11 อย่ามายุ่งกับฉัน
หญิงสาวตะโกนด่าอย่างโกรธๆ เมื่อรู้ว่าเขาคิดไม่ดี คนอย่างนี้ไม่ควรเกรงใจอีกต่อไป ซึ่งก็ทำให้ชายหนุ่มโกรธจนตัวสั่น จ้องหน้าอย่างเอาเรื่อง
“กล้าด่าผมเลยเหรอ รู้ไหมว่า คุณอยู่บนรถใคร”
“ถ้าคุณทำอะไรฉัน ถูกจับได้แน่นอนเพราะที่ร้านมีกล้องวงจรปิด รู้ว่าฉันขึ้นรถมากับคุณ”
“ผมปฏิเสธ ว่าคุณขอลงกลางทาง ทุกอย่างก็จบ”
“ตำรวจคงจะเชื่อหรอกนะ จอดรถเดี๋ยวนี้ ฉันจะลง”
“ลงได้ไง บนทางด่วน มันน่ากลัวมาก รถแต่ละคันขับเร็ว เสี่ยงต่อการถูกชน หรือไม่ก็ถูกผู้ชายฉุดพาไปข่มขืน เอาน่า...มากับผมดีกว่า นอกจากจะสนุกแล้ว ยังได้เงินด้วย”
“ไอ้บ้า ไอ้เลว”
“ถ้าขืนด่าผมอีก คราวนี้เจอดีแน่”
วุฒิพงษ์ไม่เพียงแค่ขู่ให้กลัวเท่านั้น เขาหันมาคำราม สีหน้าบึ้งตึง ตาวาววับ จากนั้นก็ขับรถต่อ เจติยาเห็นแล้วขนลุกซู่ กลัวจนทำอะไรไม่ถูก ใจสั่น หวาดหวั่นไปหมด รู้แล้วว่างานนี้เจอโรคจิตหื่นกามเข้าแล้ว
เธอจะทำอย่างไร ถึงจะรอดพ้นจากบุรุษสุดหื่นคนนี้
“ฉันกลัว อย่ามายุ่งกับฉัน”
“ไม่ยุ่งได้ไง เสียเงินไปแล้วหนึ่งหมื่นบาท คุณจะต้องอยู่เป็นเพื่อนผม”
“ถ้าอย่างนั้น เอาเงินคืนไป แล้วปล่อยฉัน ฉันจะไม่เอาเรื่องกับคุณทั้งสิ้น นะ นะ”
ท่าทางของหญิงสาวหวาดกลัวต่อการที่จะได้อยู่ตามลำพังกับเขา วุฒิพงษ์แปลกใจและไม่เข้าใจว่าผู้หญิงทำงานอยู่ท่ามกลางผู้ชายแบบนี้ ทำไมถึงกลัวเขานัก หรือว่าเป็นมารยา เพื่อที่จะเรียกร้องค่าตัว
“ถามตรงๆ ถ้าผมจะนอนกับคุณจะต้องจ่ายอีกเท่าไหร่”
“ฉันบอกว่าไม่ อย่ามายุ่ง ไม่เอา ไม่ทำแบบนั้น”
“จริงหรือ เท่าที่ผมรู้มา ผู้หญิงอย่างคุณ ทำทุกอย่างเพื่อเงิน ยอมแม้แต่นอนกับผู้ชายแก่ๆ กระเป๋าหนัก”
“นั่นเป็นคนอื่น ไม่ใช่ฉัน”
“ไม่เชื่อหรอก ถ้าคุณไม่ต้องการขายตัว แล้วเต้นยั่วกามารมณ์ทางเพศของผู้ชายทำไมไม่ทราบ คุณทำแบบนั้นก็ต้องการให้ผู้ชายหื่น แล้วลากคุณขึ้นเตียง แลกกับเงิน”
แต่ละคำพูดของเขา สร้างความเจ็บปวดให้แก่เจติยาเป็นอย่างยิ่ง น้ำตาร่วงพรู เธอบอกกับตัวเองว่าจะต้องหยุดผู้ชายคนนี้ให้ได้
ไม่ต้องการหลับนอนกับเขา ให้เงินมากเท่าไหร่ เธอก็ไม่ต้องการ
“อย่าดูถูกกันมากเกินไป ฉันไม่ใช่คนอย่างนั้น”
“จริงหรือ คุณไม่ใช่คนอย่างนั้น แต่การแสดงบนเวที ใส่เสื้อผ้าโชว์ของดี ข้างบน ข้างล่าง แทบจะออกมาอวดอยู่รอมร่อ ท่าเต้นเหมือนกันเลื้อยเสียจน ผมเห็นแล้ว บอกตรงๆ ว่ากลัดมันมาก อยากจะกระโจนเข้าใส่ ไปทำอะไรกับคุณบนเวที”
“บ้า คนโรคจิต ลามก อัปรีย์”
“เฮ้ย! มากไปแล้วนะ ด่ากันถึงขนาดนี้เลยหรือ เดี๋ยวก็ได้เจอดีแน่”
“บอกฉันมาดีกว่า จะพาไปไหน”
“ไม่เอาไปฆ่าหมกป่าหรอกน่า”
แม้วุฒิพงษ์ยืนยันว่าไม่พาไปฆ่าหมกป่า แต่เจติยาก็ยังไม่เชื่ออยู่ดี กลัวว่าจะเกิดอันตรายธอไม่ท่าทางเขาไม่น่าไว้ใจแม้แต่นิดเดียว
อีกทั้งเธอยังไม่รู้จุดประสงค์ของเขา ว่าต้องการอะไรกันแน่
