดคุยกับนางเพิ่มอีกไม่ได้
“ใช่ ท่านอ๋องของข้าทุ่มเทเพื่อนำหัวคนมามอบให้ท่าน เขายังได้รับบาดเจ็บที่แผ่นหลังกลับมาด้วย ท่านต้องดูแลเขาให้ดี ๆ”
“ขะ เขาคือใครคะ คนนั้น หัวของคนนั้น”
เธอบังเกิดอาการวิงเวียนอีกแล้ว เมื่อรู้ว่าผู้ชายคนนั้นต้องตายเพราะตัวเอง โจวรุ่ยขมวดคิ้ว
“ท่านจำสิ่งใดไม่ได้สักนิดเลยหรือ”
เสิ่นหรันหรันพยักหน้า
“หรันหรันจำอะไรไม่ได้ค่ะ หากจะให้พูดกันตรง ๆ ก็คือ หรันหรัน ความจำเสื่อม จำไม่ได้จริง ๆ นะคะ ลืมไปหมดแล้ว พี่ชายช่วยเล่าให้หรันหรันฟังทุกเรื่องได้หรือเปล่าคะ”
นี่คือข้อแก้ตัวที่เธอคิดได้ในตอนนี้
โจวรุ่ยยิ้มมองเสิ่นหรันหรันด้วยสายตาอบอุ่น
“พี่ชายหรือ ไม่คิดว่าองค์หญิงจะไม่ถือตัวเพียงนี้ เอาเถิดข้าจะเล่าให้ท่านฟังทั้งหมด”
โจวรุ่ยเริ่มเล่าเรื่องทั้งหมดให้เสิ่นหรันหรันฟัง
ตอนนี้เธอคือหลินหรันองค์หญิงแห่งเผ่าหุยเจียน เสิ่นหรันหรันได้เห็นตัวเองในกระจกแล้วและพบว่าใบหน้านี้ก็คือใบหน้าของเธอไม่ผิดเพี้ยน หรือว่านี่จะเป็นตัวเธอเองในอีกโลกหนึ่ง
เดิมทีเผ่าหุยเจียนต้องการยกองค์หญิงเพื่ออภิเษกกับองค์ชายโหย่วเฉาซึ่งดำรงตำแหน่งอ๋องแห่งต้าถัง แต่กลับถูกต้าถังปฏิเสธอย่างไร้ไมตรี
โหย่วเฉาได้ยินชื่อเสียงเลื่องลือในเรื่องความงามขององค์หญิงหลินหรัน แต่ไม่เคยสนใจมาก่อน นั่นเป็นเพราะว่าในใจของเขายังมีสตรีนางหนึ่งอยู่ในใจ
สาเหตุที่หุยเจียนต้องการยกองค์หญิงให้ต้าถังนั้นก็เพื่อแลกกับความคุ้มครองเผ่าหุยเจียนที่กำลังลำบากเรื่องเผ่าอื่นร่วมมือกันรุกราน
แต่ฝ่าบาทแห่งต้าถังย่อมไม่คิดจะเอาต้าถังเข้าไปมีส่วนร่วมในสงครามที่ไม่เกิดประโยชน์จึงได้ปฏิเสธไป
เผ่าหุยเจียนรู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างยิ่งแต่ด้วยอิทธิพลของต้าถังพวกเขาจึงไม่อาจทำสิ่งใดได้
เผ่าหมานเป็นเผ่าใหญ่ที่ต้องการยึดครองหุยเจียน อีกทั้งองค์ชายเผ่าหมานนั้นก็ตกหลุมรักองค์หญิงมานาน เมื่อต้าถังปฏิเสธเผ่าหมานจึงข่มขู่ทำให้หุยเจียนต้องจำยอมด้วยความรู้สึกกล้ำกลืนฝืนทน
ในที่สุดองค์หญิงหลินหรันและองค์ชายซึ่งเป็นแม่ทัพเผ่าหมานก็ตกลงหมั้นหมายกัน
จนกระทั่งในวันที่โหย่วเฉาเดินทางมาที่นี่เพื่อเป็นทูตทางการทหารของแคว้นต้าถัง เขาก็ได้พบองค์หญิงหลินหรันในงานเลี้ยง และทำให้เขาตื่นตะลึงทั้งตกใจ
“ใช่เจ้าหรือไม่...จิ่งหยาง”
วันนั้นโหย่วเฉากินเหล้าจนเมามาย ยังเห็นองค์หญิงเป็นสตรีอื่นคนที่อยู่ในใจของเขามาตลอด
ด้วยความเมาและเข้าใจผิด ในคืนนั้นเองเขาจึงได้ลอบเข้าไปในตำหนักขององค์หญิงหลินหรัน และฉุดนางออกมาขังเอาไว้เพราะคิดว่านางคือจิ่งหยางสตรีในดวงใจ
คนเมาในวันนั้นเอาแต่พูดว่า
“เจ้าเหมือนนางจริง ๆ ยิ่งมองยิ่งเหมือน ยิ่งมองก็ยิ่งคล้ายคลึงกัน เป็นเจ้าใช่หรือไม่ เป็นเจ้าใช่หรือไม่ บอกข้าเจ้าคือนางใช่หรือไม่”
เมื่อถูกลักพาตัวองค์หญิงหลินหรันจึงคิดว่าเรื่องนี้เข้าทางตนเองแล้ว
นางรังเกียจแม่ทัพเผ่าหมาน คนผู้นั้นต้องการครอบครองเผ่าหุยเจียน และยังกดข่มอยู่หลายครั้ง เขาเป็นคนมักมากและยังมีข่าวลือเรื่องลงมือทำร้ายสตรีอยู่บ่อยครั้ง
คนบ้าอำนาจเช่นแม่ทัพเผ่าหมาน ล้วนไม่มีผู้ใดอยากเป็นสตรีของเขา
เผ่าหุยเจียนเป็นเผ่าที่รักสงบ ไม่เชี่ยวชาญการรบจึงเสียเปรียบเผ่าหมานมาตลอดมีเพียงต้องเกี่ยวดองกับต้าถังเท่านั้นจึงจะรอดพ้นจากการถูกรุกรานได้
แต่โหย่วเฉากลับปฏิเสธไม่ยอมรับนางเป็นพระชายา นางจึงไม่มีโอกาสแล้วที่จะผูกสัมพันธ์กับต้าถังเพื่อไม่ให้ผู้ใดรังแกเผ่าหุยเจียน
เมื่อถูกลักพาตัวมา องค์หญิงหลินหรันจึงอาศัยจังหวะที่โหย่วเฉามึนเมา และมองนางอย่างลุ่มหลง ให้เขาเขียนสัญญาแลกเปลี่ยนสินสอดเพื่อแต่งงาน
สินสอดของนางก็คือศีรษะของแม่ทัพจากเผ่าหมานผู้นั้น อีกทั้งความคุ้มครองจากต้าถังที่จะคุ้มครองเผ่าหุยเจียนตลอดไป