“งั้นก็บอกมาสิ ว่าต้องการอะไรจากฉัน”
“อย่าทำตัวเป็นคนอยากรู้นักเลยน่า เอาเป็นว่า เพื่อความสงบสุข และให้ผมมีสมาธิในการขับรถ คุณควรที่จะนั่งเฉยๆ ดีกว่า”
หญิงสาวหน้าเสีย เธอไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร นอกจากนั่งนิ่งเพียงอย่างเดียว ไม่กล้าที่จะขยับ และภาวนาให้ปลอดภัย
จุฬา หรือจุ๊ หญิงวัย 50 ปลายๆ หน้าตายังคงความสวยเอาไว้ แม้กาลเวลาจะบั่นทอนให้ร่วงโรยไปบ้าง แต่ก็รู้ว่าในอดีตเธอคือ ผู้หญิงที่สวยมากคนหนึ่ง
บัดนี้เป็นเวลาตีสองกว่า แต่เจติยา บุตรสาวที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการหาเงินเลี้ยงครอบครัว ยังไม่กลับบ้าน ทำให้คนเป็นแม่เช่นเธอเริ่มวิตกกังวล กลัวว่าลูกสาวจะได้รับอันตรายจากผู้ร้ายในคราบแท็กซี่ หรือถูกผู้ชายจิตสกปรก ล่อลวงไปในทางที่ไม่ดี
“เจ เจ ป่านนี้ ทำไมยังไม่กลับบ้าน แล้วปิดโทรศัพท์ทำไม รู้ไหมว่าแม่ไม่ไหวแล้ว เป็นห่วงลูกมาก แล้วยังเจ้าโจ น้องชายเจอีก พรุ่งนี้จะไปเรียนอยู่แล้วยังไม่กลับ แม่จะไปตามหาน้องที่ไหน ในเมื่อมันก็ปิดโทรศัพท์เหมือนกัน”
จุฬาว้าวุ่นใจที่สุด เมื่อไม่สามารถติดต่อลูกทั้งสองได้
เจติยาไปทำงาน หาเงินเข้าบ้าน ยอมถูกตราหน้าว่าเป็นผู้หญิงไร้ยางอาย เต้นโคโยตี้ยั่วผู้ชายให้เกิดความกำหนัด แต่จุฬาเชื่อมั่นในตัวลูกว่าไม่ทำตัวเหลวไหลเพราะเจติยาบอกว่าไม่เคยไปหลับนอนกับผู้ชายคนไหน
เงินไม่สามารถซื้อเธอได้ ส่วนโจลูกชายวัย 16 เรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เป็นวัยรุ่นหน้าตาดี เรียนเก่ง แต่ติดเพื่อน ชอบกลับเข้าบ้านดึกๆ โดยอ้างว่าไปทำการบ้านที่บ้านเพื่อน หรือไม่ก็เล่นเกม ทำให้จุฬาเป็นห่วง กลัวว่าลูกชายจะสนุกจนลืมการเรียน หรือทำตัวเหลวไหล ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ เที่ยวในร้านสำหรับวัยรุ่น มีผู้หญิง และยาเสพติดมาข้องเกี่ยว
“ทำไม เราต้องเจอกับเรื่องแบบนี้ด้วยนะ”
“แม่ พูดกับใครน่ะ”
จุฬาสะดุ้ง เมื่อได้ยินเสียงลูกชายที่กำลังรอการกลับบ้านดัง นางหันไปมองข้างหลัง โจในชุดเสื้อยืดกับกางเกงขาตรงแค่เข่า ข้างหลังสะพายเป้สีดำเดินเข้ามา แล้ววางเป้ลงบนโต๊ะบรับประทานอาหาร
“โจ ไปทำอะไร กลับบ้านเอาจนป่านนี้”
เสียงของมารดาสั่นเครือ ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล บุตรชายหัวเราะเบาๆ เข้ามากอด แล้วหอมแก้ม
“ติวหนังสือกับเพื่อนครับ”
“โทรศัพท์ก็ไม่เปิด”
“แบตฯ หมดครับ พอดีรุ่นของผมมันเก่าแล้ว ของเพื่อนมีแต่รุ่นใหม่ สายชาร์จก็เลยไม่มี”
“แม่ขอโทษที่ไม่อาจหาสิ่งดีๆ ให้กับลูกได้”
“ไม่เป็นไรครับแม่ ผมพอใจที่จะใช้อย่างนี้ แม่ไปนอนเถอะครับ ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวผมจะอาบน้ำแล้วเข้านอน พรุ่งนี้ต้องตื่นหกโมงเช้า พี่เจกลับมาแล้วใช่ไหมครับ”